รูปหน้าปก ‘The Bangkok Thonglor’ อัญมณีบนทำเลทองหล่อ สัญลักษณ์แห่งความสำเร็จ ที่ใคร..ก็ต่างปรารถนา

[Review] ‘The Bangkok Thonglor’ อัญมณีบนทำเลทองหล่อ สัญลักษณ์แห่งความสำเร็จ ที่ใคร..ก็ต่างปรารถนา

ถนนสุขุมวิท 55 แขวงคลองเตยเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพมหานคร 10110

HIGHLIGHTS


เผยเอกสิทธิ์เหนือระดับของการใช้ชีวิต ที่ผู้ประสบความสำเร็จเท่านั้น จะมีสิทธิ์ครอบครอง...


  • ส่วนกลาง 3 ชั้นบนสุด เสมือนเป็น Penthouse ของลูกบ้านทุกคน เพื่อให้คุณสามารถผ่อนคลายบนพื้นที่ส่วนกลางนี้ได้อย่างเหนือระดับ
  • ทำเลตั้งอยู่ในทองหล่อซอย 1 ที่เหมาะแก่การอยู่อาศัยอย่างแท้จริง อีกทั้งยังอยู่ใกล้กับสถานีรถไฟฟ้า BTS เพียง 350 เมตรเท่านั้น
  • ห้องตกแต่งแบบ Fully Fitted ด้วยวัสดุ และแบรนด์คุณภาพชั้นนำระดับโลก พร้อมใส่ใจลึกซึ้งในทุก ๆ รายละเอียด
  • พื้นที่จอดรถ 130% ด้วยระบบ Automatic Parking ให้ความสะดวกสบาย ไม่ต้องเสียเวลาหาที่จอดรถ (สำหรับยูนิต 2 ห้องนอนได้รับ 2 สิทธิ์)
  • ติดตั้ง ‘Corridor Air Flow’ นวัตกรรมเฉพาะคอนโดแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ที่ทำให้บริเวณโถงทางเดินมีอากาศไหลเวียนตลอดเวลา




Project Review


ถนนทองหล่อ เป็นถนนสายทองคำที่มีความเจริญรุ่งเรืองเสมอมา บ่งบอกคุณค่าไม่รู้จบแม้ผ่านกาลเวลา เช่นเดียวกับ The Bangkok Thonglor คอนโดที่ได้รับแรงบันดาลใจในการออกแบบจากอัญมณีอันทรงคุณค่าระดับ Crown Jewel ที่พร้อมจะเติมเต็มให้ถนนสายนี้ทวีมูลค่าเพิ่มขึ้น ด้วย concept design ให้เป็น Precious Gems และ Natural Crystals ซึ่งเป็น Jewelry ที่ได้รับความนิยมตลอดกาล รูปแบบดีไซน์ยังเป็น Timeless Design ที่งดงามโดดเด่นเหนือกาลเวลา รวมถึงการดีไซน์ Function การใช้ชีวิตภายในคอนโด The Bangkok Thonglor ให้เป็นเสมือน Crown Jewel หนึ่งเดียวบนทองหล่อ


โครงสร้างอาคารถูกออกแบบให้เป็นกระจกทั้งอาคาร พร้อมเก็บรายละเอียดไม่ให้เห็น Frame ของบานกระจกจากภายนอกอาคาร ส่วน Facade ก็จะมองเห็นเป็นเส้นตรงเหมือนเหลี่ยมการ Cut ของแท่ง Crystal ที่ให้ความเงาแวววาวเป็นประกายออกมาจากตัวอาคาร ซึ่งเป็นเอกลักษณ์อันโดดเด่นของโครงการนั่นเอง 


รายละเอียดโครงการ The Bangkok Thonglor

ชื่อโครงการ : The Bangkok Thonglor (เดอะ แบงค็อค ทองหล่อ)

เจ้าของโครงการ : บริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน)

ที่ตั้งโครงการ : สุขุมวิท 55 แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพมหานคร

พื้นที่โครงการ : 1-2-94 ไร่

ลักษณะโครงการ : High Rise สูง 31 ชั้น จำนวน 1 อาคาร

จำนวนห้อง : 148 ยูนิต

รูปแบบห้อง :

  • 1BR (TYPE-1A) ขนาด 55.8 ตร.ม.
  • 2BR (TYPE-A,F) ขนาด 91 - 94 ตร.ม.
  • 2BR (TYPE-B,D,E) ขนาด 82 - 84 ตร.ม.
  • 2BR (TYPE-C1,C2) ขนาด 85 ตร.ม.

ที่จอดรถ : ระบบ Auto Parking ประมาณ 130%

ราคาเริ่มต้น : 27.5 ล้านบาท



Floor Plan โครงการ The Bangkok Thonglor



เมื่อเข้ามาภายในพื้นที่ของโครงการแล้ว ก็จะเจอกับจุด Drop Off ก่อนเป็นลำดับแรก ซึ่งจากจุดนี้จะสามารถเดินเชื่อมเข้าไปยังภายในอาคารบริเวณส่วนของ Lobby Lounge, Board Room และโถงลิฟท์ได้ทันที และหากขับตรงเข้าไปอีกเล็กน้อย จึงจะเป็นพื้นที่จอดรถ Automatic Parking Lift 2 ตัว ซึ่งเราสามารถสแกนช่องจอดของตนเองได้ทันทีผ่านระบบ Key Card โดยไม่จำเป็นต้องวนหาที่จอดให้เสียเวลา แถมบริเวณนี้ยังมีจุด EV Charger ไว้รองรับอีกด้วย ก่อนจะปิดท้ายด้วย Green Quarter สวนสีเขียวพร้อมพื้นที่ Retreat ในแวดล้อมของธรรมชาติ และกำแพงน้ำตก


ภาพ Automatic Parking Lift และ EV Charger


สำหรับชั้นพักอาศัยแรกของทางโครงการ The Bangkok Thonglor จะเริ่มต้นตั้งแต่ชั้น 5 เป็นต้นไป โดยชั้นที่ 5 - 6 จะมีจำนวนยูนิตต่อชั้นสูงสุดอยู่ที่ 9 ยูนิต และเน้นการอยู่อาศัยแบบ 1 Bedroom ที่มีความสูงของเพดานอยู่ที่ 2.75 เมตรเป็นส่วนใหญ่ ทำให้ห้องดูโปร่ง และกว้างขวาง


แต่เมื่อขยับถัดจากชั้น 6 ขึ้นไป ห้องชุดพักอาศัยทั้งหมดจะมีความสูงของเพดานเพิ่มขึ้นเป็น 2.95 เมตร โดยชั้นที่ 7 - 21 นี้จะมีจำนวนยูนิตพักอาศัยต่อชั้นเพียง 7 ยูนิต เพื่อช่วยเพิ่มความเป็นส่วนตัวขึ้นมาอีกหนึ่งระดับ


