รูปบทความ เที่ยวชมไลฟ์สไตล์ติดแม่น้ำเจ้าพระยาที่ "เกาะเกร็ด"

เที่ยวชมไลฟ์สไตล์ ชีวิตติดแม่น้ำเจ้าพระยาที่ "เกาะเกร็ด"

อย่างที่ทราบกันดีว่า จังหวัดนนทบุรี เป็นจังหวัดเคียงคู่มากับกรุงเทพมหานคร ทั้งสภาพแวดล้อมทางสังคม ลักษณะการดำเนินชีวิตที่แทบจะเหมือนกับเมืองหลวงทุกประการ ทำให้จังหวัดนนทบุรี ถูกยกให้เป็นเขตปริมณฑลที่มีความอุดมสมบูร์ของประเทศ แต่เหนือสิ่งอื่นใดด้วยลักษณะภูมิประเทศที่ต่างกัน ทำให้ นนทบุรี มีความพิเศษอย่างหนึ่งที่น่าอิจฉา คือ พื้นที่ติดริมแม่น้ำเจ้ายา เพราะนอกจากจะได้วิวอันสวยงามแล้ว ยังเป็นที่ตั้งของสถานที่ท่องเที่ยวสุดชิคอย่าง “เกาะเกร็ด” อีกด้วย


ชุมชนเกาะเกร็ด เป็นชุมชนที่อุดมไปด้วยความเจริญ ทั้งยังเป็นที่ตั้งด่านตรวจเรือต่างๆ และชุมชนค้าขายมาตั้งแต่อดีต พื้นที่เกาะเกร็ดมีวัดวาอารามตามแบบศิลปกรรมสมัยอยุธยา ผสมกับวัฒนธรรมมอญที่คงไว้มาจนถึงปัจจุบัน


หากใครจะเดินทางไป “เกาะเกร็ด” จะต้องมาขึ้นเรือข้ามฝากที่ท่าเรือวัดสนามเหนือ ค่าบริการเที่ยวละ 3 บาท


นอกจากเรือข้ามฝากแล้วก็จะมีเรือด่วนให้บริการด้วยเช่นกัน แต่ค่าบริการจะแพงกว่า ตกคนละ 30 บาทเลย

สถาปัตยกรรม “เกาะเกร็ด” โดดเด่นมาแต่ไกล แต่ที่สะดุดตาสุดจะหนีไม่พ้น สถาปัตยกรรมไทยของวัดอาราม แค่ภายในเกาะเกร็ดก็มีเกือบ 5 วัดเข้าไปแล้ว โดยแต่ละวัดจะมีเอกลักลักษณ์และจุดเด่นในตัว หากมีเวลาเหลือแนะนำว่าควรเที่ยวชมให้ครบทุกวัด จะได้อิ่มบุญกลับบ้าน

ถ้ายังไม่รู้จะไปเที่ยวไหน ลองศึกษาเส้นทางแหล่งท่องเที่ยวเกาะเกร็ดก่อนได้ โดยแต่ละจุดจะประกอบด้วยสถานที่สำคัญ วัดอาราม กลุ่มงานฝีมือของคนในชุมชน ตลอดจนแหล่งการเรียนรู้ มาแล้วไม่ควรพลาด ซึ่งที่นี่ก็มีบริการให้เช่าจักรยานปั่นเที่ยวรอบเกาะได้ คันละ 40 บาทเท่านั้น เช่าได้ที่ท่าเรือวัดปรมัยยิกาวาส และเท่าเรือวันป่าฝ้าย

ถ้ายังไม่รู้จะไปเที่ยวไหน ลองศึกษาเส้นทางแหล่งท่องเที่ยวเกาะเกร็ดก่อนได้ โดยแต่ละจุดจะประกอบด้วยสถานที่สำคัญ วัดอาราม กลุ่มงานฝีมือของคนในชุมชน ตลอดจนแหล่งการเรียนรู้ มาแล้วไม่ควรพลาด ซึ่งที่นี่ก็มีบริการให้เช่าจักรยานปั่นเที่ยวรอบเกาะได้ คันละ 40 บาทเท่านั้น เช่าได้ที่ท่าเรือวัดปรมัยยิกาวาส และท่าเรือวันป่าฝ้าย

