รูปบทความ 5 สิ่งไม่ควรมองข้าม หากอยากให้ 'ห้องนอน' ห่างไกลโรค

5 สิ่งไม่ควรมองข้าม หากอยากให้ 'ห้องนอน' ห่างไกลโรค

โดยเฉลี่ยแล้ว...คนเราควรนอนวันละ 7-8 ชั่วโมงต่อวัน นั่นเท่ากับ 1 ใน 3 ของทั้งวัน มักถูกใช้หมดไปกับห้องนอน ยิ่งใครที่ชอบทำกิจวัตรต่าง ๆ บนเตียงด้วยแล้วล่ะก็ ยิ่งต้องดูแลพื้นที่นี้เป็นพิเศษ


เพราะคงไม่ดีแน่ หากเราต้องอุดอู้อยู่ในห้องที่เต็มไปด้วยฝุ่นและความอับชื้น ไหนจะเสี่ยงต่อการเป็นภูมิแพ้ ไซนัส หรือโรคระบบทางเดินหายใจต่าง ๆ อีกมากมาย ถ้าเช่นนั้นลองตรวจเช็ค 'ห้องนอน' เสียหน่อย ว่ามีสิ่งไหนที่ไม่ควรละเลย


1. อย่าลืมใส่ใจ 'ทำความสะอาด' ทั้งบนเตียงและใต้เตียง

มีหลายคนที่มัวแต่ทำสะอาด กวาดถูแค่พื้นที่ใต้เตียง ซึ่งมันก็ดีหากเราดึงลิ้นชักใต้เตียง หรือข้าวของต่าง ๆ ออกมาปัดฝุ่นเช็ดล้างด้วยทุกครั้ง แต่ต่อให้เราทำสะอาดพื้นบ่อยแค่ไหน ก็อย่าลืมใส่ใจพื้นที่บนเตียงด้วยเช่นกัน อย่าง การเลือกผ้าปูเตียงที่ทำจากผ้าฝ้ายออร์แกนิก ซึ่งสามารถซักทำสะอาดด้วยน้ำร้อน 60 องศาเซลเซียสได้บ่อยครั้ง หรือการใช้แผ่นปูเตียงมาคลุมทัไว้อีกชั้น เพราะถึงเราจะไม่มีเวลาซักผ้าปูเตียงบ่อย ๆ แต่อย่างน้อยก็ยังสามารถทำความสะอาดแผ่นปูพวกนี้ได้ง่ายกว่า ประมาณอาทิตย์ละครั้ง


2. ติดกอด 'หมอน' ต้องหมั่นเอาฝุ่นออก

ถ้าใครติดการนอนคว่ำ หรือชอบซุกหน้าเข้ากับหมอนและหมอนข้างเป็นประจำล่ะก็ ยิ่งต้องหมั่นทำสะอาด 2 สิ่งนี้อยู่เสมอ เพราะข้างในนั้นมักเต็มไปด้วยสารก่อภูมิแพ้ โดยแนะนำให้หลีกเลี่ยงเครื่องนอนที่ฝุ่นเกาะง่าย อย่าง 'นุ่น' หรือ 'ขนสัตว์' ส่วนปลอกหมอนที่ใช้ ก็ควรเป็นผ้าที่ทออย่างแน่นหนา เพื่อป้องกันไม่ให้ไรฝุ่นเล็ดลอดเข้าไปสะสมได้


ภาพจากโครงการ iCondo Green Space Sukhumvit 77

สำหรับวิธีการทำความสะอาดง่าย ๆ ที่สามารถทำได้ทุกอาทิตย์ ก็แค่นำหมอน, หมอนข้าง หรือตุ๊กตาต่าง ๆ ไปตากแดด ตบเอาฝุ่นออก หรือจะซื้อผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดหมอนโดยเฉพาะมาติดไว้ในห้อง ก็ช่วยให้ห้องนอนสะอาดขึ้นได้เยอะ 


