รูปบทความ 5 ประโยชน์จากเครื่องพ่นไอน้ำอโรม่าที่มีดีกว่าแค่กลิ่นหอม

5 ประโยชน์จากเครื่องพ่นไอน้ำอโรม่าที่มีดีกว่าแค่กลิ่นหอม


เครื่องพ่นไอน้ำอโรม่า หนึ่งในเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านที่กำลังได้รับความนิยมอยู่ในปัจจุบัน เนื่องด้วยดีไซน์และความสวยงาม ที่สามารถใช้งานเป็นเครื่องเฟอร์นิเจอร์ประดับตกแต่งห้องได้ รวมไปถึงการช่วยสร้างกลิ่นหอมให้กับห้อง ทำให้หลายคนเริ่มให้ความสนใจ จนต้องซื้อติดห้องไว้สักเครื่อง แต่เจ้าเครื่องพ่นไอน้ำอโรม่า ไม่ได้มีดีแค่เรื่องกลิ่นและความสวยงามเท่านั้น มันยังมีคุณประโยชน์อีกถึง 5 ข้อ ที่ตามมาด้วยนะ


ทำให้อากาศบริสุทธิ์ขึ้น


ที่มา: unsplash

เครื่องพ่นไอน้ำอโรม่าไม่เพียงแต่ให้กลิ่นหอม แต่ยังสามารถทำให้อากาศบริสุทธิ์ขึ้นได้ด้วย งานวิจัยพบว่า กลิ่นน้ำมันหอมระเหยจากออริกาโน่และไทม์ มีศักยภาพในการฆ่าเชื้อแบคทีเรียและราในอากาศ อีกทั้งยังช่วยในการกระตุ้นภูมิคุ้มกันให้กับร่างกายของเราอีกด้วย


ลดฝุ่นในอากาศ


ที่มา: pixabay

ไอน้ำที่พ่นออกมาจากเครื่องพ่นไอน้ำอโรม่า มีความสามารถในการเกาะจับฝุ่นในอากาศและทำให้ฝุ่นเหล่านั้นตกลงมาสู่พื้นได้ อากาศภายในห้องดีขึ้นได้ก็เพราะเจ้าเครื่องนี้ สามารถปล่อยไอออนประจุลบออกมาได้มากขึ้น ทำให้เจ้าไอออนประจุลบเหล่านี้ไปจับตัวกับไอออนประจุบวกที่เป็นสาเหตุของฝุ่นนั่นเอง ดังนั้น เมื่อเปิดใช้งานเครื่องพ่นไอน้ำอโรม่าแล้ว มลพิษทางอากาศภายในห้องของเราก็จะน้อยลงไปด้วย


เพิ่มความชื้นในอากาศ


ที่มา: pexels

เครื่องพ่นไอน้ำอโรม่าสามารถทำให้ห้องที่มีระดับความชื้นต่ำกว่า 30% ปรับสูงขึ้นได้อีกมากถึง 40-60% ซึ่งถือว่าเป็นระดับที่ส่งผลดีต่อสุขภาพ โดยเฉพาะกับห้องที่เปิดใช้งานเครื่องปรับอากาศอยู่ตลอดเวลา ที่ส่งผลให้ผิวของเราแห้ง เมื่อใช้งานเจ้าเครื่องนี้ก็จะช่วยลดอากาศผิวเสียความชุ่มชื้นได้ ส่วนใครที่มีอาการฟึดฟัด คัดจมูก หายใจไม่สะดวก เครื่องพ่นไอน้ำอโรม่าก็สามารถช่วยบรรเทาอาการได้เป็นอย่างดี


เป็นยาบำบัด


ที่มา: pexels

การสูดดมกลิ่นหอมๆ ของน้ำมันหอมระเหยจากดอกไม้หรือต้นไม้ ถือได้ว่าเป็นการบำบัดอย่างหนึ่ง เรียกว่าเป็นศาสตร์ของการบำบัดที่คุณเองก็สามารถทำได้ที่บ้าน เพียงแค่เลือกกลิ่นให้ถูกกับวัตถุประสงค์การใช้งาน เพราะน้ำมันหอมระเหยแต่ละกลิ่นก็จะช่วยบำบัดอารมณ์ความรู้สึกแตกต่างกันออกไป แบ่งออกเป็นกลิ่น 5 ประเภท ดังนี้


