รูปบทความ ออกตามหาร้านลับ Feel Good พร้อมสำรวจไลฟ์สไตล์ของ 2 ย่านชิคร่วมสมัย ณ ‘BTS พระโขนง’ และ ‘ถนนพระราม 4’

ออกตามหาร้านลับ Feel Good พร้อมสำรวจไลฟ์สไตล์ของ 2 ย่านชิคร่วมสมัย ณ ‘BTS พระโขนง’ และ ‘ถนนพระราม 4’


หลอมรวมไลฟ์สไตล์ทันสมัย
ท่ามกลางความอบอุ่นแบบดั้งเดิม


เปิดมิติใหม่ของไลฟ์สไตล์ติดรถไฟฟ้าไปกับทำเลรอบ ‘BTS พระโขนง’ และ ‘ถนนพระราม 4’ ที่บอกเลยว่า ’ไม่จำเจ’ เพราะทำเลสุดชิคทั้ง 2 แห่งนี้ล้วนมีดีเทลอยู่ที่ความร่วมสมัย ที่ผสมผสานระหว่างวิถีชีวิตแบบเก่า เข้ากับความเจริญตามแบบฉบับของไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ได้อย่างลงตัว ที่ไม่ว่าจะมองไปทางไหน เราก็จะยังเห็นเอกลักษณ์ของย่านนี้ยืดหยัดให้รู้สึกอบอุ่น Feel Good แบบเป็นกันเองอยู่เสมอ


แต่ก่อนจะกล่าวถึงแหล่งชิคใกล้รถไฟฟ้า BTS พระโขนง เอสโตก็ขอแวะพาทุกคนมาสำรวจสภาพแวดล้อมคร่าว ๆ ของย่านนี้กันก่อนดีกว่า


เริ่มกันที่จุดเริ่มต้นของการเดินทางในวันนี้อย่าง BTS พระโขนง โดยบรรยากาศของที่นี่นั้นก็ต้องบอกเลยว่า… ไม่มีคำว่าเงียบเหงา เพราะตั้งแต่เช้าตรู่ เราจะพบความคึกคักของกลุ่มคนที่เดินทางเข้า-ออกเพื่อไปทำงานอยู่มากพอสมควร ส่วนระหว่างวันก็จะยังคงมีการสัญจรไปมาอยู่เรื่อย ๆ แทบไม่ขาดช่วง จนกระทั่งกลับมามีชีวิตชีวามากขึ้นอีกครั้งในช่วงหลังเลิกงาน 


นอกจากนี้บริเวณทางขึ้น-ลง Sky Walk ของ BTS พระโขนง เราก็จะพบกับหนึ่งเอกลักษณ์ของทำเล ที่น่าสนใจไม่แพ้ความศิวิไลซ์ของรถไฟฟ้าอย่าง ‘รถกะป๊อแดง’ คันจิ๋ว ที่คอยวิ่งรับ-ส่งคนภายในซอยสุขุมวิท 71 หรือปรีดีพนมยงค์ แถมยังมีรอบการเดินรถค่อนข้างเยอะ ชนิดที่เรียกว่าสูสีกับขบวนรถไฟฟ้าเลยทีเดียว 


ดังนั้น ไม่ว่าใครที่ผ่านไปมาแถวนี้ หรือบังเอิญแวะมาเป็นครั้งแรก จะต้องเคยเห็นเจ้ารถคันจิ๋วสีแดงคันนี้อย่างแน่นอน นับเป็นทางเลือกที่สะดวก และประหยัดสำหรับการเดินทางไปยังย่านอื่น ๆ ใกล้เคียง ส่วนใครที่อยากไปต่อเส้นทางท่องเที่ยวอื่น ๆ อย่าง ‘ทองหล่อ’ ก็สามารถขึ้นจากด้านในซอยสุขุมวิท 71 ได้เช่นกัน