3. เลือก 'ที่นอน' ให้เหมาะกับสุขภาพ

สำหรับใครที่เป็นโรคภูมิแพ้, หอบหืด หรือระบบทางเดินหายใจ ควรใช้เตียงที่ทำจากใยสังเคราะห์ เช่น ผ้าฝ้าย และพยายามหลีกเลี่ยงการใช้ผ้านวมหรือขนสัตว์  เพราะสิ่งเหล่านี้ก็ไม่ต่างจากแหล่งสะสมเชื้อโรคและไรฝุ่นชั้นดี แถมยังทำความสะอาดยาก


4. หา 'เครื่องดูดฝุ่น' ติดห้องไว้บ้างก็ดีนะ

ถ้าการขนเครื่องนอน, ผ้าปู, ผ้าห่ม, ปลอกหมอนไปซักทุกอาทิตย์มันยากนัก ก็ขอแนะนำให้หาเครื่องดูดฝุ่นตัวเล็กแบบพกพามาติดห้องไว้บ้างดีกว่า ซึ่งปัจจุบันก็มีนวัตกรรมของใช้ภายในบ้านออกมามากมาย ให้เราใช้งานได้สะดวกขึ้น สำหรับการทำความสะอาดพรม หรือเฟอร์นิเจอร์บุนวม ควรใช้เป็นเครื่องดูดฝุ่นที่มีแผ่นกรอง 2 ชั้น หรือชนิดที่สามารถกรองอนุภาคเล็ก ๆ ได้ และหากเป็นไปได้ ควรใส่หน้ากากอนามัยป้องกันขณะทำความสะอาดด้วย


5. ไม่พา 'สัตว์เลี้ยง' มาไว้ในห้องนอน

ปกติคอนโดมิเนียมทั่วไปมักไม่อนุญาตให้เลี้ยงสัตว์ภายในห้อง แต่ก็ยังมีบางโครงการที่เปิดโอกาสให้เราเลี้ยงสัตว์ตัวเล็ก ๆ ได้อยู่ ซึ่งคงไม่ใช่เรื่องดีแน่สำหรับคนที่มีโรคประจำตัวเป็นภูมิแพ้ หรือหอบหืด เพราะนอกจากจะทำให้อาการแย่ลงแล้ว ยังต้องเผชิญกับปัญหาเรื่องขนสัตว์และกลิ่นติดโซฟา, เตียงนอน, ผ้าห่มอีกด้วย หรือถ้ามีเหตุจำเป็นจริงๆ ก็พยายามอย่าพอเจ้าตัวเล็กเข้าห้องนอน ขึ้นไปเล่นบนเตียงจะปลอดภัยต่อสุขภาพมากกว่า



ทั้งนี้ทั้งนั้น การที่จะทำให้ห้องของเราปลอดภัย ไร้โรค ก็คือ การหมั่นทำสะอาดเป็นประจำ อย่างน้อยอาทิตย์ละครั้ง เพราะอาการภูมิแพ้มักเกิดจากการสัมผัส หรือสูดเอาของเสียจากตัวไรฝุ่นเข้าไป ทำให้ร่างกายเกิดปฎิกิริยาตอบสนอง


และถึงแม้จะเคยทำความสะอาดห้องกันไปแล้ว แต่อาการแพ้ไรฝุ่นจะยังคงอยู่กับเราไปอีกเป็นปี ๆ เนื่องจากของเสียที่ว่าพอแห้งแล้วก็ยังคงกระจายอยู่รอบห้อง พอเราเดินบนพรม ขยับตัวไปมาบนเตียง หรือแม้แต่นั่งอยู่เฉย ๆ มันก็พร้อมจะกลับมาทำร้ายเราได้อีกเรื่อย ๆ 



ที่มา

www.apartmenttherapy.com

:www.pobpad.com

เรื่องราวต่อจากนี้จะเป็นอย่างไร...?

Related Stories

Esto Talks

See All >

Living out loud

Living out loud : VANA RESIDENCE พระราม 9 - ศรีนครินทร์