แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ เปิดแผนธุรกิจปี 2562 ลุยเปิด 16 โครงการใหม่ เน้นบ้านเดี่ยวและทาวน์เฮ้าส์ พร้อมตั้งเป้ายอดจอง 33,000 ล้านบาท เป็นยอดจากการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยเพื่อขาย 32,000 ล้านบาท และจากค่าเช่าธุรกิจอสังหาเพื่อให้เช่าอีก 5,000 ล้านบาท
ในปี 2562 นี้ นายอดิสร ธนนันท์นราพูล กรรมการผู้จัดการ บริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) ได้เปิดเผยว่า จะมีโครงการที่เปิดดำเนินการทั้งสิ้น 70 โครงการ โดยแบ่งเป็นโครงการในกรุงเทพฯและปริมณฑล 42 โครงการ และต่างจังหวัด 28 โครงการ
โดยแผนการดำเนินงานเปิดโครงการใหม่จะมีทั้งหมด 16 โครงการ มูลค่ารวม 29,960 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการในกรุงเทพฯและปริมณฑล 14 โครงการ และต่างจังหวัด 2 โครงการ (เชียงใหม่และอยุธยา) ส่วนคอนโดมิเนียมในปี 2562 จะยังไม่มีการเปิดตัวโครงการใหม่
และสำหรับงบการลงทุนในปี 2562 นี้ บริษัทฯได้เตรียมงบไว้ลงทุนประมาณ 10,000 ล้านบาท โดยแบ่งเป็น งบสำหรับการซื้อที่ดินเพื่อการพัฒนาที่อยู่อาศัยประมาณ 7,000 ล้านบาท และงบลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์เพื่อการให้เช่าอีกจำนวน 3,000 ล้านบาท
สำหรับโครงการที่จะเปิดใหม่ในปี 2562 มีดังนี้
ไตรมาส 1
ชัยพฤกษ์ รามอินทรา ทางด่วนน จตุโชติ ราคาเฉลี่ย 7.5 ล้านบาท จำนวน 398 ยูนิต
นันทวัน รามอินทรา พหลโยธิน 50 ราคาเฉลี่ย 24.5 ล้านบาท จำนวน 212 ยูนิต
มัณฑนา Westgate ราคาเฉลี่ย 15 ล้านบาท จำนวน 293 ยูนิต
Indy ปิ่นเกล้า สิรินธร ราคาเฉลี่ย 4.3 ล้านบาท จำนวน 94 ยูนิต
ไตรมาส 2
มันณฑนา บางนา กม.7(2) ราคาเฉลี่ย 15.7 ล้านบาท จำนวน 159 ยูนิต
Indy อยุธยา ราคาเฉลี่ย 2.7 ล้านบาท จำนวน 230 ยูนิต
ไตรมาส 3
Vive เอกมัย รามอินทรา ราคาเฉลี่ย 47.9 ล้านบาท จำนวน 48 ยูนิต
Vive รัตนาธิเบศร์ ราชพฤกษ์ ราคาเฉลี่ย 32.9 ล้านบาท จำนวน 34 ยูนิต
Villaggio ประชาอุทิศ 90 ราคาเฉลี่ย 3.6 และ 5.6 ล้านบาท จำนวน 351 ยูนิต
Indy รังสิต คลอง 2 ราคาเฉลี่ย 2.8 ล้านบาท จำนวน 198 ยูนิต
Vive บางนา ราคาเฉลี่ย 29.6 ล้านบาท จำนวน 49 ยูนิต
Villaggio บางนา เทพารักษ์ ราคาเฉลี่ย 4.6 ล้านบาท จำนวน 342 ยูนิต
ไตรมาส 4
มัณฑนา Serene Lake เชียงใหม่ ราคาเฉลี่ย 17 ล้านบาท จำนวน 78 ยูนิต
Indy 3 บางใหญ่ ราคาเฉลี่ย 3.6 ล้านบาท จำนวน 353 ยูนิต
Indy บางนา สวนหลวง ราคาเฉลี่ย 3.7 ล้านบาท จำนวน 385 ยูนิต
Villaggio ศรีนครินทร์ บางนา ราคาเฉลี่ย 4.6 ล้านบาท จำนวน 307 ยูนิต