ทางด้านบรรยากาศ สภาพแวดล้อมรอบ ๆ สถานีรถไฟฟ้า ก็เรียกได้ว่าคึกคักไปด้วยผู้คน เพราะจะมีทั้งนักท่องเที่ยว, แม่บ้านชาวญี่ปุ่น และเหล่าพนักงานออฟฟิศล้วนต่างนิยมแวะมาฝากท้อง นั่งชิลล์ที่ร้านกาแฟ และชอปปิงกันที่ Summer Hill คอมมูนิตี มอลล์ติดรถไฟฟ้าแห่งนี้กันเป็นประจำ


และเนื่องด้วยความสะดวกสบาย บวกกับการเดินทางที่เข้าถึงได้ง่าย แค่เดินลงทางออก 4 ของสถานีรถไฟฟ้า คุณก็จะได้พบกับแหล่งชิลล์เอาต์เล็ก ๆ ที่ช่วยเติมพลังให้คุณได้แล้ว ซึ่งแน่นอนว่า ยิ่งพระอาทิตย์ลับตา Summer Hill แห่งนี้ก็จะยิ่งคึกคักขึ้นแบบคูณสองเลยทีเดียว 


  • นอกจากนี้ ที่บริเวณทางออก 4 ก็ยังตั้งอยู่ติดกับปากซอยสุขุมวิท 46 ซึ่งเป็นซอยที่อยู่ด้านหลังของโครงการ Summer Hill นั่นเอง โดยภายในซอยนี้ก็ได้ซ่อนความพิเศษอย่าง Naiipa Art Complex เอาไว้ ซึ่งภายในของสถานที่แห่งนี้ก็มีทั้งสถานที่นั่งทำงานสุดแสนสงบที่ช่วยเพิ่มสมาธิ และร้านคาเฟ่ที่เสิร์ฟทั้งของหวานและกาแฟรสชาติดี ไว้ให้เราได้เพิ่มพลังท่ามกลางเมืองใหญ่ ที่หาธรรมชาติให้สัมผัสได้ยากยิ่ง 

หัวใจของ Naiipa Art Complex คือต้นไม้ใหญ่ภายในที่มีอายุมากกว่า 35 ปี ซึ่งคอยสร้างบรรยากาศบริสุทธิ์ สดชื่น และรื่นรมณ์ให้กับเรา 


จาก BTS พระโขนง ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการเดินทางวันนี้ เอสโตก็ขอพาทุกคนไปเจาะลึกถึงย่านนี้มากขึ้นอีกหน่อย เผื่อใครที่กำลังมองหาแหล่งกิน และแหล่งชิลล์เอาต์แบบ Feel Good อยู่ล่ะก็ บอกเลยว่า...ย่านนี้มีให้ครบ แถมด้วยร้านลับรสชาติเยี่ยมอีก 2 ร้านที่เราอยากเปิดวาร์ปให้ทุกคนได้รู้จักกัน ส่วนจะเป็นร้านไหน เมนูใดนั้น ก็เริ่มออกสำรวจรอบ BTS พระโขนง และถนนพระราม 4 ไปพร้อมกันได้เลย



‘วิก 3 พระราม 4’ กับไลฟ์สไตล์ที่นักกินไม่ควรพลาด


สำหรับปากซอยถนนพระราม 4 จะตั้งอยู่บริเวณแยกพระโขนง ติดกับสถานีรถไฟฟ้า BTS พระโขนงนี่แหละ และหากสังเกตเห็นตึกทรงเก๋ของ Summer Hub เมื่อไหร่ ก็ไม่ต้องลังเล ให้เลี้ยวเข้าซอยไปได้เลย


