Smart TV สำหรับคอนโด เลือกซื้ออย่างไรให้สมาร์ท
10 April 2560
TV เป็นสิ่งบันเทิงที่ขาดไม่ได้สำหรับชีวิตคนเมือง และยิ่งสำหรับผู้พักอาศัยในคอนโดที่มีพื้นที่สันทนาการค่อนข้างจำกัดแล้ว TV เป็นมักถูกเลือกเป็นตัวเลือกในอันดับแรก ๆ ของผู้พักอาศัย สำหรับไลฟ์สไตล์ชาวคอนโดมิเนียม หากจะเลือก TV สักเครื่อง แน่นอนว่าเราควรต้องศึกษาหาข้อมูลกันพอสมควร โดยเฉพาะในปัจจุบันนอกจาก TV ในระบบอานาล็อก หรือระบบดิจิตอลที่กำลังเริ่มแพร่หลาย ยังมีอีกตัวเลือกหนึ่งที่เป็นตัวเลือกที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์ในยุดปัจจุบันของขาวคอนโดนมิเนียม นั่นก็คือ Smart TV
Smart TV หรือในบางครั้ง เราก็อาจเรียกว่า TV Hybrid เป็น TV ที่สามารถรับสัญญาณอินเตอร์เน็ตได้ โดยเป็นลักษณะแบบ Interactive (Web 2.0) โดย Smart TV เป็นลักษณะของ TV ที่ควบรวมกับคอมพิวเตอร์ หรือในบางทีอาจเป็นรูปแบบ หรือลักษณะกล่องต่อแยก (Set-top-box) นอกจากหน้าที่ดังเดิมของ TV แล้วนั้น Smart TV ยังสามารถให้บริการ Internet TV แบบ Interactive ในลักษณะเนื้อหาแบบ over-the-top (OTT) รวมถึง on-demand streaming (การเรียกดูรายการตามต้องการ)
Smart TV จึงเหมาะกับชีวิตชาวคอนโดที่ต้องการชมรายการที่หลากหลาย แต่ไม่สามารถติดตั้งจานดาวเทียมหรือเคเบิลทีวีได้เอง
Smart TV หลาย ๆ คนอาจสับสนกับ Internet TV, IPTV หรือ WEB TV จริง ๆ แล้ว Internet TV หมายถึงการรับชมเนื้อหาทีวี ผ่านอินเทอร์เน็ตแทนระบบเดิม (บนระบบเคเบิลหรือดาวเทียม ที่เป็นระบบพื้นฐานในคอนโดมิเนี่ยม) และ IPTV ก็เป็นมาตรฐาน เทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตทีวีที่ถูกออกแบบโดนผู้ออกอากาศโทรทัศน์ และ WEB TV ก็เป็นเพียงคำเรียกสำหรับโปรแกรมที่สร้างมาเพื่อใช้ออกอากาศทางทีวีเท่านั้น
Smart TV จะมีการโหลดหรือติดตั้งโปรแกรมระบบปฏิบัติการสำหรับ TV ไว้เฉพาะล่วงหน้า หรือเป็นกล่องคล้ายกล่องรับสัญญาณทีวี ในคอนโดมิเนียมยุคก่อน แต่ภายในกล่องจะถูกแทนที่ด้วย Hardware สำหรับคอมพิวเตอร์ขนาดเล็กแทน โดยเราสามารถโหลดหรืออัพเดท Software ผ่านทาง App Store หรือ Play Store ในลักษณะเดียวกับ การโหลด หรืออัพเดท Software ใน Smart Phone
และอีกเทคโนโลยีที่คอนโดมิเนียมสมัยใหม่เลือกใช้คือ การรวมระบบอานาล็อกทีวีเข้ากับกล่องรับสัญญาณโทรทัศน์แบบ Smart TV เข้าด้วยกัน โดยกล่องรับสัญญาณจะถูกเชื่อมต่อเข้ากับเครือข่ายภายในคอนโด โดนจะใช้ TV เป็นจอแสดงผลรายการต่าง ๆ อุปกรณ์เหล่านี้ จะช่วยให้ผู้พักอาศัยเข้าถึง สื่อวีดีโอ หรือภาพยนตร์ รายการทีวี และเนื้อหาอื่น ๆ ทั้งทีวีดาวเทียม และอินเตอร์เน็ตทีวี ผ่าน Smart TV ได้