สรุปผลประกอบปี 2561 แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์
ในปี 2561 ที่ผ่านมา แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ มีรายจ่ายด้านการลงทุนประมาณ 10,000 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นรายจ่ายด้านการซื้อที่ดินเพื่อการพัฒนาที่อยู่อาศัยประมาณ 6,000 ล้านบาท และรายจ่ายในการลงทุนธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อให้เช่าประมาณ 4,000 ล้านบาท
และในปี 2561 ที่ผ่านมา บริษัทฯได้ขายอพาร์ทเม้นท์ชื่อ The Domain Residence ในรัฐแคลิฟอเนีย ในราคา 140 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ หรือประมาณ 1,317 ล้านบาท และสำหรับในปี 2562 ก็มีแผนที่จะขายโรงแรมอีก 1 แห่งเข้ากอง REIT และมีแผนที่จะออกหุ้นกู้อีกจำนวนประมาณ 12,000 ล้านบาท
ผลการดำเนินงานของบริษัทในปี 2561
ในปี 2561 ที่ผ่านมา แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ได้มีโครงการที่เปิดดำเนินการทั้งหมด 68 โครงการ เป็นโครงการในกรุงเทพฯและปริมณฑล 40 โครงการ ต่างจังหวัด 28 โครงการ รวมโครงการที่เปิดใหม่ระหว่างปี 12 โครงการ ทำให้ในปี 2561 มีโครงการรวมทั้งหมด 80 โครงการ
สำหรับโครงการใหม่ในปี 2561 มี 12 โครงการ มูลค่า 23,100 ล้านบาท
- โครงการบ้านเดี่ยว 6 โครงการ
- โครงการทาวน์โฮม 5 โครงการ
- โครงการคอนโดมิเนียม 4 โครงการ
สำหรับส่วนแบ่งการตลาด ตามจำนวนหลัง ในกรุงเทพฯและปริมณฑล ยอดรวมสะสมตั้งแต่ ม.ค.-พ.ย. 61 แบ่งจำแนกตามประเภทที่อยู่อาศัย ดังนี้
- ตลาดบ้านเดี่ยว บริษัทมีส่วนแบ่งตลาด 10.6%
- ตลาดบ้านแฝด บริษัทมีส่วนแบ่งตลาด 13.7%
- ตลาดทาวน์เฮ้าส์ บริษัทมีส่วนแบ่งตลาด 3.5%
- ตลาดคอนโดมิเนียม บริษัทมีส่วนแบ่งตลาด 1.2%
ทั้งนี้ในส่วนของการดำเนินงานของบริษัท LH USA. ในปีที่ผ่านมา ได้ขายอพาร์ทเมนท์ชื่อ The Domain Residence ในรัฐแคลิฟอเนีย ในราคา 140 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ หรือประมาณ 4,480 ล้านบาท โดยมีกำไรก่อนภาษีประมาณ 41.17 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 1,317 ล้านบาท ปัจจุบันบริษัท LH USA มีจำนวนโครงการทั้งหมด 4 โครงการ ได้แก่
Portland OR จำนวน 284 ยูนิต
Campbell CA. จำนวน 168 ยูนิต
Mode จำนวน 111 ยูนิต
Parce at Pruneyard จำนวน 252 ยูนิต
และสำหรับการดำเนินงานบริษัท LHMH ในปี 61 ที่ผ่านมา ได้มีการเปิดโครงการ Terminal 21 พัทยา รูปแบบ Mixed Use ประกอบไปด้วยโรงแรม และ Shopping Mall
เรื่องราวต่อจากนี้จะเป็นอย่างไร...?