จุดแรกอยู่ตรงท่าขึ้นเรือพอ “วัดปรมัยยิกาวาส” (วัดปากอ่าว หรือที่คนมอญเรียกว่า เพียะมุเกี๊ยะเติ้ง) เป็นวัดที่มีอุโบสถสวยงาม ผสมผสานศิลปะฝั่งตะวันตกตามแบบพระราชนิยม สมัยรัชกาลที่ ๕ ได้อย่างลงตัว ซึ่งปัจจุบันภายในวัดได้สร้างพิพิธภัณฑ์รัชกาลที่ ๕ “หอไทยนิทัศน์เครื่องปั้นดินเผา” ไว้ให้ลูกหลานได้ชื่นชมความสวยงามของศิลปะวัฒนธรรมดั่งเดิมของชุมชนเกาะเกร็ด เปิดทำการทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา ๑๓.oo - ๑๖.oo น. และวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา ๙.oo - ๑๗.oo น. และไฮไลท์สำคัญคือ วัดแห่งนี้ยังได้เก็บรักษา “พระไตรปิฏกภาษามอญฉบับแรก” และเป็นที่ประดิษฐถาน “พระประธานปางมารวิชัย” ที่ถูกยกย่องว่ามีฝีพระพักตร์งดงามชดช้อยราวกับมีชีวิตจริง ด้วยฝีพระหัตถ์ของพระองค์เจ้าประดิษฐานวรการ (ผู้ที่สร้างพระสยามเทวาธิราช) ประกอบกับภายในวัดยังมีมีพระเจดีย์มุเตา (เจดีย์เอียง) ซึ่งเป็นเอกลักษณ์เด่นของเกาะเกร็ดอีกด้วย


เมื่อเดินไปทางซ้ายมือจะเจอกับจุดถ่ายรูป บ้านเรือนของคนในชุมชนเกาะเกร็ดจะทำจากไม้เป็นส่วนใหญ่ ตกแต่งสวยงามด้วยสีสันหลากตา สร้างความประทับใจให้กับผู้มาเยี่ยมชม

หนึ่งในร้านกาแฟดังประจำเกาะเกร็ด จะต้องมีชื่อ “ร้านกาแฟบ้านเลขที่ ๑” อยู่ด้วยแน่ๆ โดยเจ้าของร้านได้เปิดบ้านทำเป็นที่นั่งพักผ่อนหย่อนใจ ให้ความรู้สึกอบอุ่น แต่น่าเสียดายที่พอไปถึงร้านกลับปิดเสียนี่


ตรงไปอีกนิดจะเป็นที่ตั้งของกลุ่มหัตกรรมเครื่องปั้นดินเผา (Koh-Kred Pottery Village) จัดเป็นหัตถกรรมพื้นบ้านที่เก่าแก่ที่สุดในจังหวัดนนทบุรี มีความน่าสนใจอยู่ที่เครื่องปั้นดินเผามอญลายโบราณ ปราณีตสวยงามเป็นเอกลักษณ์ ซึ่งอาจเรียกได้ว่าเป็นอาชีพหลักของชุมชนเกาะเกร็ดมาตั้งแต่โบราณ


ย้อนกลับมาทางฝั่งขวาของท่าเรือ เมื่อเดินไปเรื่อยๆ จะเจอซอย “หมู่บ้านโอ่งอ่าง” ภายในซอยมีร้านสินค้า OTOP ประจำจังหวัดนนทบุรี หากมาวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ จะให้บรรยากาศครึกครื้นกว่านี้ และยังเป็นตั้งของวัดไผ่ล้อมกับวัดเสาธง แหล่งท่องเที่ยวอีกแห่งของชุมชนเกาะเกร็ด


นอกจากร้านขายสินค้า OTOP แล้วก็จะมี “จุดเรียนรู้เครื่องปั้นดินเผาบ้านโอ่ง” ตั้งโชว์งานเครื่องปั้นดินเผา ตั้งแต่ของแต่งห้องชิ้นเล็กไปจนถึงรูปปั้นประดับบ้านและสวนขนาดใหญ่ หากใครสนใจสอบถามข้อมูลจากคนในชุมชนได้