  • นอกจากนี้ บริเวณถนนพระราม 4 ช่วงต้นซอย ยังมีเส้นทางลัดเลาะไปยังถนนสุขุมวิทฝั่งที่เชื่อมไปยังเมืองอย่างเอกมัยและทองหล่ออยู่อีกด้วย หากการจราจรฝั่งขาออกจากถนนพระราม 4 ค่อนข้างพลุกพล่านในช่วงเวลาไพร์มไทม์ คุณสามารถเลือกใช้ทางลัดเป็นซอยพิชัยสวัสดิ์แทนได้เลย โดยจุดสังเกตของซอยก็หาไม่ยาก บริเวณทางเข้า จะเป็นที่ตั้งของโครงการ ไอดีโอ สุขุมวิท-พระราม4 ซึ่งกำลังจะเกิดขึ้นเป็นโครงการคอนโดพักอาศัยใกล้รถไฟฟ้า BTS พระโขนงในเร็ว ๆ นี้นั่นเอง


เช็กเส้นทางลัดเลาะกันไปแล้ว มาสำรวจพื้นที่กันต่อได้เลย อย่างที่รู้กันดีว่า ถนนพระราม 4 นี้เป็นที่ตั้งของอาคารมาลีนนท์’ ซึ่งเป็นแหล่งรวมคนทำงานทั้งในสถานีโทรทัศน์ ตลอดจนสำนักงาน และออฟฟิศอื่น ๆ อีกมากมาย ทำให้ย่านนี้คราคร่ำไปด้วยผู้คนมากมายตลอดทั้งวัน ซึ่งหากที่ไหนมีผู้คนอยู่เยอะ ที่นั่นก็ย่อมขาดแหล่งไลฟ์ไตล์ที่คอยตอบสนองความต้องการต่าง ๆ ไปเสียไม่ได้


ถ้าอย่างนั้นก็มาเริ่มต้นกันด้วยแลนด์มาร์กที่คนย่านนี้รู้จักกันดีอย่าง สวนเพลินมาร์เก็ต มาร์เก็ตมอลล์แหล่งชอป ชิม ชิลล์ที่อยู่ตรงข้ามกับอาคารมาลีนนท์ ซึ่งภายในก็ได้รวบรวมร้านเด็ดเจ้าดังเอาไว้ให้เลือกมากมาย 


โดยบรรยากาศของที่นี่จะค่อนข้างคึกคักพอสมควร อย่างในช่วงกลางวันเราก็มักจะเห็นเหล่าพนักงานออฟฟิศจำนวนมาก ข้ามฝั่งไปมาระหว่างอาคารมาลีนนท์ เพื่อหาร้านนั่งรับประทานอาหารกันอยู่เรื่อย ๆ รวมถึงออฟฟิศ และสำนักงานใกล้เคียงที่มีหลายคนเลือกจะขับรถมาฝากท้องที่นี่กันบ้างประปราย


ส่วนทางด้านอาหารการกินนั้น ที่ได้รับความนิยมมากเป็นพิเศษ ก็ต้องยกให้กับ Food Hall ศูนย์อาหารที่รวบรวมร้าน Street Food รสชาติถูกใจเอาไว้สารพัดเมนู ไม่ว่าจะเป็นข้าวขาหมู, ข้าวมันไก่, อาหารใต้รสจัด, ก๋วยเตี๋ยว หรือส้มตำก็มีตัวเลือกให้ทานกันแบบครบครัน แถมราคายังสมเหตุสมผล จึงทำให้ที่นี่ได้ใจเหล่าพนักงานไปแบบเต็ม ๆ 


แต่สำหรับใครที่อยากได้ความ Special มากกว่านี้อีกสักหน่อย เอสโตก็จะพาไปลุยร้านลับ ๆ บนถนนพระราม 4 กันต่อเลย...


จากสวนเพลินมาร์เก็ต ให้วนรถกลับไปยังฝั่งอาคารมาลีนนท์ แล้วมุ่งหน้าตรงไปราว 800 เมตร ก็จะเจอซอยแสนสบายอยู่ทางด้านซ้ายมือ หรือให้สังเกต 7-ELEVEN ที่ตั้งอยู่บริเวณต้นซอย ก่อนจะเลี้ยวเข้าไปด้านใน จากนั้นให้สังเกตทางด้านซ้ายมือก็จะเห็นรั้วของ S36 APARTMENT ซึ่งมีทางเข้าอยู่บริเวรด้านหน้าของอพาร์ตเมนต์แห่งนี้พอดี 


หากมองผ่าน ๆ ที่นี่อาจดูเหมือนอพาร์ตเมนต์ที่อยู่อาศัยทั่วไป แต่ความจริงแล้ว... ด้านใต้อาคารได้ซ่อนร้านลับนามว่า Schnitzel’s เอาไว้อยู่ด้วย!


