รูปบทความ 4 นวัตกรรมเพื่อสิ่งแวดล้อมที่ไม่ควรพลาด เมื่อมองหาที่อยู่อาศัย

เคล็ดเลือกซื้อที่อยู่อาศัยให้ไม่ตกเทรนด์ ด้วย 4 นวัตกรรมเพื่อสิ่งแวดล้อมเหล่านี้



ด้วยสภาพอากาศที่แปรปรวน ส่งผลให้บ้านเรามีไอลมร้อนรุนแรงกว่าปีที่ผ่านๆมา และสิ่งเหล่านี้เองก็ได้ส่งสัญญาณบางอย่างที่ทำให้ไม่สามารถนิ่งเฉยได้ และในฐานะที่ Plus Property ก็ได้เป็นส่วนหนึ่งของวงการอสังหาริมทรัพย์ จึงได้ให้ความสำคัญกับ Green Living ที่เป็นเทรนด์ของการสร้างที่อยู่อาศัยตลอดจนการบริหารจัดการในมิติที่เกี่ยวเนื่อง



อีกทั้งในปัจจุบันที่อยู่อาศัยได้ถูกออกแบบให้มีความเรียบง่ายมากขึ้น รบกวนธรรมชาติน้อยที่สุด รวมไปถึงการตัดสิ่งฟุ่มเฟือยที่เป็นเทรนด์เก่า ไม่ว่าจะเป็นการใช้วัสดุ เช่น เสาแบบโรมัน แต่เพิ่มการรับเอาแสงธรรมชาติให้สอดคล้องกับการใช้ชีวิตของผู้อยู่อาศัยให้มากที่สุด 


อย่างไรก็ตามเราคงปฏิเสธการใช้พลังงานในชีวิตประจำวันไม่ได้ เพราะยังถือว่ามีความจำเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะในยุคปัจจุบันที่มีเทคโนโลยีอำนวยความสะดวกมากแต่สิ่งเหล่านี้ก็ยังต้องการพลังงานทดแทนมากขึ้นอีกเช่นกัน แต่ยังนับว่าโชคดีที่ความก้าวหน้าของเทคโนโลยีได้พัฒนามาถึงจุดที่ช่วยให้การอยู่อาศัยเริ่มกลับสู่การลดการใช้พลังงานได้อย่างน่าสนใจ โดยเฉพาะในโครงการคอนโดมิเนียมที่ถือว่าเป็นที่อยู่อาศัยที่นำเทรนด์นวัตกรรมต่างๆมากที่สุด



ดังนั้น เพื่อเป็นการเลือกซื้อที่อยู่อาศัยไม่ให้ตกเทรนด์ เราควรพิจารณาถึงนวัตกรรมสิ่งแวดล้อมที่ควรมีในโครงการ โดยเริ่มจากโครงสร้างอาคารควรจะประกอบไปด้วยนวัตกรรมหลัก 4 ด้าน ได้แก่


  1. Green Innovation ด้วยการนำนวัตกรรมเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมาใช้ในพื้นที่ส่วนกลาง ได้แก่ พลังงานจาก Solar Rooftop , LED Motion Sensor ระบบตรวจจับเปิดปิดไฟเมื่อมีคนเดินผ่าน , Solar Charger ระบบชารจ์ไฟจากพลังงานแสงอาทิตย์ และ The Earth Blox บล็อคจากวัสดุรีไซเคิล
  2. Green Material การใช้วัสดุอุปกรณ์ในการก่อสร้างที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เช่น Mixed Marble Tiles ลดการใช้หินอ่อนทั้งแผ่นด้วยการออกแบบเรียงสลับให้สวยงาม , Composite wood การนำเศษไม้มาอัดให้แข็ง เพื่อใช้ทำพื้นหรือผนัง , Terrazzo การใช้หินขัด เพื่อเพิ่มเอกลักษณ์และสร้างสรรค์รูปแบบที่หลากหลาย และ Turf Cell บล็อกปลูกหญ้าช่วยในการดูดซับน้ำได้ดี
  3. Green Residential Unit การออกแบบภายในห้องพักที่ประหยัดพลังงานและดีต่อคุณภาพชีวิต เช่น Indoor Air Quarity Monitoring Device หรือเครื่อตรวจวัดคุณภาพอากาศ , Smart Logic Control สวิทช้อัจฉริยะที่เปิด-ปิดพัดลมระบายอากาศอัตโนมัติ , Eco-Friendly Painting การใช้สีที่ปลอดจากสารระเหยและสะท้อนความร้อนได้ดี , In-Room Recycle Bin การใช้ถังขยะที่สามารถแยกขยะได้ทุกยูนิต , Natural Light in Bathroom การเจาะช่องแสงในห้องน้ำเพื่อรับแสงจากภายนอก และ Double Skin ผนัง 2 ชั้น ที่ช่วยเพิ่มพื้นที่การใช้งานได้มากขี้น
  4. Green Eco-Planting การเพาะปลูกพรรณไม้เพื่อดูดซับมลพิษ และลดความร้อน เช่น Rain Garden พื้นที่ซึมน้ำ ช่วยดูดซับน้ำ เพื่อไม่ใหน้ำท่วมโครงการ , Pollution Absorption Plant พืชพรรณไม้ที่สามารถดูดซับมลพิษได้ดี , Vertical Green การปลูกพืชแนวตั้ง ช่วยลดมลพิษภายในโครงการ และ Coverage Planting ปลูกพืชปกคลุมเพื่อช่วยกรองแสงและลดความร้อน