สำหรับชั้น 22 จะค่อนข้างเหมาะกับผู้ที่ต้องการวิวสวย ๆ ผ่อนคลายสายตา เพราะชั้นนี้เป็นชั้นที่มียูนิตพักอาศัยจำนวน 5 ยูนิต อยู่รวมกับพื้นที่ส่วนกลางอย่าง Sky Green Terrace สวนหย่อมลอยฟ้าสำหรับการนั่งพักผ่อนแบบ Outdoor


ส่วนใครที่ชอบความเงียบสงบ มีความไพรเวทมากเป็นพิเศษ ก็ขอแนะนำที่ชั้น 23 - 26 โดยจะมีจำนวนยูนิต และลักษณะแปลนทั้งหมดเหมือนกับชั้น 22 ทุกประการ แค่ไม่มีส่วนของ Sky Green Terrace เพิ่มเข้ามาเท่านั้นเอง


คราวนี้ก็ขึ้นมาสำรวจ Crown Jewels Living กันที่ Facility ด้านบนกันบ้าง โดยชั้นเริ่มต้นจะอยู่ที่ชั้น 28 ซึ่งได้รวบรวมพื้นที่ส่วนกลาง 3 ส่วนเข้าไว้ด้วยกัน ได้แก่ Sky Fitness, Sky Reading Lounge และ Upper Green Terrace 


ถัดมาบนชั้น 29 ก็จะเจอส่วนของ Sky Japanese Onsen ขนาดใหญ่ทั้งชั้น design โดยผู้เชี่ยวชาญระบบสปา และออนเซ็นระดับ world class ซึ่งแบ่งโซนผู้หญิง และโซนผู้ชายไว้เรียบร้อย เพื่อความเป็นส่วนตัว 


ก่อนจะขึ้นไปยังชั้น 31 ยอดบนสุดของอาคาร ซึ่งพื้นที่ทั้งหมดจะถูกออกแบบเป็นส่วนของ 360° Rooftop Swimming Pool ที่ให้ประสบการณ์การว่ายน้ำเสมือนว่ายน้ำใต้ฟ้า และดวงดาว กับดีไซน์สระแบบ infinity edge pool ท่ามกลางวิวสุขุมวิทรายล้อม




 พื้นที่ส่วนกลาง โครงการ The Bangkok Thonglor


เริ่มต้นผ่อนคลายไปกับ Facility ส่วนแรกที่ชั้น 1 ของทางโครงการ The Bangkok Thonglor อย่าง Lobby Lounge โดยภายในจะให้ความรู้สึกโอ่อ่า มีเตาผิงจำลองคอยต้อนรับเสมือนบ้านที่อบอุ่น การตกแต่งเน้นไปทางโทนสี Copper ที่ให้ความรู้สึกน่าหลงไหล และหรูหรา ซึ่งทางโครงการก็ได้เลือก Interior Designer จาก HBA มาช่วยสร้างคอนเซ็ปต์ให้โดยเฉพาะ ทำให้บรรยากาศภาพรวมทั้งหมดสวยงามเหมือนโรงแรมระดับ 5 ดาวเลยทีเดียว 


สำหรับคอนเซ็ปต์ความหรูหรา Luxury นี้ จะมุ่งเน้นไปที่วัสดุตกแต่งที่ให้ทั้งความ Glam และคงไว้ซึ่งความอบอุ่น โดยการใช้ Marble Bookmatched หินอ่อนแผ่นใหญ่ที่มีลวดลายงดงาม มาประดับตกแต่งผนัง


นอกจากนี้ยังเลือกใช้ภาพเพ้นท์บนผืนผ้ามาประดับตกแต่ง เพื่อเพิ่มดีเทลความพิเศษให้มีมากยิ่งขึ้นไปอีก โดย Lobby Lounge แห่งนี้จะพร้อมสำหรับการต้อนรับแขก และให้ลูกบ้านใช้เป็นพื้นที่สำหรับรอรถจาก Auto Parking ซึ่งบริเวณที่นั่งรับรองจะมีหน้าจอแสดงผล ไว้คอยแจ้งเลขคิวให้เราทราบอยู่ด้วย


หากย้ายออกไปด้านนอก ที่บริเวณชั้น 1 ก็จะมีส่วนของพื้นที่สีเขียว Green Quarter ไว้คอยต้อนรับลูกบ้าน ให้คุณได้ออกมานั่งเล่นรับลมใต้ร่มเงาของแมกไม้ ในบรรยากาศม่านน้ำตก ที่ให้คุณรู้สึกผ่อนคลาย และสงบเป็นส่วนตัว


โดยบริเวณนี้จะจัดโซนที่นั่งเอาไว้หลากหลายรูปแบบ มีทั้งโต๊ะคู่, โต๊ะสำหรับเพื่อนกลุ่มเล็ก ๆ 3 - 4 คน ไปจนถึงโต๊ะตัวยาวพร้อมเก้าอี้ 12 ตัว ให้เราแวะมานั่งทำงานเปลี่ยนบรรยากาศชิลล์ ๆ หรือจะนัดพบปะพูดคุย ก็ดูผ่อนคลาย เพราะที่นี่ทั้งร่มรื่น และสงบเป็นพิเศษ แถมยังมี Mini Waterfall ริมกำแพง ช่วยเพิ่มความสดชื่น และเติมเต็มบรรยากาศการพักผ่อนด้วยเสียงธรรมชาติ ช่วยให้พื้นที่แห่งนี้สมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้นไปอีก


พื้นที่ส่วนกลาง 3 ชั้นบนสุดที่เป็นเสมือน
เพชรยอดมงกุฎ


สำหรับ Facilities สุดพิเศษของโครงการ The Bangkok Thonglor จะถูกยกขึ้นไปไว้ที่ส่วนยอดสุดของอาคาร เปรียบเสมือน Penthouse ที่ลูกบ้านกว่า 148 ครอบครัวสามารถเป็นเจ้าของร่วมกันได้ทุกคน โดยส่วนของ Facilities หลักทั้งหมดนี้ จะมีด้วยกัน 3 ชั้น เป็นดั่ง ‘เพชรยอดมงกุฎ’ ที่สุดของการใช้ชีวิตที่ล้ำค่านั่นเอง


ชั้นแรกของเพชรยอดมงกุฎจะเริ่มต้นที่ชั้น 28 ซึ่งเป็นชั้นที่ประกอบด้วย 3 ส่วนหลัก โดยส่วนแรกจะเป็น Sky Fitness ห้องออกกำลังกายที่คุณสามารถชมวิวเมืองทิศเหนือของทองหล่อได้แบบเต็มที่ พร้อมดีไซน์การตกแต่งภายในด้วยการวางพื้นไม้ และเพดานเป็นแนวเฉียง เพื่อช่วยสร้างเอนเนอร์จี้ให้ห้องมีความสนุก ดูมีการเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา ส่วนอุปกรณ์สำหรับออกกำลังกายก็มีให้ครบครัน หลากหลายรูปแบบ สามารถเลือกที่เหมาะสมกับความต้องการของคุณได้เลย


