Living In the Movie แรงบันดาลใจการแต่งคอนโดจาก LA LA LAND
22 February 2560
LA LA LAND นับว่าเป็นหนึ่งในหนังทีถูกพูดถึงเป็นอย่างมากในขณะนี้ ซึ่งเป็นหนังของผู้กำกับ Damien Chazelle จากเรื่อง Whiplash ที่สร้างชื่อเสียงให้กับเขาในปี 2014 แต่วันนี้ Estopolis ไม่ได้จะมาวิจารณ์หนัง แต่มาพร้อมกับเทคนิคการตกแต่งคอนโดที่หน้าสนใจอีกเช่นเคย ใครจะเปิดเพลง Someone In The Crowd คลอไปด้วยก็ไม่ว่ากัน
“...Los Angeles. It’s full of these people who have moved there to chase these dreams. A lot of those people are told by people around them that they’re crazy, or that they’re living in la la land. I wanted to make a movie that saluted them a little bit, and that kind of unrealistic state of mind.”
- Damien Chazelle
ก่อนอื่นเลยต้องบอกก่อนว่าภาพยนต์มิวสิคัลเรื่องนี้เป็นหนังที่หยิบยกเอากลิ่นอายความเป็น Vintage, Jazz และ Los Angeles เมืองแห่งโอกาสเข้ามาผสมกัน ภายใต้เทคนิคและวิธีการแบบสมัยปัจจุบันได้อย่างลงตัว ฉะนั้นพื้นที่ที่ออกมาจะมีความคลาสสิคแบบ Old hollywood เราจะพาไปลงรายละเอียดถึงวิธีการตกแต่งคอนโดที่จะดึงจุดเด่นของหนังเรื่องนี้ออกมากัน ภาพรวมของการตกแต่งนั้นจะเห็นได้ว่าจากหนังจะไม่ค่อยมีลวดลายอะไรมาก เป็นไปมีสีสัน และ ผิวสัมผัสของวัสดุและพื้นผิวมากกว่า เพราะฉะนั้นการตกแต่งคอนโดของเราก็จะไม่เน้นลวดลาย แต่จะใช้สีที่เกิดจากวัสดุเอง
Color palette
Primary colour + Earth Tone สิ่งที่โดดเด่นอีกสิ่งหนึ่งในเรื่องนั้นก็คือการใช้สีแม่สีที่ทำให้หนังสามารถเป็นที่จดจำได้ในเวลาอันรวดเร็ว โดยนำแม่สีมาใช้ซ้ำกันในหลายๆซีน และส่วนที่เหลือของหนังจะเป็นในลักษณะของสี Earth tone และขาว-ดำทำให้ไม่แย่งความน่าสนใจไปจากตัวละคร สีในโทนแม่สี(Primary) นี้จะให้ความรู้สดใส และสร้างความรู้สึกในแง่บวก รู้สึกถึงความหวังของผู้คนมากมายที่เข้ามาหาโอกาสในเมืองแห่งนี้
Lighting
เนื่องจากเรื่องนี้ทำเป็นสไตล์ของละครเพลง (Musical) แทบทุกอย่างจะถูกเซ็ทไว้แล้ว เช่นเดียวกับเรื่องของแสง จะเป็น แสงประดิษฐ์ (Artificial light) สะส่วนใหญ่ และเป็นรูปแบบของการให้แสงทางอ้อม (Indirect light) โดยสีของไฟในการบ่งบอกอารมณ์ของตัวละคน และสร้างบรรยากาศ (Ambient) ให้กับพื้นที่นั้น
ไฟโดยรวมที่เราเลือกมาตกแต่งคอนโดจะเน้นเป็นรูปแบบคล้ายไฟถนน (Street light) ที่มีความโมเดิร์นและลดทอนลวดลายออกไป บวกกับโครงเหล็กสำเร็จรูป (Finish) แบบทองเหลือง ให้กลิ่นอายเล็กๆของเครื่องดนตรีแจ๊สรวมอยู่ด้วย
ตกแต่งคอนโดด้วยไฟแบบสปอร์ตไลท์เพิ่มบรรยากาศความเป็นเวที (Stage) ของการแสดงมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังได้ความรู้สึกแบบวินเทจเพิ่มเข้ามาในพื้นที่ด้วย
อาจจะเพิ่มลูกเล่นด้วยฝาปิดที่เป็นสีสันต่างๆเอาไว้สร้างบรรยากาศและอารมณ์ที่ต่างออกไป เหมือนกับการใช้สีไฟตามอารมณ์ตัวละคร
Floor/wall/ceiling
ในส่วนของพื้น ฝ้า ผนังนั้น เน้นคงความดิบของวัสดุให้โชว์สีของตัววัสดุเองออกมาเอง เพื่อให้ได้บรรยากาศแบบ Jazz Bar หรืออาจจะเป็นผนังสี Earthtone เรียบๆ ซึ่งจะเป็นเหมือนฝั่งของพระเอกที่จะเป็นเหมือนฝ่ายสนัสนุน ที่ดูหนักแน่น แต่ยังมีความอ่อนโยน น่าค้นหา