เมื่อเปิดประตูเข้าไป บรรยากาศด้านในร้านจะให้ความรู้สึกสไตล์อเมริกัน วินเทจที่ดูเท่ และอบอุ่น ส่วนเมนูอาหารของร้าน Schnitzel’s ก็จะเน้นเสิร์ฟอาหารสไตล์อเมริกัน และอิตาเลี่ยนเป็นหลักเช่นเดียวกัน มีให้เลือกทั้งสเต็ก, พาสต้า, เบอร์เกอร์ไส้ต่าง ๆ ไปจนถึงอาหารสายเฮลท์ตี้สำหรับคุณสาว ๆ อย่างสลัดด้วย 


ถ้ายังไม่รู้จะสั่งอะไรเป็นพิเศษ วันนี้เอสโตขอแนะนำ 3 เมนูเบสิคทานง่าย มาให้ได้ลองสั่งทานกันดู


เริ่มด้วยเมนู Regulator (ราคา 220 บาท) เบอร์เกอร์สไตล์โฮมเมดที่เราสามารถเลือกได้ตามใจ ทั้งเนื้อหมู และเนื้อวัว แถมทางร้านยังทำสดใหม่ทันทีที่สั่ง เราจึงได้ทานเนื้อบดย่างร้อน ๆ ที่ถูกประกบด้วยขนมปังเนื้อนุ่ม และแตงกวาดอง ก่อนจะราดด้วยซอสสูตรพิเศษ ยกเสิร์ฟพร้อมกับมันฝรั่งทอด พอทานคู่กันแล้วอร่อยลงตัว ได้กลิ่นเนื้อย่างหอม ๆ ปรุงรสด้วยเกลือพริกไทยเล็กน้อยกำลังดี ถ้าใครชอบรสชาติแบบออริจินอล รับรองว่าถูกใจ 


หรือถ้าเมนูเบอร์เกอร์นั้นดูหนักเกินไป ก็ลองเปลี่ยนมาสั่ง Chicken Cranberry Salad (ราคา 180 บาท) แทนได้ บอกเลยว่า ถึงหน้าตาจานนี้จะดูธรรมดา แต่รสชาติไม่ธรรมดาอย่างที่คิด เพราะไก่ที่ทางร้านย่างมาให้นั้นรสชาติดีเกินคาด ยิ่งทานคู่กับผักสด, แครนเบอร์รี, อัลมอนต์ และซอสน้ำผึ้งด้วยแล้วยิ่งลงตัว หากใครกำลังควบคุมน้ำหนักอยู่ ก็สามารถทานจานนี้ได้แบบไม่รู้สึกผิดเลย


ส่วนใครที่เป็นสาวกพาสต้า อยากให้ลองสั่ง Pesto Salmon (ราคา 280 บาท) ที่ได้กลิ่นหอมของโหระพาอบอวนไปทั่วจาน รสชาติมาแบบเบา ๆ ไม่จัดจ้าน เหมาะจะทานคู่กับแซลมอนที่ปรุงรสด้วยเกลือพริกไทย นับว่าเข้ากันจนทานหมดจานแบบไม่รู้ตัว หรือใครอยากเปลี่ยนเป็นเนื้อไก่ หรือเนื้อวัวก็สามารถบอกทางร้านได้ด้วย


