รูปบทความ ปรับไลฟ์สไตล์หลังยุค COVID-19 ให้สนุกและมีคุณภาพชีวิต

ปรับไลฟ์สไตล์หลังยุค COVID-19 ให้สนุกและมีคุณภาพชีวิต ด้วยสวนหลังบ้านกินได้


ในช่วงล็อกดาวน์จากการระบาดของ COVID – 19 ที่ผ่านมานั้น ผู้คนทั่วโลกต่างหาทางออกเพื่อให้ชีวิตดำเนินต่อไปได้อย่างปกติ ทั้งการปรับตัวด้านการทำงาน และด้านไลฟ์สไตล์ให้ไม่น่าเบื่อกับการต้องอยู่ในพื้นที่จำกัดที่บ้าน ด้วยเหตุนี้ที่ผ่านมาเราจึงได้เห็นหลายคนจุดประกายไอเดียสร้างสรรค์บ้านให้เป็นคาเฟ่ที่ชื่นชอบ หรือกลายเป็นร้านอาหารร้านโปรด ด้วยการสวมหัวใจเชฟผู้รังสรรค์เมนูเด็ดออกมามากมายเพื่อสร้างสีสันและปลดปล่อยตัวเองจากการถูกล็อกดาวน์ที่แสนยาวนาน และจากประสบการณ์ที่เริ่มขึ้นจากการทำอาหาร ก็ได้ต่อยอดไปสู่การให้คุณค่ากับสารอาหารที่รับประทานในแต่ละวัน มีการคัดเลือกวัตถุดิบที่มีคุณภาพจากซูเปอร์มาร์เก็ตชั้นนำ จนสุดท้ายนำไปสู่การลงมือออกแบบแปลงผักเพื่อเพาะต้นกล้าและฟูมฟักไปจนกลายเป็นแหล่งวัตถุดิบสำหรับทำอาหารชั้นดี กลายเป็นสวนหลังบ้านที่กินได้ ที่ไม่เพียงแต่ใช้เวลายามว่างอย่างคุ้มค่าเท่านั้น แต่ยังนำมาซึ่งความภูมิใจและคุณค่าทางอาหารแบบปลอดสารพิษอีกด้วย


เทรนด์การทำสวนหลังบ้านที่กินได้นั้น ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ที่อยู่อาศัยแนวราบอย่างบ้านเดี่ยวหรือทาวน์โฮมเท่านั้น แต่เทรนด์นี้ยังได้ขยายวงกว้างไปสู่คอนโดมิเนียม ที่แม้ว่าจะมีข้อจำกัดเรื่องพื้นที่ แต่การปลูกพืชกินได้ในกระถางก็เป็นไปได้และสร้างความสุขได้มากกว่าที่คิด ไม่เพียงเท่านี้เราได้เห็นหลายโครงการเนรมิตที่ว่างบนดาดฟ้าให้กลายเป็นสวนกินได้ขนาดใหญ่ สร้างความตื่นตาตื่นใจให้ผู้พบเห็นทุกครั้งที่ไปเยี่ยมชม เพราะไม่มีใครคาดคิดว่าจะมีทั้งแปลงเมล่อน แตงโม ถั่วฝักยาว มะเขือ โหระพา ตะไคร้ และอีกสารพัดผักปลอดสาร อวดโฉมกันรับแสงแดดที่สาดส่องลงมาเกือบตลอดทั้งวัน และเมื่อผลิดอกออกผลก็นำไปแจกจ่ายให้สมาชิกในโครงการได้ร่วมลิ้มลอง กลายเป็นความประทับใจและกลายเป็นเทรนด์ของการทำสวนหลังบ้านกินได้แพร่กระจายไปอย่างรวดเร็ว และถูกต่อยอดไปสู่กิจกรรมการทำอาหารที่มากด้วยคุณค่า นำไปสู่มื้ออาหารมากคุณประโยชน์ ทำให้การใช้ชีวิตในที่อยู่อาศัยสนุกมากขึ้น



