อสังหาฯ ระดับไพร์มไทย รุ่ง ติด 1 ใน 4 ประเทศใหญ่น่าลงทุนในอาเซียน
1 August 2560
ไนท์แฟรงค์ เผยแนวโน้มตลาดที่อยู่อาศัยระดับไพร์มของ 4 ประเทศใหญ่ ได้แก่ สิงคโปร์, มาเลเซีย, ไทย และอินโดนีเซีย ว่ามีศักยภาพน่าลงทุนมากที่สุดในภูมิภาคอาเซียน
ถือเป็นอีกหนึ่งข่าวดีสำหรับตลาดอสังหาฯ บ้านเรา เมื่อประเทศไทยกลายเป็น 1 ใน 4 ประเทศใหญ่ที่มีศักยภาพด้านการลงทุนในตลาดที่อยู่อาศัยระดับไพร์ม โดยอ้างอิงจากการวิจัยของไนท์แฟรงค์ พบว่า ผลตอบแทนทางการลงทุนชนิด 5 ปีในภาคอสังหาฯ เชิงที่อยู่อาศัยระดับไพร์มในช่วงไตรมาสแรกปี 2560 (Q1 2017) ในกัวลาลัมเปอร์อยู่ที่ร้อยละ 2.1 ในขณะที่จาการ์ต้า (ไตรมาส 4 ปี 2559) และกรุงเทพฯ แสดงการเติบโตเป็นอย่างมาก โดยอยู่ที่ร้อยละ 123.3 และร้อยละ 51.3 ตามลำดับ ในขณะที่สิงคโปร์มีการลดลงไปอยู่ที่ร้อยละ 1.3 ซึ่งในแต่ละประเทศมีจุดดี-จุดเด่นที่ดึงดูดนักลงทุนแตกต่างกัน
ส่อง 3 ประเทศใหญ่ น่าจับตามอง
สิงคโปร์ น่าลงทุนเพราะความปลอดภัย
สิงคโปร์ ประเทศที่ขึ้นชื่อเรื่องของความปลอดภัยด้านการลงทุน ตามรายงานความมั่งคั่งประจำปี 2560 โดยไนท์แฟรงค์ สิงคโปร์ถูกจัดเป็นประเทศที่ได้รับความนิยมมากเป็นอันดับสองสำหรับกลุ่มอภิมหาเศรษฐีจากทั่วโลกที่เป็นเจ้าของ อสังหาฯ ในต่างประเทศ ทำให้ดึงดูดกลุ่มนักลงทุนระดับอภิมหาเศรษฐีจากทั่วโลกให้ลงทุนในเมืองนี้ได้
นายอลิส แทน ผู้อำนวยการและหัวหน้าฝ่ายวิจัยและให้คำปรึกษาไนท์แฟรงค์ สิงคโปร์ กล่าวว่า นักลงทุนและเจ้าของบ้านมองประเทศสิงคโปร์เป็นสถานที่ลงทุนที่ปลอดภัย และเลือกลงทุนอสังหาฯ ที่อยู่อาศัยส่วนตัวให้เป็นหนึ่งในตัวเลือกทางการลงทุนระยะสั้น-กลาง
โดยสังเกตจากปริมาณธุรกรรมที่เพิ่มขึ้นในอสังหาฯ ที่อยู่อาศัยระดับไพร์มย่านใจกลางเมือง โดยในไตรมาสแรกปี 2560 มีจำนวน 729 ยูนิตของที่อยู่อาศัยที่มีการซื้อขายในย่านใจกลางเมืองสิงคโปร์ โดยคิดได้เป็นร้อยละ 14 ของปริมาณธุรกรรมทั้งหมดของเมืองในช่วงเวลาเดียวกัน ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยต่อไตรมาสจำนวน 691 ยูนิตที่มีการซื้อขายในปี 2559 ส่วนด้านตลาดคอนโดหรูเติบโตอยู่ที่ร้อยละ 4 ปีต่อปีในไตรมาสแรกปี 2560