อิ่มอร่อยกับร้านลับ
ก็ตบท้ายด้วยเครื่องดื่มลับ ๆ อีกสักแก้ว



‘W District’ ทางเชื่อมสู่ ’ซอยปรีดีพนมยงค์ 3’ แหล่งรวมร้านลับน่าสนใจ


มุ่งหน้าตามหาร้านลับฉบับ Feel Good กันต่อ ซึ่งคราวนี้ก็ถึงตาของ W District สถานที่ที่คนผ่านไปผ่านมาแถว BTS พระโขนงคงรู้จักกันเป็นอย่างดี เพราะแม้ที่นี่จะดูเงียบสงบในยามกลางวัน แต่พอหลังพระอาทิตย์ตกดิน ก็จะถูกเปลี่ยนสีสันให้มีความสดใส และลวดลายที่น่าตื่นตาตื่นใจมากขึ้น 


แถมย่านนี้ยังมีอะไรที่น่าค้นหาอีกเยอะ เพราะหากเราลองเดินเข้าไปด้านในจนสุดทาง ก็จะพบกับซอยเล็ก ๆ อย่าง ‘ซอยปรีดีพนมยงค์ 3’ ที่เรียงรายไปด้วยตึกแถวแบบดั้งเดิม และถึงแม้ซอยนี้จะมีขนาดเล็ก แต่กลับดูมีชีวิตชีวาไปด้วยผู้คน โดยส่วนใหญ่แล้วจะเป็นคนในพื้นที่, ผู้คนจากย่านใกล้เคียง และนักท่องเที่ยวเป็นหลัก 


ส่วนสาเหตุที่ซอยปรีดีพนมยงค์ 3 มักมีผู้คนเดินเข้าออกอยู่แทบตลอดเวลานั้น ก็เป็นเพราะว่าภายใต้อาคารเก่าแก่ดั้งเดิมหลังนี้ได้ซ่อนร้านที่น่าสนใจเอาไว้มากมายนั่นเอง 


อย่าง ร้านขายของมือสอง ที่มีข้าวของนำเข้ามาจากประเทศญี่ปุ่นมาให้เราเลือกซื้อ ตั้งแต่เสื้อผ้าเครื่องประดับ, ของใช้ในครัวเรือน, อุปกรณ์สำหรับเด็กต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นของเล่น-รถเข็น ไปจนถึงกระเป๋าแบรนด์เนมเลยทีเดียว


นอกจากร้านขายของเล็ก ๆ น้อย ๆ แล้ว ที่ซอยปรีดีพนมยงค์ 3 ก็ยังซ่อนอีกหนึ่งร้านสุดพิเศษ สำหรับคอกาแฟเอาไว้อีกด้วย 


นั่นก็คือ Single Lane Specialty Coffee โดยตัวร้านสังเกตหาได้ไม่ยาก เพราะเมื่อเดินเข้ามาในซอยก็ให้ลองมองขึ้นไปบนชั้น 2 ของตึกแถวฝั่งขวามือ ก่อนจะเดินตามทางไปเรื่อย ๆ เราก็จะเจอกับป้ายที่บ่งบอกถึงที่ตั้งร้าน หากพบแล้วก็รีบล็อกเป้าหมาย เปิดประตูเข้าไปสัมผัสความหอมกรุ่นของกาแฟรสเข้มกันได้เลย


ร้าน Single Lane Specialty Coffee อาจจะดูเล็กไปสักหน่อย แต่ความตั้งใจในการให้บริการลูกค้า ผู้หลงรักกลิ่นของกาแฟนั้นกลับเต็มเปี่ยม นอกจากนี้ทางร้านยังเลือกที่จะเสิร์ฟเครื่องดื่มจากเมล็ดกาแฟแบบ Single Origin เท่านั้น โดยเสน่ห์ของกาแฟแนวนี้จะอยู่ที่เมล็ดกาแฟหลากชนิด ที่ร้านได้สรรหามาให้คุณได้ลองเลือกชิมกัน ซึ่งจะเปลี่ยนไปตามแต่ละท้องที่ ในแต่ละฤดูกาล ไม่แน่ว่า… หากแวะมาอีกครั้ง คุณอาจได้ลิ้มรสกาแฟที่จากเมล็ดกาแฟท้องถิ่นใหม่ ๆ ก็ได้ 


