แนวโน้มคอนโด 2563 ยังโอเวอร์ซัพพลาย เรียลดีมานด์ยังไม่เพิ่ม
24 January 2563
นักวิเคราะห์เผยแนวโน้มอสังหาริมทรัพย์ 2563 ยังคงชะลอตัวเป็นผลต่อเนื่องจากปี 2562 ซัพพลายยังโอเวอร์ เรียลดีมานด์ยังไม่ฟื้น
เว็บไซต์กรุงเทพธุรกิจ ได้รายงานการวิเคราะห์ของ นายพนม กาญจนเทียมเท่า กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไนท์แฟรงค์ ประเทศไทย จำกัด ถึงแนวโน้มอสังหาริมทรัพย์ 2563 ว่ายังซวนซัดซวนเซอยู่ต่อเนื่องจากปัจจัยลบของปี 2562 โดยปัจจัยลบของปีที่แล้วสามารถแบ่งได้ดังนี้
- สงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน
- ค่าเงินบาทแข็งค่า ทำให้ราคาคอนโดไทยสูงสำหรับชาวต่างชาติ
- ปัญหาหนี้ครัวเรือนในระดับสูง
- การปล่อยมาตรการ LTV สะกัดสัญญาณเก็งกำไร
ปัจจัยลบที่ว่ามานี้ทำให้แนวโน้มอสังหาริมทรัพย์ 2563 ยังคงเมาหมัดจากปีก่อนอยู่ โดยเว็บไซต์กรุงเทพธุรกิจระบุแนวโน้มอสังหาริมทรัพย์ 2563 ไว้ดังนี้
- กำลังซื้ออสังหาริมทรัพย์ปี 2563 จะชะลอตัว
- กลุ่มเรียลดีมานด์ที่อยู่เองเท่ากับปี 2562 ซึ่งมีอยู่ 35,000 ยูนิต
- ที่อยู่อาศัยเปิดใหม่ลดลงต่อเนื่องจากปี 2562 ที่ตอนนั้นลดลงราว 30%
“ปี 2563 อสังหาฯ ชะลอตัวต่อเนื่อง และอยู่ในช่วงปรับตัว" นายพนมวิเคราะห์ "แม้จะมีมาตรการรัฐเข้ามาช่วยกระตุ้นตลาดอสังหาริมทรัพย์ ได้แก่ ลดค่าจดทะเบียนการโอนและจดจำนองที่อยู่อาศัยราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท และลดภาระการผ่อนดาวน์จำนวน 50,000 บาท สำหรับบ้านจำนวน 100,000 หลัง ก็ตาม”
นอกจากนี้นายพนม ยังวิเคราะห์ถึงแนวโน้มอสังหาริมทรัพย์ 2563 อีกด้วยว่า "ปี 2563 เป็นปีที่ตลาดปรับฐาน เข้าสู่จุดสมดุลทั้งดีมานด์และซัพพลายในปี 2564 โดยตลาดคอนโดถดถอย เกิดซัพพลายมากเกินความต้องการในตลาดจึงกระจายตัวไปสู่พื้นที่ชานเมือง ตามแนวรถไฟฟ้าสายใหม่ที่กำลังพัฒนา"
ส่วนวิธีแก้ปัญาหาของผู้ประกอบการหรือนักพัฒนาอสังหาก็คือจะหันไปสร้างโครงการมิกซ์ยูสมากขึ้น เนื่องจากสามารถกระจายความเสี่ยงได้เป็นอย่างดี และจะหันไปพัฒนาแนวราบมากกว่าคอนโด
"นักพัฒนาอสังหาฯ หันไปพัฒนาโครงการมิกซ์ยูส เพื่อกระจายความเสี่ยงไม่พึ่งพาตลาดเดียว มีทั้งคอนโด โรงแรม ค้าปลีกและสำนักงานในแปลงเดียวกัน รวมไปถึงบางส่วนหันไปพัฒนาแนวราบมากขึ้น เช่น บ้านเดี่ยว ทาวน์เฮาส์ และบ้านแฝด ดังนั้นผู้ซื้อที่อยู่ในตลาดในปัจจุบันจึงเป็นผู้ต้องการซื้อจริงเป็นหลัก ทำให้นักพัฒนาอสังหาฯ รายย่อยอาจจะหายไปจากตลาด"