กลิ่นที่ให้ความรู้สึกสดชื่น

กลิ่นเปปเปอร์มิ้นต์, ขิง, โรสแมรี่, กุหลาบ เหมาะกับคนที่ต้องอยู่ในห้อง หรือทำงานที่ต้องทำอะไรซ้ำไปซ้ำมาแล้วน่าเบื่อ ซึ่งกลิ่นประเภทนี้จะให้ความรู้สึกสดชื่น กระฉับกระเฉง มีเรี่ยวแรง


กลิ่นที่ช่วยให้สมองปลอดโปร่ง

กลิ่นเลมอน, ยูคาลิปตัส, ตะไคร้หอม กลิ่นแนวเย็นๆ ลองเอาไปวางไว้ในห้องทำงานหรือห้องที่เด็กๆ ทำการบ้าน อ่านหนังสือ ซึ่งกลุ่มนี้จะช่วยกระตุ้นให้รู้สึกสดชื่น ปลอดโปร่ง และทำงานได้ดีขึ้น


กลิ่นที่ต้องการความกระฉับกระเฉง

กลิ่นกาแฟช่วยให้รู้สึกแอคทีฟ ทำให้หายจากอาการง่วงเหงาหาวนอนได้ เหมาะกับการเติมกลิ่นในห้องที่ต้องการความกระฉับกระเฉง อย่างในออฟฟิศ 


กลิ่นที่ให้ความรู้สึกสดชื่น ผ่อนคลาย

กลิ่นเปลือกส้ม, กลิ่นสน, มะกรูด กลุ่มนี้จะช่วยคลายอาการกังวล ช่วยลดอาการตึงเครียด แนะนำให้วางไว้ในห้องนั่งเล่น หรือหากต้องขับรถไกลๆ คนเดียว ลองหาน้ำมันหอมระเหยกลิ่นส้มใส่ไว้ในรถ จะช่วยทำให้รู้สึกสดชื่น ผ่อนคลายกับการขับรถได้


กลิ่นที่ช่วยสลายความตึงเครียด

กลิ่นมะลิ ที่เป็นกลิ่นหอมอ่อนๆ จะช่วยให้คุณคลายจากความกังวล หรือความเครียด และช่วยให้สดชื่น ตื่นตัว ส่วนกลิ่นลาเวนเดอร์, วานิลา จะเป็นกลุ่มที่คลายความตึงเครียด ทำให้รู้สึกผ่อนคลาย เหมาะกับห้องนอนหรือช่วงเวลาที่ต้องการพักผ่อน คนที่มีปัญหาเรื่องการนอนไม่ค่อยหลับ หรือหลับไม่ลึก กลิ่นของกลุ่มนี้จะสามารถช่วยได้มาก


ช่วยสร้างบรรยากาศให้กับห้อง


ที่มา: Muji


บรรยากาศภายในห้องของเรา นอกจากเรื่องของสีและการตกแต่งเฟอร์นิเจอร์แล้ว 'กลิ่น' ก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่สามารถสร้างบรรยากาศให้กับห้องได้เป็นอย่างดีเช่นกัน เพราะกลิ่นนั้น สามารถสร้างบุคลิกให้กับห้องของเราได้ ทั้งยังช่วยในเรื่องของการจดจำช่วงเวลา ณ ขณะนั้นๆ ได้อีกด้วย


ที่มา:    xn--42cg8ctaqid0fd6c6b9f8a8edf.com/7-benefit-using-aroma-diffuser

           idofragrance.com

เรื่องราวต่อจากนี้จะเป็นอย่างไร...?

Related Stories

Esto Talks

See All >

Living out loud

Living out loud : VANA RESIDENCE พระราม 9 - ศรีนครินทร์