ถัดมายัง Sky Reading Lounge ห้องฝั่งตรงข้ามที่มาพร้อมกระจกบานใหญ่เต็มความสูงห้อง ให้คุณชมวิวเมืองฝั่งทิศใต้ได้แบบเต็มอิ่มอีกเช่นเคย และหากขึ้นมาในยามกลางวันที่มีแสงมากเกินไป เราก็สามารถเลื่อนม่านปิด เพื่อช่วยลดความร้อน และแสงสว่างลงได้ตามต้องการ


ภายในห้องจะดีไซน์มุมพักผ่อนไว้ให้หลากหลายสไตล์ ทั้งมุมนั่งเล่นชิลล์ ๆ บนพื้น, โซฟาตัวยาว, อาร์มแชร์พร้อมโต๊ะกลาง ไปจนถึงมุมส่วนตัวสำหรับการนั่งอ่านหนังสือ หรือการทำงานที่ต้องใช้สมาธิมากเป็นพิเศษ ทำให้ห้องนี้เหมาะสำหรับทุกคน ไม่ว่าจะขึ้นมานั่งพักผ่อนอ่านหนังสือ, ชมวิวเมืองเพลิน ๆ หรือการนั่งทำงานจริงจัง ที่ต้องการความสงบในสถานที่ที่สวยงาม


พบกับส่วนสุดท้ายของชั้น 28 อย่าง Upper Green Terrace สวนหย่อมขนาดพอเหมาะที่มาพร้อมมุมนั่งพักผ่อนท่ามกลางสวนสีเขียว ประดับประดาไปด้วยดอกไม้ และต้นไม้ใหญ่ พร้อมช่วยขับความโรแมนติกให้เพอร์เฟ็คยิ่งขึ้นด้วยบรรยากาศยามเย็น ที่มีแสงไฟ และสีสันของตึกสูงอยู่รอบตัว ทำให้สวนแห่งนี้โดดเด่น เหมาะที่จะชวนกันมานั่งพักผ่อนหลังเลิกงาน


เพิ่มความพิเศษให้เหนือระดับขึ้นมาอีกขั้นด้วยชั้น 29 ซึ่งเป็นชั้น Sky Japanese Onsen ที่ให้อารมณ์เสมือนอยู่ญี่ปุ่นตั้งแต่ก้าวแรกที่เข้ามา โดยจะมีไม้โทนสีอ่อนเป็นวัสดุหลัก พร้อมตกแต่งป้ายและผ้าม่านสไตล์ญี่ปุ่น นอกจากนี้ภายในยังแบ่งพื้นที่การใช้งานออกจากกันชัดเจน อย่างทางซ้ายมือจะเป็นโซนของคุณสุภาพสตรี ส่วนฝั่งขวาจะเป็นโซนของคุณสุภาพบุรุษ เพื่อความปลอดภัย และเป็นส่วนตัวนั่นเอง 


การตกแต่งทั้ง 2 ฝั่งชาย-หญิงจะเหมือนกันทุกประการ โดยจะมีห้องล็อกเกอร์สำหรับเก็บเสื้อผ้า และห้องแต่งหน้าให้เช่นเดียวกัน ซึ่งโทนสีต่าง ๆ จะยังคงความอบอุ่น สงบ ด้วยไม้สีอ่อนลงตัวกับผนังสีครีม


ทางเดินเชื่อมเข้าไปยังส่วนของบ่อน้ำร้อนจะเล่นดีเทลให้มีความซับซ้อน จำลองบรรยากาศให้ความรู้สึกสมจริงเหมือนกับที่ญี่ปุ่น หากจะต่างก็ต่างกันที่ความ Privacy ซึ่งที่นี่จะให้ความเป็นส่วนตัวกับเราได้มากกว่า ราวกับว่าคุณได้เป็นเจ้าของ Onsen แห่งนี้แต่เพียงผู้เดียว ผ่านระบบการจองของทางโครงการ ที่ให้เราสามารถใช้งานออนเซ็นร่วมกับกลุ่มเพื่อน หรือคนในครอบครัวได้อย่างเป็นส่วนตัว โดยไม่มีลูกบ้านท่านอื่นเข้ามารบกวนในระหว่างการพักผ่อนอย่างแน่นอน


ส่วนแรกที่เข้าไปถึงจะเป็น ‘จุดนั่งพัก’ ซึ่งทางโครงการจะใช้หินสีขาวในการประดับตกแต่งทั้งหมด โดยส่วนนี้จะเป็นพื้นที่สำหรับใช้นั่งปรับอุณหภูมิร่างกายหลังขึ้นมาจากบ่อน้ำร้อน ให้คุณนั่งจิบชา หรือเปิดม่านชมวิวทิวทัศน์อันสวยงามของเมืองได้อย่างที่ใจต้องการ


ขยับเข้ามาด้านในจะเจอห้องสำหรับล้างตัว พร้อมมีม้านั่งไม้ตัวเล็กและฝักบัวให้ ซึ่งทางโครงการก็ยังคงทำออกมาได้เหมือนกับ Onsen ของญี่ปุ่นอีกเช่นเคย


มายังพระเอกของงานอย่าง ‘บ่อออนเซ็น’ ที่ทางโครงการได้เลือกใช้บริการจาก Bath and Spa บริษัทที่มีประสบการณ์เกี่ยวกับการทำระบบสปามายาวนานกว่า 10 ปี ที่แม้แต่ Let's relax, Panpuri Gaysorn และ Park Hyatt ก็ยังเลือกใช้ ซึ่งบ่อน้ำร้อนนี้จะมีระบบ Whirlpool ไว้ช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อ นวดส่วนหลัง และส่วนน่อง เพื่อกดจุดให้ระบบ Blood Circulation หมุนเวียนได้ดีขึ้น ส่งผลดีต่อสุขภาพของเราเป็นอย่างมาก 


  • นอกจากระบบน้ำร้อนที่ช่วยคลายกล้ามเนื้อ และความเหนื่อยล้าให้ร่างกายแล้ว การได้ชมวิวเมืองสวย ๆ ควบคู่กันไปก็ยังช่วยรีแล็กซ์อารมณ์ของเราให้สงบ และผ่อนคลายมากขึ้น โดยเราจะสามารถเลือกเปิด-ปิดม่านอัตโนมัติได้ตามความต้องการเลย


มากันที่ส่วนบนสุดของอาคารชั้น 31 ซึ่งจะล้อมรอบด้วย 360° Rooftop Swimming Pool สระว่ายน้ำระบบเกลือแบบรอบทิศทาง พร้อมควบคุมอุณหภูมิให้คงที่อยู่ที่ 29 - 30 องศา ไม่ว่าคุณจะอยากว่ายช่วงเวลากลางคืน หรือในฤดูหนาว ก็หมดกังวลเรื่องความเย็นไปได้เลย