Texture
โดยรวมจะมีความพริ้วของการเคลื่อนไหว กระโปรง เสื้อผ้า รวมไปถึงการเต้นที่ตัด กันกับความแข็งของเมืองคอนกรีต อิฐ ที่เป็นวัสดุแบบดิบๆ ซึ่งในตัวของวัสดุเองนั้นก็จะมี Texture ที่เป็นเอกลักษณ์อยู่แล้ว คล้ายกับการหยิบจับ Loft มาผสมในการตกแต่งคอนโดแบบ Musical นี้
Furniture
ในส่วนของเฟอร์นิเจอร์ สามารถเพิ่มสีสันและลูกเล่นได้หลากหลาย สามารถไปได้ทั้งในโทนคลาสสิคด้วยหนัง หรือ กำมะหยี่ที่ให้ความรู้สึกหรูหราและหวนรำลึกความหลัง ไปในขณะเดียวกัน เหมือนบรรยากาศในโรงละครเวที อีกแนวหนึ่ง คือ เฟอร์นิเจอร์สไตล์ Modern Retro ในแบบที่มีสีสันชัดเจนลวดลายน้อย
ตัวอย่างเฟอร์นิเจอข้างบนจะเป็นแนวคลาสสิค ที่ผสมความ Modern เข้ามาโดยการลดทอนรายละเอียดที่มากเกินไป หรือ เป็นเฟอร์นิเจอที่นำมาผสมผสานกับวิธีการผลิตสมัยใหม่
Decoration
นอกจากตัวอย่างข้างบนแล้ว เราก็ยังมีข้อเสนอแนะของตกแต่งเล็กๆน้อยๆที่จะเพิ่มกลิ่นอายยุค 50 และความเป็น Musical เข้ามาในการตกแต่งคอนโดให้สมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น
Light bulb
การใช้หลอดไฟเป็นของตกแต่งก็เป็นหนึ่งในกลิ่นอายของละครเพลงเวที (Broadway) หรือ รูปแบบการแต่งเวทีแบบสมัยก่อนได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังดูมีเอกลักษณ์สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามความต้องการอีกด้วย
Poster
สิ่งของอย่างต่อไปก็ คือ โปสเตอร์หนัง หรือ หนังแสดงในยุคก่อน ที่สะท้อนให้เห็นถึงความทะเยอทะยาน ในการมาตามหาโอกาสในเมืองใหญ่ของใครหลายคนที่มีบางสิ่งบางอย่างไว้คอยยึดเหนี่ยวจิตใจ
การนำเอาโปสเตอร์มาตกแต่งคอนโดนี้จะสะท้อนถึงความย้อนยุค (Vintage) ได้ง่ายๆ ทั้งด้วยรูปแบบของภาพ เทคนิคการสร้างภาพ รวมถึงรูปแบบตัวอักษรที่นำมาใช้ประกอบ อีกทั้งเครื่องแต่งกาย และการแต่งหน้าก็นำเสนอภาพในอุดมคติของแต่ละยุคได้อย่างชัดเจน
Black and White
สีดำ-ขาว อาจจะไม่ได้ปรากฏมากนักในหนัง แต่จะเห็นได้ว่าแอบซ่อนอยู่ในบทบาทสำคัญ เช่น คีย์เปียโน หรือ รองเท้าแท็ปแดนซ์ ซึ่งอย่างเก้าอี้ก็จะเห็นชัดได้ถึงสีขาวดำ และขาโครเมียมที่ใช้ในการผลิตในยุค 50 อย่างแพร่หลาย หรืออาจจะซ่อนเป็นรายละเอียดที่ไม่สะดุดตามาก อย่าง หมอน หรือ แจกันตกแต่ง ที่จะคอยแทรกตัวอยู่ภายในห้อง
ซึ่งสิ่งต่างๆที่กล่าวมานี้ก็ควรนำมาใช้ในสัดส่วนที่เหมาะสม ทั้งกับประเภทของพื้นที่ ในกรณีที่เป็นการตกแต่งคอนโดของห้องนอน ก็อาจจะลดสีสันลงมาบ้างเพื่อยังคงให้ห้องเป็นพื้นที่ที่มีความผ่อนคลาย รวมถึงการเลือกวัสดุที่อาจจะเป็นในลักษณะของการทำเลียนแบบมากกว่าจะนำของจริงมาใช้ทั้งหมด ทั้งนี้ก็เนื่องจากการรักษาความสะอาด และความปลอดภัยด้วย แต่หากเป็นร้านอาหาร หรือ บาร์ ก็สามารถสนุกได้เต็มที่กับสีสันและวัสดุ แต่ก็ยังความคำนึงถึงการนำมาใช้ไม่ให้ทุกอย่างรู้สึกเยอะมากจนเกินไปนัก
ทาง Estopolis หวังว่าจะช่วยให้ผู้อ่านอย่างจะหยิบเอากลิ่นอายของ City of star เข้ามาตกแต่งคอนโดและสร้างสรรค์ในพื้นที่ต่างๆได้