อย่างไรก็ตาม โครงการคอนโดมิเนียมหลายโครงการได้ต่อยอดโครงการสวนหลังบ้าน (Backyard) ไปสู่สวนผักกินได้ (Eat-able Garden) ซึ่งเป็นการปรับเปลี่ยนและพัฒนาสวนแห่งเดิมให้ตอบโจทย์ชีวิตหลังจากช่วง COVID-19 ที่เกิด New Normal ใหม่ของการใช้ชีวิตในโครงการที่พักอาศัย ไม่ว่าจะเป็นไม้ดอกไม้ประดับในสวนนอกจากจะสวยงามแล้วก็ต้องเป็นพืชที่รับประทานได้ เพื่อให้สวนหลังบ้านแห่งเดิมกลายเป็นแหล่งผลิตวัตถุดิบมีคุณค่า ปลอดสารพิษที่หาได้ภายในครัวเรือน และบางโครงการที่มีพื้นที่มากพอก็สามารถเนรมิตสวนหลังบ้านเป็นแหล่งปลูกข้าวได้อย่างลงตัว ซึ่งการจะมีสวนผักกินได้เหมือนสวนในฝัน จะต้องมาจากการตั้งใจทำอย่างจริงจัง ด้วยเจ้าหน้าที่ที่มีความรู้ด้านการเพาะปลูก สามารถดูแล ให้คำแนะนำและถ่ายทอดประสบการณ์ให้ลูกบ้านได้อย่างถูกต้อง ซึ่งโครงการนี้จะเกิดประโยชน์กับผู้อยู่อาศัยทั้งในระยะสั้นและระยะยาว นั่นคือเป็นกิจกรรมฆ่าเวลาได้อย่างดีในช่วงล็อกดาวน์ สร้างประสบการณ์และกิจกรรมสานสัมพันธ์ที่ดีภายในครอบครัว ส่วนระยะยาวนั้นคือการได้รับประทานอาหารจากวัตถุดิบปลอดสารพิษที่ย่อมส่งผลดีต่อสุขภาพกาย และสุขใจอย่างยั่งยืน


ในส่วนของพลัส พร็อพเพอร์ตี้ ซึ่งดูแลโครงการที่อยู่อาศัยกว่า 200 โครงการ มีมากกว่า 100 โครงการที่เริ่มโปรเจ็กต์สวนหลังบ้านเป็นที่เรียบร้อย และกำลังจะต่อยอดไปสู่สวนกินได้ หนึ่งเคล็ดลับความสำเร็จของพลัสฯ ที่นอกจากเรื่องความร่วมมือร่วมใจของพนักงานแล้ว ก็คือการสนับสนุนจากส่วนกลางทั้งในด้านการออกแบบ พัฒนา และส่งเสริมความรู้ด้านการปลูกและการดูแลแปลงผักอย่างยั่งยืน รวมทั้งมีการทำงานแบบบูรณาการ ด้วยการสร้างปุ๋ยอินทรัพย์จากขยะที่เป็นของเสียจากในโครงการ เช่น อาหารเหลือทิ้ง เศษวัตถุดิบจากการทำอาหาร นำสิ่งเหล่านี้มาแปรรูปเป็นปุ๋ยเพื่อใช้ในแปลงผัก ไม่เพียงแต่ลดค่าใช้จ่ายในการดูแลแปลงผักแต่ยังช่วยกำจัดขยะในโครงการได้อย่างคุ้มค่า นำไปสู่ผลผลิตที่เป็นความภูมิใจร่วมกัน สามารถนำไปแจกจ่ายให้ทุกคนที่บริเวณส่วนกลาง เพื่อเป็นของขวัญให้กับลูกบ้านทุกคน


ขอขอบคุณบทความดีๆจาก บริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (www.plus.co.th)


เรื่องราวต่อจากนี้จะเป็นอย่างไร...?

Related Stories

Esto Talks

See All >

Living out loud

Living out loud : VANA RESIDENCE พระราม 9 - ศรีนครินทร์