นอกจากนี้ หากทานกาแฟแล้วถูกใจ ที่ร้านก็จะมีเมล็ดกาแฟหลากหลายชนิด ทั้งที่นำเข้าจากโรงคั่วหลักในไทย และออสเตรีย หรือถ้ายังไม่แน่ใจว่าอยากได้เมล็ดกาแฟรสชาติไหน สไตล์ใด ก็สามารถปรึกษาบาริสต้า ผู้เป็นเจ้าของร้านได้เลย 


ส่วนบรรยากาศร้านจะตกแต่งสไตล์เอิร์ธโทน ดูอบอุ่น เรียบง่าย และเป็นกันเอง โดยที่นั่งด้านในจะเน้นเป็นโต๊ะคู่ และบาร์หันเข้ากำแพง เพื่อให้เรานั่งคุยงาน อ่านหนังสือ หรือทำงานได้แบบสบาย ๆ ส่วนใครที่มากันหลายคน บริเวณด้านนอกก็มีโซน Outdoor พร้อมโต๊ะและเก้าอี้ตัวยาวไว้บริการ ให้เราออกมาใช้เวลาร่วมกัน 


ในเมื่อมาถึงร้านกาแฟแบบ Single Origin ขนาดนี้แล้ว เราก็ไม่พลาดที่จะสั่ง Drip Coffee มาลองสักแก้ว อย่างแก้วนี้จะมีชื่อว่า BANKO GOTITI (ราคา 160 บาท) กาแฟรสชาติบาง หอมกลิ่นคั่วอ่อน ๆ ซึ่งทางร้านจะเสิร์ฟด้วยแก้วชอตใบเล็ก ดูเป็นกิมมิกที่น่ารักไปอีกแบบ เหมาะกับคนที่ชื่นชอบกาแฟสไตล์ฟรุทตี้หน่อย ๆ หากลองแล้วต้องคลิกอย่างแน่นอน 


ทานกาแฟร้อนสไตล์ดริปกันไปแล้ว คราวนี้ก็ลองมาชิมแบบนุ่มนวลชวนฝัน รสชาติละมุน ทานง่ายกันดูบ้าง โดย DIRTY KAT (ราคา 110 บาท) แก้วนี้จะเป็นกาแฟช็อตผสมนมสด เสิร์ฟคู่กับคิทแคท หอมอร่อยลงตัว โดยทางร้านเลือกที่จะไม่ใส่น้ำแข็ง เพื่อคงความเข้มข้นของรสชาติเอาไว้ ซึ่่งถ้าใครที่ชอบกาแฟลาเต้เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ก็แนะนำให้สั่งมาลองกัน เผื่อจะได้เมนูใหม่ที่ถูกใจกว่าเดิม 


ตะวันลับตา อย่าลืมแวะกลับมาที่ W District



‘W District’ หลังพระอาทิตย์ตกดิน คือ ช่วงเวลาแห่งความสนุก


หลังจากเพลิดเพลินกับบรรดาร้านลับในยามกลางวันกันเรียบร้อยแล้ว ก็ถึงเวลาของแสง สี เสียงที่รอต้อนรับคุณหลังเลิกงาน ซึ่งคราวนี้เราจะกลับมาที่ W District กันอีกครั้ง เพื่อชมบรรยากาศที่ดูเปลี่ยนไปจากยามกลางวันโดยสิ้นเชิง 


ร้านอาหารและลานเบียร์จะเริ่มทะยอยเปิดร้านต้อนรับผู้คนกันตั้งแต่ช่วงหัวค่ำ หากใครชอบสไตล์ไหน ก็สามารถเลือกนั่ง เลือกชิลล์กันได้ตามใจ 

