การเลือกซื้อคอนโดฯ ที่ใช่ vs. โครงการที่มีนิติฯ ดี แบบไหนหายากกว่ากัน?

การเลือกซื้อคอนโดฯ ที่ใช่ vs. โครงการที่มีนิติฯ ดี แบบไหนหายากกว่ากัน?

การเลือกซื้อบ้านซักหนึ่งหลังหรือคอนโดมิเนียมหนึ่งห้องนั้น สำหรับบางคนอาจจะต้องใช้เงินเก็บทั้งชีวิต หรืออาจจะเป็นจุดเริ่มต้นของการสร้างหนี้ก้อนใหญ่ที่ต้องแบกรับไปอีกหลายปี ดังนั้นการจะเลือกซื้อที่อยู่อาศัยในแต่ละครั้งนั้นต้องคิดให้รอบด้าน ทั้งทำเลที่ตั้ง ขนาดพื้นที่ใช้สอย ดีไซน์ การออกแบบฟังก์ชั่นในแต่ละห้อง โครงสร้างอาคารมีความแข็งแรงทนทานหรือไม่ รวมถึงต้องดูลึกลงไปถึงบริษัทผู้พัฒนาโครงการว่ามีความน่าเชื่อถือเพียงใด อีกทั้งบริษัทรับเหมาก่อสร้างมีความเป็นมืออาชีพทำงานได้มาตรฐานหรือไม่ และยังต้องดูสิ่งแวดล้อมรอบโครงการด้วย อย่างไรก็ตามสิ่งสำคัญที่ผู้ซื้อจะต้องพิจารณาในการตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัยอีกอย่างนั่นคือผู้ดูแลโครงการหลังการขาย หรือ “นิติบุคคล” ซึ่งจะกลายมาเป็นผู้บริหารโครงการต่อไปในระยะยาว ซึ่งนิติบุคคลนี้เป็นคนละส่วนกับบริษัทผู้พัฒนาโครงการ เมื่อผู้พัฒนาโครงการโอนห้องให้ผู้ซื้อ จะส่งต่องานบริหารอาคารให้มีนิติบุคคลเข้ามาบริหารจัดการ

ข้อดีของโครงการที่มีนิติบุคคลเข้ามาดูแลนั้นจะมีความเป็นระบบในการบริหารส่วนต่างๆ ทั้งการจัดจ้างบุคลากร เช่น แม่บ้าน และรปภ. รวมถึงมีความโปร่งใสในด้านบัญชีที่เป็นระบบมากกว่าโครงการที่ให้เจ้าของร่วมเข้ามาบริหารจัดการกันเอง อย่างไรก็ดีการทำงานของนิติบุคคลนั้นก็มีทั้งระดับมืออาชีพและแบบที่สร้างความปวดหัวให้เจ้าของร่วม ซึ่งการจะตรวจสอบว่าแต่ละที่ให้บริการดีหรือไม่นั้นก็ต้องใช้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ ดังนั้นข้อนี้จึงถือว่ามีความยากกว่าการพิจารณาเลือกซื้อโครงการเพราะไม่สามารถตัดสินได้ด้วยการเยี่ยมชมโครงการภายในระยะเวลาอันสั้น ซึ่งหากโครงการใดต้องเจอกับนิติบุคคลที่ไม่มีความเป็นมืออาชีพนั้นก็ยังมีทางออกนั่นคือสามารถเปลี่ยนผู้ให้บริการใหม่เมื่อครบสัญญาจ้าง ส่วนนิติบุคคลที่มีความเป็นมืออาชีพนั้น สามารถพิจารณาได้ดังนี้