แถมความพิเศษนี้ด้วย City View ที่ให้ความสวยงามชัดเจนจากชั้นบนสุดของอาคาร และหากใครต้องการขึ้นมาชมวิวพระอาทิตย์ตกดินในยามเย็นล่ะก็ รอบ ๆ สระว่ายน้ำจะมีมุมนั่งเล่นให้เราเลือกชิลล์กันได้สบาย ๆ 


สำหรับขนาดของสระว่ายน้ำ ทางฝั่งทิศตะวันออกและทิศตะวันตกจะมีความกว้างอยู่ที่ 5 เมตร : ยาว 22 เมตรโดยประมาณ ส่วนฝั่งทิศเหนือจะกว้าง 2.70 เมตร และมีความยาวอยู่ที่ 16.25 เมตร โดยความลึกของสระทั้ง 3 ฝั่งจะอยู่ที่ 1.20 เมตร ต่างจากสระทิศใต้ที่เป็นสระตื้น พร้อมด้วยระบบน้ำสำหรับนวดตัว ลึกเพียง 60 เซนติเมตรเท่านั้น 


บริเวณกึ่งกลางสระจะเป็นที่ตั้งของ Starry Tree ซึ่งเปรียบดั่งเพชรบนยอดของมงกุฎของอาคาร ที่มีความสวยงาม ระยิบระยับ ล้อกับแสงไฟยามค่ำคืน ด้วยการออกแบบพื้นผิวให้มีลักษณะเป็นกระจกใส สะท้อนแสงแวววาว อีกทั้งยังช่วยให้ร่มเงากับสระว่ายน้ำ รวมถึงพื้นที่นั่งเล่นตากอากาศในยามกลางวันอีกด้วย 




Room Review


2BR (TYPE-C1,C2) ขนาด 85 ตร.ม.


สำหรับแปลนห้อง 2BR (TYPE-C1,C2) ขนาด 85 ตร.ม. จะมีลักษณะเป็นห้องแบบหน้ากว้าง เมื่อเปิดเข้าไปภายในจะเจอส่วนของพื้นที่พักผ่อนรวมอย่าง ‘Living Room’ ก่อนเป็นลำดับแรก แล้วจึงแบ่งโซนพื้นที่ส่วนตัวอย่าง ‘ห้องนอน’ ออกไปทางด้านซ้ายและขวา เพื่อความเป็นส่วนตัว และหากมองจากบริเวณหน้าทางเข้า ด้านซ้ายมือสุดของเราจะเป็น ‘พื้นที่ครัวปิด’ ตามด้วย ‘ห้องน้ำรับรองแขก’ และ ‘ห้องนอนเล็ก’ ส่วนทางด้านขวามือถัดจากโซน Living Room ไป จะเป็นห้อง ‘Master Bedroom’ ที่มีห้องน้ำขนาดใหญ่พร้อม Walk-In Closet ภายในตัว ซึ่งจะมอบความสะดวกสบาย และให้ความเป็นส่วนตัวอย่างสูงสุด


เมื่อเข้ามาภายในห้อง... เราจะสามารถมองเห็น Layout ทุก ๆ สัดส่วนได้จากบริเวณหน้าประตูห้อง โดยด้านหน้าของเราตอนนี้จะเป็น Living Room ที่เป็นเสมือนจุดกึ่งกลางของห้อง สามารถเชื่อมต่อไปยังห้องต่าง ๆ ได้อย่างลื่นไหล โดยวัสดุปูพื้นส่วน Living Room ไปจนถึงภายในห้องครัวก็จะเป็น Composite Marble จากแบรนด์ชั้นนำมาตรฐานยุโรปทั้งหมด


บริเวณทางเข้าอยู่ติดกับส่วนครัวปิด ทำให้ด้านหน้าห้องครัวเหลือพื้นที่สำหรับวางชุดโต๊ะรับประทานอาหารได้อย่างอิสระ ซึ่งเราสามารถออกแบบการใช้งาน รวมถึงดีไซน์ทั้งขนาด และสีสันให้ตอบโจทย์กับความต้องการได้โดยไม่ต้องกังวลเรื่องพื้นที่แต่อย่างใด


ขยับเข้ามาดูภายในของ ‘ห้องครัว’ กันบ้างดีกว่า ซึ่งการตกแต่งทั้งหมดที่เราเห็นจากในห้องตัวอย่างนี้ จะมีลักษณะเหมือนกับห้องจริง ที่ทางโครงการ The Bangkok Thonglor ได้ตกแต่งแบบ Fully Fitted ไว้ให้ โดยภายในจะประกอบด้วยเคาน์เตอร์สำหรับทำอาหาร และชั้นบิลต์อินแขวนผนังแบบ Soft Close สำหรับการจัดเก็บของ ที่ดีไซน์มาให้แบบจัดเต็ม เราจึงสามารถจัดเก็บได้ครบถ้วนทั้งภาชนะ, อุปกรณ์ทำครัว, อาหารแห้ง, เครื่องปรุง และวัตถุดิบต่าง ๆ พร้อมคงไว้ซึ่งความเรียบโก้ด้วยโทนสีคลาสสิก อย่าง ขาว-ดำ ที่ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปีก็ยังดูดีอยู่เสมอ


microwave oven จากแบรนด์ Kuppersbusch

เตาไฟฟ้า และฮูดระบายอากาศจากแบรนด์ Kuppersbusch

ทางด้านเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ทางโครงการ The Bangkok Thonglor ให้มานั้น ก็จัดเต็มทั้ง Microwave Oven, เตาไฟฟ้าขนาด 4 หัว และเครื่องดูดควันระบบปล่อยออกนอกอาคาร จากแบรนด์ชั้นนำระดับโลก อย่าง Kuppersbusch


ส่วนดีไซน์ของ Top ครัวจะมีความบางที่เป็นลักษณะพิเศษ ช่วยให้ชุดครัวของโครงการดูสวยงาม Luxury มากยิ่งขึ้น ซึ่งต่อให้ตัววัสดุจะบาง แต่เรื่องคุณภาพนั้นจะยังคงความแข็งแรงไว้ได้เป็นอย่างดี ด้วยตัววัสดุจาก ‘หินควอทซ์’ ที่ถูกบีบอัดมาอย่างหนาแน่น จากไลน์ผลิตเฉพาะของบริษัท Cosentino ที่การันตีโดยรางวัล reddot award 2016 เราจึงสามารถใช้งานครัวต่าง ๆ ได้อย่างเต็มที่ ทั้งยังใช้เป็น Backsplash เช็ดทำความสะอาดง่าย ทนต่อการขีดข่วนอีกด้วย


ดีไซน์ที่ใส่ใจในทุกดีเทล ไม่ใช่เฉพาะแค่ด้านนอก
แต่ยังอินดีเทลไปถึงด้านใน
เพื่อการใช้งานที่สมบูรณ์แบบ...