แต่ความเสี่ยงของตลาดในประเทศสิงคโปร์คือ ภาระด้านภาษีขนส่งเพิ่มเติมที่ส่งผลต่อนักพัฒนาและการขาดตัวบ่งชี้การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจในวงกว้าง แสดงให้เห็นความเสี่ยงเชิงลบต่ออุปสงค์และราคาในตลาดที่อยู่อาศัยส่วนตัวระดับไพร์ม ทำให้มีจำนวนอสังหาฯ ที่ยังไม่ได้ขายออกมากถึง 5,555 ยูนิตในย่านใจกลางเมือง
กัวลาลัมเปอร์ อสังหาฯ คุณภาพดีในราคาที่เป็นกันเอง
กัวลาลัมเปอร์ เมืองหลวงของประเทศมาเลเซียดึงดูกกลุ่มนักลงทุนด้านอสังหาฯ ด้วยที่อยู่อาศัยคุณภาพสูงในราคาเริ่มต้นที่ต่ำหากเทียบกับตลาดระดับภูมิภาคอื่น โดยราคาอสังหาฯ ที่อยู่อาศัยในเมืองกัวลาลัมเปอร์มีราคาอยู่ที่ 4,608.30 ดอลล่าร์สหรัฐต่อตารางเมตร ณ สิ้นปี 2559 ซึ่งสูงกว่าราคาในเมืองจาการ์ตาที่มีราคาอยู่ที่ 4,366.81 ดอลล่าร์สหรัฐต่อตารางเมตร แต่ยังต่ำกว่าราคาในกรุงเทพฯที่มีราคาอยู่ที่ 9,708.74 ดอลล่าร์สหรัฐต่อตารางเมตรและ 23,255.81 ดอลล่าร์สหรัฐต่อตารางเมตรในสิงคโปร์
นักลงทุนสามารถซื้อบ้านหรูที่มีพื้นที่ใช้สอยจำนวน 217 ตารางเมตรในกัวลาลัมเปอร์ในราคา 1 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ
ตลาดของกัวลาลัมเปอร์มีความน่าสนใจ เนื่องจากราคาและไม่มีข้อจำกัดในด้านการครอบครองอสังหาฯ ทำให้ชาวต่างชาติสามารถซื้ออสังหาฯและถือกรรมสิทธิ์ภายใต้เกณฑ์ราคาที่แตกต่างกันไปในแต่ละเมือง นอกจากนี้ยังสามารถซื้อบ้านหรูที่มีพื้นที่ใช้สอยจำนวน 217 ตารางเมตรในกัวลาลัมเปอร์ในราคาเพียง 1 ล้านดอลล่าร์สหรัฐเท่านั้น เมื่อเทียบกับการซื้อบ้านในราคาเดียวกันอย่าง จาการ์ตาอยู่ที่ 229 ตารางเมตร, 103 ตารางเมตรในกรุงเทพฯ, และ 43 ตารางเมตรในสิงคโปร์
ค่ารองชีพที่ถูกกว่าเมืองอื่น รวมถึงมีเครือข่ายการขนส่งที่ดีกว่าทางด้านโครงสร้างพื้นฐานที่อยู่ในระหว่างการดำเนินการและที่กำลังจะเกิดขึ้น เช่น โครงการรถไฟฟ้ามหานครคลังวัลเลย์ (MRT), โครงการขยายรถไฟรางเบา และโครงการรถไฟความเร็วสูงระหว่างกัวลาลัมเปอร์-สิงคโปร์ (HSR) ที่กำลังถูกเสนอในขณะนี้ ทำให้ตลาดของกัวลาลัมเปอร์ในปี 2560 ช่วงไตรมาสแรกเติบโตจากเมื่อปี 2555 ที่มีมาตรการการชะลอตัวด้านราคา ซึ่งส่งผลกระทบต่อราคาตลาดอสังหาฯที่อยู่อาศัยระดับไพร์มในกัวลาลัมเปอร์ โดยลดลงไปที่ร้อยละ 1.9 ก็ถือเป็นสัญญาณที่ดี และอาจช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับตลาดได้
จาการ์ตา ลงทุนในตลาดอสังหาฯ ในเชิงบวก