  • เริ่มต้นที่ร้านสไตล์อิซากายะ อย่าง Hachimaru ที่มีเมนูอร่อยหลากหลาย ให้เลือกทานคู่กับเครื่องดื่มในสไตล์ญี่ปุ่น
  • ส่วนใครที่อยากสัมผัสบรรยากาศแบบลานเบียร์สไตล์ Outdoor ถัดจากร้าน Hachimaru ไปไม่ไกล จะมีโต๊ะเก้าอี้ที่รายล้อมไปด้วยร้านอาหารหลากหลายสัญชาติ รวมไปถึงร้านขายเครื่องดื่มนานาชนิด ดังนั้น ไม่ว่าคุณจะอยากดื่มแบรนด์ไหน หรือทานอาหารรสชาติใด ก็สามารถเลือกให้เข้ากับความชอบของเราได้ตามต้องการ


จาก W District ก็ข้ามสกายวอร์ก BTS พระโขนง กลับไปที่ Summer Hill จุดเริ่มต้นของการเดินทางอีกครั้ง



Summer Hill ไลฟ์สไตล์ติดรถไฟฟ้า กับบรรยากาศสุดคึกคัก


ใครว่าความสนุกยามค่ำคืนของย่าน BTS พระโขนงจะจบลงแค่ที่ W District เท่านั้น เพราคุณสามารถเปลี่ยนชั่วโมงหลังเลิกงาน ให้กลายเป็นช่วงเวลาแห่งการพักผ่อนได้ง่าย ๆ ที่ Summer Hill


สำหรับใครที่ชื่นชอบบรรยากาศโล่งสบายแบบ Outdoor กับอาหารสไตล์ Food Truck หลากหลายเมนูแล้วล่ะก็ บอกเลยว่า พลาดไม่ได้ เพราะโซนนี้จะเป็นที่พักกาย พักใจที่รื่นรมณ์ที่สุด มีทั้งเมนูข้าวแกงกะหรี่, ฮอตดอก, สเต็ก, เนื้อปิ้งย่างเสียบไม้ และเมนูเส้นแบบง่าย ๆ ให้แวะฝากท้องกันหลังเลิกงาน 


ส่วนสายสุขภาพ ที่บริเวณชั้น 2 ของ Summer Hill ก็จะมีบริการฟิตเนส 24 Seven ไว้ให้คุณได้ฟิตหุ่นแบบ all day all night ไม่ว่าจะแวะมาก่อนเริ่มงาน หรือกลับมาออกกำลังช่วงเย็น ก็สามารถเลือกชั่วโมงที่ถูกใจ บริหารเวลาได้อย่างที่ต้องการ ซึ่ง 24 Seven นั้นจะเปิดให้บริการแบบ 24 ชั่วโมงกันเลยทีเดียว 


  • ต่อด้วยร้านมือสองติดแอร์ Treasure Factory ที่เป็นอีกหนึ่งร้านใหญ่ พร้อมจัดแบ่งโซนด้านในไว้เป็นอย่างดี ไม่ว่าคุณจะตามหาเสื้อผ้า, กระเป๋า, เครื่องประดับ หรือของแบรนด์เนมระดับไฮเอนด์ ก็มีให้คุณเข้าไปเสาะแสวงหาไอเทมชิ้นที่ดีที่สุดติดมือกลับไปอย่างแน่นอน
  • ส่วนใครที่อยากชอปปิง ซื้อวัตถุดิบเล็ก ๆ น้อย ๆ กลับไปใส่ตู้เย็น ก็สามารถแวะมาเดินเล่นชิลล์ ๆ ที่ Tops Daily กันได้ เพราะไม่ว่าจะเป็นข้าวของเครื่องใช้ในครัวเรือน หรือวัตถุดิบสดใหม่ก็มีพร้อมสำหรับทุกความต้องการของคุณ



ติดกับ Summer Hill จะเป็นอาคารออฟฟิศ Summer Hub ที่ตั้งตระหง่านอยู่ติดบริเวณทางเข้าถนนพระราม 4 โดยบรรยากาศของแสงไฟยามค่ำคืนก็ดูสวยงาม และช่วยสร้างเสน่ห์ให้กับย่านนี้ได้เป็นอย่างดีทีเดียว 