‘จะมีสักกี่โครงการที่ใส่ใจคุณในทุก ๆ ดีเทล ลงลึกไปจนถึงพื้นที่ด้านในของลิ้นชัก’ สำหรับ The Bangkok Thonglor ก็ได้มองลึกไปถึงการใช้งานและดีไซน์ที่สมบูรณ์แบบ เพื่อตอบโจทย์ประสิทธิภาพการใช้งานสูงสุด แม้กระทั่งขอบตู้และลิ้นชักภายในก็ยัง trimming ด้วยวัสดุโลหะ ซึ่งจะช่วยเพิ่มความทนทานและความสวยงามของเส้นสาย ภายในกรุวัสดุลายไม้สวยงามจากแบรนด์ชั้นนำ Blum พร้อมแบ่งฟังก์ชันการจัดเก็บมาให้อย่างใส่ใจ 


ตรงข้ามกับเคาน์เตอร์ครัวจะเป็นส่วนของงานล้างทำความสะอาดภาชนะ ตลอดจนวัตถุดิบต่าง ๆ โดยเคาน์เตอร์ส่วนนี้จะมีลักษณะเป็นแบบ Island ที่มีกระจกใสกั้น ทำให้คงความปลอดโปร่ง มองเห็นพื้นที่ของห้องนั่งเล่นได้ชัดเจน แม้จะเป็นครัวแบบปิดก็ตาม



  • ส่วน Top ครัวของเคาน์เตอร์นี้ จะออกแบบให้มีการไล่ระดับเล็กน้อย เพื่อที่เวลาเราล้างทำความสะอาดภาชนะอยู่นั้น น้ำจะได้ไหลลงไปยังบริเวณซิงก์ล้างจานได้สะดวก โดยไม่ทำให้ส่วนต่าง ๆ ของครัวเลอะเปื้อนไปด้วย


หากมองจากมุมครัวจะเห็นว่า เคาน์เตอร์วางของที่ทางโครงการ The Bangkok Thonglor บิลต์อินให้มานั้น จะมีพื้นที่ใช้สอยค่อนข้างมากอีกเช่นกัน


  • ภายในตู้ Built-in ทั้งแบบตั้งพื้นและแขวนผนัง จะมีการแบ่งฟังก์ชันออกเป็น 3 ชั้น เพื่อช่วยเพิ่มพื้นที่ในการจัดเก็บให้เป็นระเบียบมากขึ้น
  • นอกจากนี้ส่วนของ Island ด้านบนก็ยังแขวนชั้นเก็บของดีไซน์เก๋มาให้ ดูลงตัวกับเคาน์เตอร์ซิงก์ล้างจาน ที่ด้านล่างจะมีลิ้นชัก และตู้จัดเก็บของมาให้อีก 2 จุด เรียกได้ว่าเพียงพอสำหรับความต้องการอย่างแน่นอน


กลับมาที่ศูนย์กลางของห้องนี้กันอีกครั้ง โดยส่วนนี้จะมีบรรยากาศโปร่งโล่ง กว้างขวาง และดูสบายตาเป็นพิเศษ ด้วยการออกแบบให้ตัวห้องสูงถึง 2.95 เมตร บวกกับหน้าต่างบานกระจกใสแบบ Floor to ceiling ที่ทำให้เราได้รับแสงจากธรรมชาติเข้ามาได้อย่างเต็มที่นั่นเอง 


มาต่อยังส่วนของ Living Room กันบ้าง โดยภายในห้องตัวอย่างนี้จะถูกออกแบบ Interior design ภายใต้แนวคิดการอยู่อาศัยท่ามกลางงานศิลปะ ที่ดึงเอา On-Site Painting มาประดับตกแต่ง ช่วยสร้างเอกลักษณ์ที่ไม่ซ้ำใคร


  • สำหรับบริเวณนี้ ทางโครงการ The Bangkok Thonglor จะเปิดกว้างให้เราสามารถครีเอทพื้นที่ หรือตกแต่งมุมต่าง ๆ ได้เองตามต้องการ พร้อมติดตั้งระบบสำหรับการใช้งานโทรทัศน์เอาไว้ให้เรียบร้อย


นอกจากนี้บริเวณ Living Room ยังมีการติดตั้งระบบ Home Automation ที่ทำหน้าที่เป็น Video Door Phone ไว้ให้เราใช้สื่อสารกับแขกที่มาหาผ่านกล้อง และลำโพงได้อย่างปลอดภัย พร้อมทั้งใช้ตรวจสอบ และสามารถมองเห็นผู้ที่มาติดต่อกับทาง Lobby ของโครงการได้โดยตรง นับเป็นองค์ประกอบที่ช่วยเพิ่มความปลอดภัย และให้ความเป็นส่วนตัวในการอยู่อาศัยได้มากทีเดียว อีกทั้งเรายังสามารถควบคุมระบบไฟและแอร์ผ่านทางแอปพลิเคชันได้ด้วย 


  • บริเวณ Living Room ของห้องทุกยูนิต จะมีการติดตั้งกล้องเอาไว้ให้ ในกรณีที่มีลูก หรือผู้ใหญ่อาศัยอยู่ตามลำพังภายในห้อง ซึ่งคุณจะสามารถตรวจสอบ ดูความเรียบร้อยผ่านทางแอปพลิเคชันบนมือถือได้แบบเรียลไทม์


‘ระเบียงห้อง’ เชื่อมต่อกับ Living Room ซึ่งทุกยูนิตจะเป็นแบบ Double Skin Balcony ระเบียงแบบ 2 ชั้น เพื่อเพิ่มความปลอดภัยในการใช้ระเบียงบนอาคารสูง ขณะเดียวกันยังเป็นการเพิ่มพื้นที่ใช้สอยให้ได้ประโยชน์สูงสุดอีกด้วย 


ทุกตารางเมตรสามารถใช้งานได้อย่างคุ้มค่า


  • ให้คุณใช้ระเบียงเป็นพื้นที่ภายในห้องได้ง่าย ๆ เพียงแค่ปิดหน้าต่างบานเฟี้ยมไว้ โดยเครื่องปรับอากาศที่ทางโครงการ The Bangkok Thonglor ติดตั้งมาให้ในห้อง Living Room นั้นก็จะสามารถกระจายความเย็นออกมายังพื้นที่ส่วนนี้ได้อย่างทั่วถึงแน่นอน
  • ส่วนวันไหนที่อากาศดี เราก็สามารถเลือกเปิดบานเฟี้ยมออก เพื่อปรับเปลี่ยนฟังก์ชันการใช้งานระเบียง ให้กลายเป็นพื้นที่สำหรับนั่งรับลมธรรมชาติ สูดอากาศ จิบกาแฟชิลล์ ๆ ได้ทันทีอีกด้วย


เพิ่มจุดเด่นด้วยบานประตูจัดเก็บแอร์คอมเพรสเซอร์ ที่ทางโครงการได้ออกแบบมาให้อย่างใส่ใจ โดยภายในจะแขวนแอร์คอมเพรสเซอร์เอาไว้ด้านบน พร้อมติดตั้งก๊อกน้ำ และท่อระบายน้ำเอาไว้ทางด้านล่าง เพื่อให้เราใช้จัดเก็บอุปกรณ์ทำความสะอาดต่าง ๆ ได้อย่างเป็นระเบียบ 