วิธีเลือกซื้อ Smart TV จากประเภทจอภาพ
ก่อนที่เราจะเลือกซื้อ Smart TV เราจำเป็นต้องรูอลักษณะชนิดของหน้าจอแสดงผมเสียก่อน โดยปัจจุบันมีพาเนลหน้าจอที่นิยมอยู่ 2 ชนิดคือ
1. จอ LCD (Liquid Crystal Display)
จอ LCD ของ Smart TV เป็นจอที่นิยมใช้กับคอมพิวเตอร์มาก่อน ลักษณะเด่นพิเศษคือ บาง ประหยัดพื้นที่ มีการแสดงผลที่สบายตาและกินไฟน้อย แต่มีข้อเสียคือการแสดงผลภาพ โดยเฉพาะสีอาจผิดเพื้ยนไปบ้าง เช่น สีดำที่อาจไม่ดำจริง และองศาการมองที่แคบกว่าจอแบบ CRT หรือจอกระจกรุ่นเก่า
2.จอ Smart TV แบบ LED TV (Light Emitting Diode)
เป็นเทคโนโลยีที่ออกมาแก้ปัญหาและข้อบกพร่องของ LCD TV โดย LED TV ในหน้าจอจะประกอบด้วยหลอด LED ขนาดเล็กมาก 3 สี ได้แก่ สีแดง สีเขียว และสีน้ำเงิน โดยสามารถแสดงผลสีออกมาได้มากมาย โดยอาศัยการผสมสีของแม่สีที่ต่างกัน
ข้อดีของ LED TV คือ ประหยัดไฟกว่า LCD TV แบบแต่ก่อน แต่กลับสามารถให้แสงที่มีความสว่างสูงกว่า สีสันจัดจ้าน ชัดเจนให้สีที่ดำสนิท และมีอัตราการตอบสนองภาพที่รวดเร็ว โดยชนิดของ LED TV อาจแบ่งย่อยได้อีก 3 ประเภท คือ
2.1 จอ Smart TV แบบ EDGE LED
ข้อดีคือ จะวางหลอด LED ไว้เฉพาะขอบจอทั้ง 4 ด้าน เพื่อให้แสงสว่างเข้ามายังกลางจอทีวี ทำให้ตัวเครื่องมีขนาดบางลง และกินไฟน้อยกว่า LCD TV ส่วนข้อเสียคือ การแสดงสีดำจะดำไม่สนิทเท่าไหร่
2.2 จอ Smart TV แบบ Full LED (Direct LED)
ต่างจากแบบ EDGE LED คือ หน้าจอทีวีจะมีหลอด LED วางอยู่เต็มแผงจอ เพื่อให้ความสว่าง ข้อดีคือ ความคมชัดและความต่างสีของภาพจะดีกว่าแบบแรกเพราะสามารถทำ Local Dimming (การปิด/เปิดสี) แบบเป็นกลุ่มได้
2.3 จอ Smart TV แบบ RGB LED
ปัจจุบัน LED ชนิดนี้ เป็นเทคโนโลยีล่าสุดของ LED TV เพราะใช้หลอด LED แม่สีทั้ง 3 คือ RGB (แยก3หลอดๆ ละสี) มาเรียงๆ กันเป็นกลุ่ม ทำให้การแสดงผลภาพและสีชัดเจนมีมิติมากกว่า แบบที่กล่าวมาก่อน ข้อดีคือภาพสว่าง สีสันจัดจ้าน และให้สีดำ ที่ดำสนิทจริง
เลือกซื้อขนาด Smart TV ให้เหมาะกับห้องพักในคอนโดมีเนียม
– ทีวีขนาด 56 นิ้วขึ้นไป ระยะห่างควรอยู่ที่ 3 เมตรขึ้นไป
– ทีวีขนาด 46-55 นิ้ว ระยะห่างควรอยู่ที่ 2.5 ถึง 3 เมตร
– ทีวีขนาด 40-45 นิ้ว ระยะห่างควรอยู่ที่ 2 ถึง 2.5 เมตร
– ทีวีขนาด 32-39 นิ้ว ระยะห่างควรอยู่ที่ 1.5 ถึง 2 เมตร