หากการได้อยู่อาศัยในย่าน Feel Good ที่มีชีวิตชีวา
แบบเช้าจรดค่ำ คือ ความต้องการที่คุณตามหา



ที่ IDEO Sukhumvit-Rama 4 จะทำให้ชีวิตของคุณ ลงตัวกับทุกความต่างได้ตลอด 24 ชั่วโมง ตัวโครงการตั้งอยู่บริเวณปากซอยพิชัยสวัสดิ์ อยู่ติดกับรถไฟฟ้า BTS พระโขนง เพียง 350 เมตร เท่านั้น ในแง่ของการเดินทางด้วยขนส่งสาธารณะอย่างรถไฟฟ้า จึงถือว่าค่อนข้างสะดวกมาก ส่วนใครที่ใช้รถยนต์ส่วนตัว ที่ตั้งของโครงการก็ถือเป็นจุดกึ่งกลางในการเชื่อมต่อกับถนนสายสำคัญหลายหลายเส้นทาง ไม่ว่าจะเป็น...

  • ถนนสุขุมวิทฝั่งเลขคู่ ที่มุ่งหน้าเข้าเมืองไปยังย่านเอกมัย, ทองหล่อ, อโศก ฯลฯ
  • ถนนสุขุมวิท 71 (ซอยปรีดีพนมยงค์) มุ่งหน้าไปยังโซนรามคำแหง
  • ถนนพระราม 4 ที่สามารถเชื่อมต่อไปยังฝั่งสาทรได้
  • ถนนสุขุมวิทฝั่งเลขคี่ ก็สามารถมุ่งหน้าไปยังย่านสงบชานเมืองได้




รายละเอียดโครงการ IDEO Sukhumvit-Rama 4 (ไอดีโอ สุขุมวิท-พระราม4)

ชื่อโครงการ : IDEO Sukhumvit-Rama 4 (ไอดีโอ สุขุมวิท-พระราม4)

เจ้าของโครงการบริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จํากัด (มหาชน)

ที่ตั้งโครงการ : ถนนพระรามที่ 4 แขวงพระโขนง เขตคลองเตย กรุงเทพมหานคร

พื้นที่โครงการ : รอข้อมูลจากทางโครงการ

ลักษณะโครงการ รอข้อมูลจากทางโครงการ

จำนวนห้อง : รอข้อมูลจากทางโครงการ

รูปแบบห้องรอข้อมูลจากทางโครงการ

เพดานสูง : 2.9 เมตร

ที่จอดรถ รอข้อมูลจากทางโครงการ

สิ่งอำนวยความสะดวกรอข้อมูลจากทางโครงการ

ราคาเริ่มต้น : 3.59 ล้านบาท


FACILITIES


ภาพตัวอย่าง Courtyard ของโครงการ


ภาพตัวอย่าง Forest ของโครงการ

พิเศษ! สำหรับพื้นที่ส่วนกลางของทางโครงการ IDEO Sukhumvit-Rama 4 ที่จัดหนัก จัดเต็ม พื้นที่สีเขียวรอบโครงการ เสมือนได้พักผ่อนอยู่ท่ามกลางธรรมชาติที่ร่มรื่นในทุก ๆ วัน ตลอด 24 ชั่วโมง บอกเลยว่าต้นไม้ใหญ่จัดเต็มแบบที่ไม่ต้องออกไปตามหาธรรมชาติไกลตัวอีกต่อไป น่าสนใจเป็นอย่างมาก สำหรับส่วนกลางดี ๆ แบบนี้



ลงทะเบียนรับ iPhone รุ่นใหม่ล่าสุด* ได้ที่ คลิก


เรื่องราวต่อจากนี้จะเป็นอย่างไร...?

Related Stories

Esto Talks

See All >

Living out loud

Living out loud : VANA RESIDENCE พระราม 9 - ศรีนครินทร์