กลับเข้ามาสำรวจพื้นที่ภายในห้องกันต่อ โดยบริเวณกึ่งกลางระหว่าง Living Room กับพื้นที่วางโต๊ะรับประทานอาหารนี้ จะเป็นทางเข้าไปยังส่วน Private อย่างห้อง Master Bedroom นั่นเอง


ข้างประตูทางเข้าห้อง Master Bedroom จะมีตู้วางรองเท้าอเนกประสงค์ที่ทางโครงการ The Bangkok Thonglor ได้บิลต์อินมาให้เพื่อความสะดวกในการใช้สอย


ภายในตู้จะมีฟังก์ชันที่เสียบร่ม และฮุกสำหรับแขวนหมวก แขวนเครื่องประดับไว้ให้ครบ พร้อมออกแบบเพิ่มช่องระบายอากาศ เพื่อช่วยลดปัญหาเรื่องกลิ่นอับให้เรียบร้อย ส่วนด้านหน้าบานจะปิดทับด้วยกระจกเงา ไว้สำหรับเช็กความเรียบร้อยก่อนออกจากห้องได้ในตัว


เมื่อเข้ามาภายในห้อง Master Bedroom จะเจอพื้นที่โล่งกว้าง มีเตียงขนาดใหญ่ถูกจัดวางอยู่ชิดหน้าต่างห้อง เหมาะแก่การพักอาศัย ขยับไปทางขวามือจะเป็น Walk-In Closet ที่เชื่อมต่อกับห้อง Master Bathroom อีกทีหนึ่ง ส่วนบริเวณพื้นห้องจะถูกปูด้วย Engineered Wood ไม้โอ๊คโทนสีเข้มที่ให้ทั้งความหรูหรา และงดงาม


เมื่อมองไปยังฝั่งปลายเตียง จะมีพื้นที่กว้างเพียงพอให้เราสามารถบิลต์อินชั้นวางของ พร้อมติดตั้งโทรทัศน์แขวนผนังไว้นอนดูอยู่ในห้องได้สบาย ๆ หรือถ้าใครต้องการตกแต่งเพิ่มเติมจัดเป็นมุมหนังสือ ชั้นวางของสะสมก็ยังทำได้อีกหลายสัดส่วนเลย


ถัดมาเป็นห้องแต่งตัวหรือ Walk-In Closet ที่ทางโครงการออกแบบมาให้ ซึ่งจะมีการจัดแบ่งสัดส่วนต่าง ๆ โดยคำนึงถึงหลักการใช้งาน ที่ผสานกับความสวยงามได้อย่างดีเยี่ยม โดยส่วนของห้องแต่งตัวจะถูกกั้นด้วยประตูบานเลื่อนกระจกลามิเนตแผ่นบาง ที่ช่วยให้ห้องดูมีมิติเพิ่มขึ้นจากการตกกระทบของลวดลายผ้า พร้อมรักษาความกว้างของตัวห้องไว้ได้เป็นอย่างดี ทำให้พื้นที่แต่ละส่วนมี Space เชื่อมต่อถึงกัน 


สำหรับรายละเอียดภายใน Walk-In Closet จะยังคงใส่ใจในดีเทลต่าง ๆ ไว้ได้ลึกซึ้งเช่นเคย ไม่ว่าจะเป็น…


  • ราวแขวนผ้าไม้โอ็ค โชว์เสี้ยนที่ให้ความรู้สึกพิเศษมากยิ่งขึ้น
  • ด้านในซ่อนไฟไว้ให้ทุกจุด เพื่อคุณสามารถเลือกหยิบเครื่องประดับ หรือเสื้อผ้าตัวโปรดได้อย่างสะดวกสบาย
  • บริเวณลิ้นชักจะถูกจัดแบ่งเป็นช่องเก็บของหลากไซส์ เพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อย พร้อมกรุปิดด้วยหนังสีน้ำตาล ที่ให้ความสวยงาม และเรียบหรูในตัว
  • ไม้ที่ทางโครงการเลือกใช้จะเป็น Ebony High Gloss ที่ได้ทั้งความสวยงามของลวดลายไม้ ไปพร้อม ๆ กับความเงางามของพื้นผิว
  • พร้อม Trimming ตกแต่งขอบด้วยวัสดุโลหะ เพื่อช่วยเพิ่มความทนทาน และดูสวยงามเช่นเดียวกับลิ้นชักในห้องครัว


ห้องน้ำติดตั้งระบบ Motion Sensor
 สะดวกในการใช้งานยามวิกาล


ทางโครงการตั้งใจออกแบบห้องน้ำให้เป็น All Marble เหมือนกับในพระราชวัง ซึ่งจะเลือกใช้กระเบื้องลายหินอ่อนในการตกแต่งทั้งหมด โดยกระเบื้องชนิดนี้จะมีความพิเศษอยู่ที่ลวดลายที่ใกล้เคียงกับธรรมชาติ และมีคุณภาพมาตรฐานยุโรป ที่ทางโครงการได้นำเข้ามาเป็นพิเศษ


นอกจากนี้พื้นผิวของกระเบื้องยังมีความหลากหลาย ทั้ง ‘ผิวแมท’ สำหรับส่วนพื้นของห้องน้ำทั่วไป, ‘ผิวสตรักเจอร์’ สำหรับส่วน Shower และ ‘ผิวกลอส’ สำหรับผนังของห้องน้ำ อีกทั้งยังเลือกใช้เป็นกระเบื้องแผ่นใหญ่พิเศษ เพื่อลดรอยต่อ ทำให้พื้นห้องน้ำมีความสวยงาม และเรียบเนียนค่อนข้างมาก


ส่วนไฟที่ใช้ภายในห้องน้ำ ก็ได้คำนวณถึงความเหมาะสมในเรื่องของแสง ซึ่งจะให้ดูนวลตาเหมาะแก่การส่องหน้า โดยบริเวณเคาน์เตอร์อ่างล้างหน้าจะเป็นพื้นผิว Solid ที่ทาง KASCH ออกแบบมาให้เป็นชิ้นเดียวกันทั้งชุด สวยงามไร้ซึ่งรอยต่อ พร้อมติดตั้งเครื่องทำน้ำอุ่นซ่อนไว้ด้านในให้เรียบร้อย สามารถใช้งานได้ทันที


บริเวณตรงกลางห้องจะมี Stone Composite Bathtub สีดำเงางาม ที่ทางโครงการได้จัดเตรียมไว้ให้ผู้อยู่อาศัยได้ใช้ผ่อนคลายความตึงเครียดหลังการทำงานที่เหนื่อยล้า โดยความพิเศษของอ่างนี้จะอยู่ที่ดีไซน์ที่ทาง KASCH ได้ออกแบบขึ้นมาเป็นพิเศษ สำหรับโครงการ The Bangkok Thonglor โดยเฉพาะ นับเป็นความ unique ที่มีเพียง 2 แห่งบนโลกเท่านั้น โดยอีกที่หนึ่งที่ทาง KASCH ออกแบบให้จะอยู่ในโรงแรมย่านฌ็องเซลิเซ่ของฝรั่งเศสนั่นเอง


แถมยังมาพร้อมกับ 4 คุณสมบัติที่เหนือชั้น แตกต่าง และพรีเมียมที่สุด ไม่ว่าจะเป็น...