– ทีวีขนาดต่ำกว่า 32 นิ้ว ลงมา ระยะห่างควรอยู่ที่ 1.5 เมตร หรือน้อยกว่านั้น
และต่อมาที่สำคัญไม่แพ้กันคือ ความละเอียดของจอภาพ (Resolution) ของ Smart TV โดยมีขนาดความแตกต่างกันของความละเอียดคือ HD (1366 x 768 Pixel) ,Full HD (1920 x 1080 Pixel),UHD (Ultra High Definition หรือ 4K)
ระบบปฏิบัติการของ Smart TV
ในปัจจุบัน มีระบบปฏิบัติการสำหรับ Smart TV ที่นิยมใช้และชาวคอนโดมิเนียมควรทราบไว้ก่อนเลือกซื้อ ดังนี้
https://www.android.com/tv/
1.Android TV
เป็นระบบปฏิบัติการที่ถูกพัฒนาโดย google เพื่อการใช้งานร่วมกับ Smart TV และมีลักษณะใกล้เคียงกับระบบปฏิบัติการสมาร์ทโฟนและแท็ปเล็ต รองรับการใช้งานแอพพลิเคชันได้เหมือนกัน นอกจากนี้ Android TV บางรุ่น อาทิ BRAVIA Android TV มาพร้อมลูกเล่นที่เรียกว่า Google Cast ที่สามารถส่งภาพต่าง ๆ บนหน้าจอ เช่น วีดีโอจาก YouTube จากสมาร์ทโฟนให้ไปแสดงบนหน้าจอได้ และยังสามารถเลือกและดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่นต่างๆผ่าน Google Play แบบเดียวกับสมาร์ทโฟน ให้มาปรากฎบนหน้าจอทีวีด้วย อีกทั้งยังสามารใช้ Voice Search สั่งงานด้วยเสียง เพื่อค้นหารายการ เนื้อหาต่าง ๆ และควบคุม Smart TV ด้วยเสียงพูดผ่านไมโครโฟนบนรีโมทได้
http://www.lg.com/th/lg-smart-tv-webos
2.WEB OS
เป็นระบบปฏิบัติการ Smart TV ของแบรนด์ LG โดยเคยเป็นระบบปฏิบัติการของเครื่องคอมพิวเตอร์ขนาดเล็กในยุค 90 มาก่อน โดย LG นำมาพัฒนาและปรับปรุงใหม่เพื่อใช้กับ Smart TV ของตน ภายใต้คอนเซ็ป การใช้งานที่ง่ายและเป็นมิตรกับผู้ใช้ โดยมี User Interface ที่สวยงามและใช้งานง่าย รองรับการทำงานพร้อกันแบบ Multitasking สามารถเชื่อมต่อกับอุปกรณ์อย่างสมาร์ทโฟนหรือแท็ปเล็ตได้ สามารถดาวน์โหลดแอพพลิเคชันเพิ่มเติมเพื่อใช้งานบน Smart TVได้จาก LG Store
http://www.samsung.com/th/tvs/overview/3. Tizen
ระบบปฏิบัติการ Smart TV จากแบรนด์ Samsung พัฒนาต่อยอดมาจาก ระบบปฏิบัติการที่ชื่อว่า Meego มีคุณสมบัติใกลืเคียงกับแท็ปเล็ต สามารถเชื่อมต่อและแชร์คอนเทนต์ระหว่างอุปกรณ์พกพาและ Smart TV ได้ มีเมนูการใช้งานที่ง่าย และสวยงาม มีระบบ Smart Hub เพื่อใช้ดาวน์โหลดแอพพลิเคชัน หรือคอนเทนต์ใหม่ๆ เพื่อช่วยอำนวนความสะดวอกสบายที่มากขึ้น
ทั้งหมดนี้คือ ข้อมูลเกี่ยวกับ Smart TV ที่จำเป็นสำหรับการเลือกซื้อ Smart TV เพื่อใช้งานในคอนโดมิเนียม สามารถใช้ประกอบการตัดสินใจและสามารถใช้งานได้อย่างคุ้มค่า และมีประโยชน์สูงสุด