สำหรับคอนโดมิเนียมในประเทศไทยเองก็ได้เริ่มใช้แนวคิด Eco-Friendly อย่างจริงจังและได้รับการประเมินมาตรฐาน LEED (Leadership in Energy and Environmental Design) ซึ่งก่อนหน้านี้ในประเทศไทยจะมีแค่อาคารสำนักงานเท่านั้นที่ได้รับมาตรฐาน LEED นี้


ซึ่งคอนโดมิเนียมที่จะได้รับมาตรฐาน LEED นั้น จะต้องผ่านการตรวจวัดคุณภาพ 7 ด้านสำคัญ ได้แก่ 

  • ความยั่งยืนของสถานที่ตั้งอาคาร (Sustainble Sites)
  • การใช้น้ำอย่างมีประสิทธิภาพ (Water Efficiency)
  • การใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ และลดผลกระทบต่อชั้นบรรยากาศโลก (Energy & Atmosphere)
  • การเลือกใช้วัสดุและทรัพยากร (Material & Resources)
  • คุณภาพสภาพแวดล้อมภายในอาคาร (Indoor Environmental Quality)
  • นวัตกรรมในการออกแบบ (Innovation)
  • การออกแบบที่สอดคล้องกับลักษณะภูมิอากาศและภูมิประเทศท้องถิ่น (Regional Priority Credits)


เราจึงเห็นได้ว่าที่อยู่อาศัยใหม่ๆไม่เพียงแต่ได้รับการออกแบบให้มีความสอดคล้องกับทิศทางของแสงและลม หากแต่บางที่ได้มีการนำแนวคิดการแบ่งปันมาใช้ในโครงการที่หลากหลาย เช่น Car Sharing ที่เกิดขึ้นภายใต้แนวคิดการลดใช้รถยนต์ส่วนของผู้อยู่อาศัยในคอนโดมิเนียม โดยทางโครงการจะมีรถส่วนกลางไว้จำนวนหนึ่งเพื่อให้ทุกคนได้ใช้ร่วมกันในรูปแบบของการเช่า เจ้าของร่วมจะสามารถเข้าถึงข้อมูลการจองใช้รถได้ผ่านแอปพลิเคชั่นได้อย่างง่ายดาย แนวคิดนี้จะชวนให้การซื้อรถยนต์ส่วนตัวมีความจำเป็นน้อยลง และรถยนต์ที่ใช้ร่วมกันยังสามารถต่อยอดแนวคิดเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมด้วยการใช้พลังงานไฟฟ้าได้อีกด้วย


และในปัจจุบันเราจะเริ่มเห็นคอนโดมิเนียมบางโครงการติดตั้งแท่นชาร์จไฟฟ้าไว้ที่โครงการแล้ว ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีสำหรับสิ่งแวดล้อมในวันข้างหน้า ไม่เพียงเท่านี้บางโครงการยังมีพื้นที่ส่วนกลางสำหรับแบ่งปันการปลูกผักสวนครัว เมื่อถึงวันหยุดก็จะนำมาแบ่งปันยังโถง ล็อบบี้ ให้ทุกคนที่ผ่านไปมาได้ร่วมกันชิมร่วมกันชื่นชมในผลงานที่สร้างมาร่วมกัน และยังมีการจัดการเศษอาหารที่เหลือด้วยถังขยะ Smart Recyale ที่เปลี่ยนเศษอาหารเป็นสารอินทรีย์ สามารถนำมาใช้ประโยชน์ในแปลงผักส่วนรวมได้อีกด้วย


อย่างไรก็ตามแม้เราจะปฏิเสธพลังงานไม่ได้ แต่เทคโนโลยีที่ก้าวไกลก็ช่วยคืนความสมดุลสำหรับการอยู่อาศัยและธรรมชาติได้ดียิ่งขึ้น นอกจากนี้เราอาจจะลองหันมามองบ้านที่เราอยู่อาศัยด้วยการปรับเปลี่ยนให้เป็น Green Living ด้วยการเริ่มจากหาพื้นที่ปลูกต้นไม้ ปลูกผักไว้กินเอง ใช้ของอย่างเห็นคุณค่า ประหยัดพลังงาน เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม แค่เท่านี้ก็เป็นการเริ่มต้นช่วยโลกอย่างง่ายๆแล้ว


ที่มา : Plus Property


เรื่องราวต่อจากนี้จะเป็นอย่างไร...?

Related Stories

Esto Talks

See All >

Living out loud

Living out loud : VANA RESIDENCE พระราม 9 - ศรีนครินทร์