  1. SMOOTH & SIKLY TOUCH ความเฉพาะของนวัตกรรมการผลิตจากประเทศเยอรมนี ที่บีบอัดเรซิน, Marble และโพลิเมอร์ผสานเป็นเนื้อเดียวกันอย่างละเอียด จึงให้ผลลัพธ์ออกมาเป็นสัมผัสที่เรียบลื่นดุจแพรไหม
  2. ½ Hour Heat Retaining ด้วยคุณสมบัติของ Stone Composite จึงทำให้ตัวอ่างสามารถกักเก็บอุณหภูมิได้ยาวนานกว่าครึ่งชั่วโมง นับเป็นจุดเด่นที่เหนือกว่าอ่างอะคริลิกทั่วไป ที่อุณหภูมิจะลดลงอย่างรวดเร็ว
  3. ANTI-BIOTIC, ACID AND SCRATCHES ด้วยการบีบอัดวัสดุจนเป็นเนื้อละเอียดนี่เอง ที่จะช่วยลดการดูดซึมต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นเชื้อโรค หรือสารเคมีที่ใช้ทำความสะอาดก็ไม่สามารถเกาะติดพื้นผิวของอ่างได้อย่างแน่นอน
  4. CUSTOM MADE BY HAND เนื่องจากขั้นตอนการผลิตนั้น ล้วนสร้างสรรค์ด้วยมือ ทำให้เราได้งานที่ละเอียดอ่อน มีความพิถีพิถันเปรียบดั่งงานศิลปะ


ขยับเข้ามาที่ส่วนของ Shower box กันต่อ โดยทางโครงการจะเลือกใช้ ‘กระจกเทมเปอร์ สียูโรเกรย์’ ที่ให้ความใสและเป็นส่วนตัวนิด ๆ จากสีของบานกระจกที่เข้มขึ้นมาเล็กน้อย ดูลงตัวกับการตกแต่งภายใน ขณะเดียวกันก็ยังช่วยเพิ่มความน่าค้นหา ชวนหลงไหลให้กับตัวห้องได้เป็นอย่างดี


ด้านในส่วน Shower จะมีความเป็น All Marble โทนสีขาวช่วยขับความหรูหรา และให้ความรู้สึกสะอาดตา ซึ่งจะมาพร้อมกับระบบน้ำอุ่นที่ถูกติดตั้งไว้อย่างแนบเนียน ไม่มีสายไฟมาบดบังความสวยงามของลายหินอ่อน โดยเราจะสามารถเลือกใช้งานได้ทั้ง Rain Shower และ Hand Shower ตามต้องการ ส่วนด้านข้างจะมีการ Drop Wall ทำเป็นพื้นที่วางของไว้ให้ด้วย


บริเวณที่ตั้งโถสุขภัณฑ์ของห้อง Master Bathroom จะถูกแบ่งสัดส่วนให้อยู่ติดกับ Shower Box ส่วนโถสุขภัณฑ์ที่ทางโครงการติดตั้งให้จะเป็นระบบอัตโนมัติจากแบรนด์ KASCH โดยด้านข้างโถนั่งจะติดเป็นกระจกลามิเนตลายผ้า ที่สามารถมองออกไปยังส่วนของห้องนอนด้านนอกได้ ช่วยให้บรรยากาศภายในไม่อึดอัดจนเกินไป 


คราวนี้ก็ออกไปจากห้อง Master Bedroom ไปยังฝั่งตรงข้ามที่เป็นห้องน้ำรับรองแขก กันต่อเลยดีกว่า ซึ่งห้องนี้จะตั้งอยู่กึ่งกลางระหว่างห้องครัวกับห้องนอนเล็กพอดี จึงสะดวกต่อการใช้งานสำหรับทุกคน


ภายในห้องยังคงคอนเซ็ปต์ All Marble เช่นเดียวกับ Master Bathroom โดยโถสุขภัณฑ์ของห้องนี้จะเป็นระบบปกติ และไม่มีส่วนของอ่างอาบน้ำมาให้ นอกจากนี้ดีไซน์ของเคาน์เตอร์อ่างล้างหน้าจะต่างออกไปเล็กน้อย แต่ยังคงดูสวยงามเป็นหนึ่งเดียวกับลวดลายกระเบื้องหินอ่อน สามารถใช้ต้อนรับแขกที่มาเยือนได้อย่างดี


ถัดมาเป็นตู้เก็บเครื่องซักผ้า ที่ตั้งอยู่ระหว่างห้องน้ำรับรองแขกและห้องนอนเล็ก พร้อมวางระบบสำหรับการติดตั้งเครื่องดรายเออร์เพิ่มเติมให้ด้วยเช่นกัน


  • ใส่ใจรายละเอียดของการอยู่อาศัย ด้วยการเพิ่มชั้นวางของไว้ที่บริเวณด้านข้างประตู ให้เราสามารถวางอุปกรณ์ทำความสะอาดซักผ้าได้อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย


มาถึง ห้องนอนเล็ก พื้นที่ส่วนสุดท้ายในห้อง 2BR (TYPE-C1,C2) ที่เราจะพามาสำรวจกัน โดยห้องนี้จะมีลักษณะเป็นห้องเปล่า ที่ทางโครงการได้ติดตั้งเครื่องปรับอากาศมาให้ 1 เครื่อง ซึ่งเราสามารถออกแบบพื้นที่ให้เหมาะสมกับการใช้งานได้เองหลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นห้องทำงานอเนกประสงค์, ห้องสมุดสำหรับอ่านหนังสือ, ห้องนอนของลูก ๆ หรือห้องนอนไว้คอยรับรองแขกก็ดูลงตัว ด้วยขนาดพื้นที่ที่กว้างขวาง พร้อมหน้าต่างบานใหญ่ กว้างเต็มผนังห้อง


สำหรับประตูทางเข้าห้อง ทางโครงการก็จะติดตั้งกลอน Digital Door Lock แบบ 3 ระบบ มาให้ ซึ่งเราจะสามารถใช้งานผ่านคีย์การ์ด, รหัสพิน และกุญแจแบบปกติได้ โดยบานประตูที่โครงการเลือกใช้ทั้งส่วนด้านหน้าและภายในห้องจะเป็นวัสดุ High Pressure Laminate ที่มาพร้อมไฟเซ็นเซอร์ ทำงานทันทีที่เปิดบานประตูออก