จาการ์ตา เมืองหลวงของประเทศอินโดนีเซีย กลับมาอยู่ในเชิงบวกอีกครั้งหลังจากในไตรมาส 4 ปี 2559 ราคาอสังหาฯที่อยู่อาศัยระดับไพร์มในจาการ์ตาแสดงการชะลอตัวลง โดยมีการเพิ่มขึ้นเพียงร้อยละ 0.3 ปีต่อปี
ภาพรวมของตลาดอสังหาฯ ในปี 2560 ของจาร์กาตาโดยรวมแล้วยังมีโอกาสและความท้าทายอยู่ในเชิงบวก แม้ว่าการเลือกตั้งระดับท้องถิ่นและโครงการนิรโทษกรรมทางภาษีอากรในช่วงต้นปี 2560 ที่ลุล่วงไปได้ด้วยดี ผู้ซื้อและนักลงทุนอสังหาฯ ระดับไพร์มยังคงเลือกที่จะรอดูสถานการณ์ไปก่อน ซึ่งเนื่องมาจากความไม่แน่นอนทางการเมืองและปัญหาด้านความโปร่งใสของธนาคารในด้านภาษี ส่งผลให้นักพัฒนาอสังหาฯระดับไพร์มรายใหญ่บางรายหันมาพัฒนาโครงการราคาไม่แพงในแถบชานเมือง โดยมุ่งเป้าหมายไปที่ผู้ซื้อบ้านเป็นครั้งแรกในเพื่อรอให้ตลาดหลักปรับตัวดีขึ้น
ย้อนดูกรุงเทพฯ เมืองหลวงน่าจับตามองด้านคอนโดมิเนียม
กรุงเทพมหานคร ตลาดของที่อยู่อาศัยระดับไพร์ม
ที่อยู่อาศัยระดับไพร์มที่ตั้งอยู่ในย่านศูนย์กลางธุรกิจในกรุงเทพฯ ถือว่า มีแนวโน้มดีขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เผยผลตอบแทนทางการลงทุนชนิด 5 ปีในตลาดที่อยู่อาศัยสุดหรูในกรุงเทพฯ จากช่วงไตรมาสแรกปี 2555 ถึงไตรมาสแรกปี 2560 อยู่ที่ประมาณร้อยละ 51.3
คอนโดมิเนียม กลายเป็นจุดเด่นสำคัญของภาคอสังหาฯ ในกรุงเทพฯ
อสังหาฯ ระดับไพร์มในกรุงเทพฯ เติบโตได้อย่างจำกัด เนื่องจากปัญหาการขาดแคลนที่ดินที่เหมาะสมด้านการ สร้างอสังหาฯ ใจกลางเมือง ส่งผลให้ราคาของอสังหาฯ ในกรุงเทพมหานครมีราคาเพิ่มสูงขึ้นอีกมาก เนื่องจากไม่มีอุปทานใหม่เพิ่มขึ้นได้ในขณะที่ความต้องการยังคงสูง คอนโดมิเนียมจึงกลายเป็นจุดเด่นสำคัญของภาคอสังหาฯ ในกรุงเทพฯ เพราะฝ่ากฎข้อจำกัดด้านที่ดินที่มีน้อยออกไปได้ รวมถึงความสะดวกสบายด้านการเดินทางและวิถีชีวิตที่ตอบสนองความต้องการได้มากกว่า ทำให้ตลาดคอนโดฯ ในใจกลางเมืองดึงดูดความสนใจของคนทำงานและผู้สูงอายุได้ดีมากขึ้น
สำหรับด้านการลงทุน ประเทศไทยเหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการซื้ออสังหาฯ ไว้เพื่อลงทุนในระยะยาว เนื่องจากกลุ่มที่มาของผู้ซื้อมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ส่งผลทำให้นักลงทุนมีโอกาสที่จะได้อัตราผลตอบแทนและผลตอบแทนจากการลงทุนมากขึ้น
เรียบเรียงจาก http://www.thansettakij.com