1. สามารถดูแลด้านกายภาพของโครงการให้มีสภาพดีเหมือนใหม่เสมอ

ซึ่งโครงสร้างทางภายภาพนี้ ประกอบด้วยตัวอาคาร สิ่งอำนวยความสะดวกในพื้นที่ส่วนกลางและพื้นที่รอบอาคาร ซึ่งตัวอาคารนั้นถือว่ามีความซับซ้อน นอกเหนือจากตัวโครงสร้างอาคารที่ต้องดูแลแล้วยังมีระบบอาคารเช่น ระบบไฟฟ้า ระบบน้ำประปา ระบบลิฟท์ ระบบไอที จึงต้องใช้มืออาชีพในการดูแล ส่วนพื้นที่รอบอาคาร ก็มีความสำคัญเช่นเดียวกันเพราะเป็นด่านแรกที่สร้างความประทับใจแก่ผู้ที่เข้ามาในโครงการ เช่น สวนส่วนกลาง ต้องมีการดูแลต้นไม้ทุกต้นให้อยู่ในสภาพที่ดี ไม่เป็นโรค หรือเหี่ยวเฉา เป็นต้น ซึ่งหากด้านกายภาพของโครงการได้รับการดูแลที่ดีก็จะช่วยให้ราคาของโครงการนั้นๆ เพิ่มขึ้นมากกว่าโครงการที่ขาดการดูแลที่ดี

2. มีระบบรักษาความปลอดภัยและรับมือเหตุฉุกเฉินที่มีประสิทธิภาพ

เพราะความปลอดภัยนั้นมีผลต่อคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ของเจ้าของร่วมอย่างมาก หากโครงการใดมีระบบรักษาความปลอดภัยที่ดี มีเทคโนโลยีด้านการรักษาความปลอดภัยที่ทันสมัย สามารถรับมือเหตุไม่คาดคิดได้ตลอด 24 ชั่วโมง ก็จะทำให้ลูกบ้านอุ่นใจ และใช้ชีวิตทุกวันอย่างมีความสุข ซึ่งงานด้านการรักษาความปลอดภัยนี้ยังรวมถึงเหตุฉุกเฉินต่างๆ เช่น ภัยธรรมชาติ รวมถึงโรคระบาด เช่นปัจจุบันที่มีการระบาดของไววัสโควิด–19 นิติบุคลลก็ต้องมีแผนการป้องกันรับมือและแจ้งให้ลูกบ้านทราบถึงแผนการที่เตรียมไว้เพื่อให้เกิดการร่วมมือกันอย่างมีประสิทธิภาพ

3. มีหัวใจรักงานบริการ

การทำงานด้วยใจนั้น เป็นอีกหนึ่งข้อที่สำคัญที่ทำให้นิติบุคคลที่ประสบความสำเร็จนั้นมีความแตกต่างจากนิติบุคคลทั่วไป เพราะหลายๆโครงการที่นิติบุคคลทำงานด้วยใจเกินร้อยก็จะสร้างความประทับใจแก่ผู้อยู่อาศัย และมักจะได้รับคำชมจากลูกบ้านอย่างท่วมท้น ซึ่งนอกจากการใส่ใจให้บริการ ดูแล ช่วยเหลือ และอำนวยความสะดวกด้านการใช้ชีวิตแก่ลูกบ้านแล้ว การมีกิจกรรมพิเศษเติ่มเติมในโครงการ ก็ช่วยสร้างความสัมพันธ์ที่ดีและการมีส่วนร่วมของสมาชิกในโครงการ เกิดเป็นคอมมูนิตี้ที่น่าอยู่ได้ เช่น การจัดกิจกรรมตามเทศกาล การจัดเวิร์คช็อปตามไลฟ์สไตล์ของลูกบ้าน อย่างเวิร์คช็อปทำอาหารจากผักออร์แกนิก เวิร์คช็อปงานศิลปะ หรือกิจกรรมออกกำลังกาย เป็นต้น 

ดังนั้นการเลือกซื้อที่อยู่อาศัยแต่ละครั้งเมื่อพิจารณาถึงปัจจัยด้านโครงการแล้ว อย่าลืมที่จะพิจารณาถึงนิติบุคคลที่จะเข้ามาดูแลการใช้ชีวิตในทุกๆ วันของบ้านหลังใหม่ หากได้มือมาชีพมาบริหารเชื่อว่าจะทำให้ผู้อยู่อาศัยเกิดความสบายใจและความอุ่นใจ ไม่ต้องมาปวดหัวในการเลือกนิติบุคลใหม่ในทุกปีแน่นอน