สังเกตได้ว่าหลายๆ ร้านค่อนข้างมีจุดเด่นคล้ายคลึงกัน คือ ผลิตภัณฑ์จากดินเผา ไม่ว่าจะเป็นโมบายแขวน หม้อจิ้มจุ่ม ถ้วย ชาม แก้วน้ำก็ล้วนทำจากดินเผาทั้งสิ้น


นอกจากนี้อุปกรณ์ครัวจากไม้ก็เป็นที่นิยมเช่นกัน ทั้งถ้วย ถาด ตะหลิว ทัพพี มีขนาดหลากหลายตามการใช้สอย

หรือจะเลือกซื้อหวี ที่นวด ไม้เกาหลัง ไปฝากคุณปู่ย่าก็น่าประทับใจไม่น้อย

ถัดเข้าไปไม่ลึกมากเป็นห้องภาพที่ระลึกอยู่ข้างกับตลาดน้ำ ด้านในมีร้านค้าและที่นั่งมากมายให้นั่งชิลล์

อีกหนึ่งสิ่งเลื่องชื่อของเกาะเกร็ด ที่ไม่ว่าใครมาจะต้องซื้อกลับไปแน่นอน คือ ขนมหวานเกาะเกร็ด รสชาติต้นตำรับหากินได้ยาก อาทิเช่น ทองหยิบ ทองหยอด ฝอยทอง และขนมทานเล่นอื่นๆ ราคาก็ไม่แพงกล่องละ 20 บาท หากคุยถูกใจมีลดแลกแจกแถมแน่นอน เพราะพ่อค้าแม่ค้าที่นี่ใจดี อัธยาสัยดีมาก

เรื่องอาหารการกินของชุมชนเกาะเกร็ดขึ้นชื่อทั้งของคาวหวาน อย่าง ทอดมันหน่อกะลา หาทานได้ที่นี่ที่เดียว หรือจะเป็น “ข้าวแช่ตำรับชาวมอญ” ที่สืบทอดกันมาจากรุ่นสู่รุ่น เครื่องเครียงแต่ละอย่างจึงมีรสชาติครบรส ทั้งลูกกะปิทอด, หมูกับปลาเค็มปั้นทอด, ไชโป๊หวาน, ปลาหวาน, พริกหยวกสอดไส้, หัวหอมทอดสอดไส้และผัก ชนิดต่างๆ


ถ้าเห็นร้านค้า ร้านอาหารตั้งวางขายกันเรียงรายแบบนี้ แสดงว่าเราเดินมาใกล้ถึงวัดไผ่ล้อมแล้ว

วัดไผ่ล้อม หรือที่ ชาวมอญเรียกว่า เพื้ยะโต้ เป็นวัดโบราณตั้งแต่สมัยอยุธยาตอนปลาย จุดเด่นของวัดคือ อุโบสถที่วิจิตรบรรจง บริเวณด้านหน้าตั้งเจดีย์ทรงรามัญแท้ ประดับลายปูนปั้น 2 องค์ ถ้าใครมาเกาะเกร็ดแล้ว อย่าลืมแวะไปสักการะกันได้ 


ก่อนกลับบ้านขอแวะซื้อขนมโบราณไปฝากคนที่บ้านสักหน่อย ทั้งขนมโก๋ กิมจ๋อ ขนมคอเป็ด ขนมเปี๊ยะ มะยมเสียบไม้ ล้วนเป็นขนมที่คุณพ่อคุณแม่ต้องชื่นชอบแน่นอน และของดีประจำเกาะเกร็ดที่ไม่ควรพลาดอีกอย่างหนึ่งเห็นทีจะเป็น ชารางแดง ซึ่งมีสารรพคุณช่วยลดไขมัน ขับปัสสาวะ แก้กษัย คลายเส้น ซื้อไปฝากผู้หลักผู้ใหญ่ก็ดีเช่นกัน ราคาไม่แพงซองละ 20-25 บาทเท่านั้น


กลับเข้าฝั่งด้วยเรือข้ามฝากเช่นเคย


โบกมือลา “เกาะเกร็ด” ไลฟ์สไตล์ชีวิตติดเกาะที่แสนเรียบง่ายแต่กลับมีเสน่ห์จนไม่อาจลืมลง

เรื่องราวต่อจากนี้จะเป็นอย่างไร...?

Related Stories

Esto Talks

See All >

Living out loud

Living out loud : VANA RESIDENCE พระราม 9 - ศรีนครินทร์