  • ฟังก์ชัน Air Post จะป็นอีกหนึ่งความพิเศษที่โครงการ The Bangkok Thonglor มอบให้กับผู้อยู่อาศัย โดยจะใช้งานเป็นได้ทั้งป้ายบ้านเลขที่, กริ่ง, ช่องใส่จดหมาย และช่องระบายอากาศในจุดเดียว


เมื่อมีแขกมากดกริ่ง ระบบจะทำการลิงก์สัญญาณไปยังแท็ปเล็ตบริเวณ Living Room ให้เราสามารถมองเห็นผู้มาเยือน พร้อมทั้งพูดคุยผ่านทางลำโพงได้สะดวก


สำหรับช่องใส่จดหมายก็ยังใส่ใจเรื่องความเป็นส่วนตัว เพราะเมื่อฝ่ายนิติฯ นำจดหมายขึ้นมาใส่ไว้ให้ที่บริเวณด้านหน้าห้อง เราก็จะสามารถเปิดช่องใส่จดหมาย เพื่อรับจดหมายได้ทันทีจากภายในห้องส่วนตัว โดยไม่ต้องเสียเวลาลงดูที่ตู้จดหมายส่วนกลางแบบเดิม ๆ อีกต่อไป แถมด้านในก็ยังเป็นแบ่งช่องเล็ก ๆ สำหรับใช้วางกุญแจสำรอง และของสำคัญได้อีกด้วย


  • วัสดุของ Air Post จะทำมาจากเหล็กทั้งหมด เพื่อให้เราใช้ติดโน้ตไว้เตือนความจำได้ด้วย


ด้านล่างสุดของประตูจะเป็นนวัตกรรม Air Flow หรือระบบหมุนเวียนอากาศรูปแบบเฉพาะของทางแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ซึ่งจะทำงานสอดคล้องกับ Corridor ที่ช่วยให้เราสามารถถ่ายเทอากาศภายในห้อง พร้อมรับอากาศบริสุทธิ์จากทางด้านนอกได้สะดวก โดยไม่จำเป็นต้องเปิดประตูห้องให้สูญเสียความเป็นส่วนตัว


  • บริเวณโถงทางเดินด้านนอก จะมีนวัตกรรมที่ช่วยให้อากาศไหลเวียนอยู่ภายในอาคารได้ตลอด 24 ชั่วโมง โดยส่วนนี้จะช่วยเรื่องการระบายอากาศให้ดียิ่งขึ้น ถึงแม้เราจะไม่ได้อยู่ห้องเป็นเวลานาน ก็หมดกังวลเรื่องกลิ่นอับไปได้เลย





2BR (TYPE-B,D,E) ขนาด 82 - 84 ตร.ม


สำหรับแปลนห้อง 2BR (TYPE-B,D,E) ขนาด 82 - 84 ตร.ม. จะมีลักษณะใกล้เคียงกับห้อง Type แรก โดยจะเป็นห้องแบบหน้ากว้างที่ให้ความรู้สึกเสมือนกำลังพักอาศัยอยู่ภายในบ้าน เมื่อเปิดประตูห้องเข้ามาทางด้านซ้ายและขวาของเราจะขนาบข้างด้วยพื้นที่ใช้สอย ที่ครบครันทั้งตู้วางรองเท้า, ตู้เก็บเครื่องซักผ้า, ห้องน้ำรับรอง และห้องครัวแบบปิดตามลำดับ ส่วนด้านในสุดจึงจะเป็น Living Room แบบหน้ากว้างที่เชื่อมต่อออกไปยังระเบียงด้านนอกได้


สำหรับพื้นที่ส่วนตัวอย่างห้องนอนทั้ง 2 ห้องก็จะขยับเข้าไปอยู่ริมด้านในสุด แบ่งเป็นห้อง Master Bedroom ที่อยู่ทางด้านซ้ายมือของแปลน ซึ่งจะมีขนาดใหญ่เป็นพิเศษ พร้อมเชื่อมกับ Walk-In Closet และ Master Bathroom เช่นเดียวกับห้อง Type แรก ส่วนฝั่งขวามือถัดจากห้องนั่งเล่นไปจึงจะเป็นส่วนของห้องนอนเล็กนั่นเอง


เมื่อเปิดเข้ามาภายใน เราก็เจอกับทางเดินที่มีขนาดพอดีกับประตูทางเข้า ซึ่งเป็นการออกแบบ Layout เพื่อให้บริเวณด้านหน้าสุดสามารถใช้งานและจัดเก็บของต่าง ๆ ได้อย่างเต็มที่ มีความเป็นระเบียบเรียบร้อย โดยทางโครงการก็ได้ตกแต่งพื้นที่บริเวณด้านซ้ายและขวามือของประตูให้กลายเป็นตู้วางรองเท้า และตู้สำหรับจัดเก็บเครื่องซักผ้าเช่นเดียวกับห้อง Type แรกทุกประการ


ถัดเข้ามาอีกหน่อยก็จะพบกับ ‘พื้นที่ครัวปิด’ อยู่ทางด้านซ้ายมือ ซึ่งแม้จะมีการจัดวาง Layout ให้แตกต่างจากห้อง Type แรกเล็กน้อย แต่ภายในก็ยังคงคอนเซ็ปต์ความเป็น Island กั้นด้วยกระจกใสเอาไว้ ทำให้เราสามารถมองออกไปยังพื้นที่ด้านนอกครัวได้ และยังช่วยให้บรรยากาศห้องโดยรวมดูปลอดโปร่ง โล่งสบายตา สบายใจ


ถึงห้องครัว Type นี้จะมีขนาดที่กระชับลงมาเพื่อให้ลงตัวกับพื้นที่ แต่ชุดครัวด้านในก็ยังคงครบครัน แล้วสมบูรณ์แบบด้วยพื้นที่การจัดเก็บ, การเลือกใช้วัสดุคุณภาพชั้นนำระดับโลก และอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าจากแบรนด์ Kuppersbusch ที่ทางโครงการ The Bangkok Thonglor ได้จัดเตรียมเตาอบ Oven, เตาไฟฟ้า 4 หัว และเครื่องดูดควันมาให้ด้วยเช่นกัน


ขยับไปต่อยังฝั่งตรงข้ามครัวปิด ซึ่งจะเป็นส่วนของ ‘ห้องน้ำรับรอง’ ที่ทางโครงการได้คงคอนเซ็ปต์การออกแบบตกแต่งในสไตล์ All Marble ไว้เป็นอย่างดี ทั้งยังเลือกใช้ชุดสุขภัณฑ์ที่ได้มาตรฐาน เช่นเดียวกับห้องน้ำรับรองในห้อง Type แรกทุกประการ แตกต่างก็เพียงการจัดวางองค์ประกอบต่าง ๆ เท่านั้น


แล้วก็มาถึงส่วน Living Room ของห้องกันบ้าง โดยจุดเด่นของห้อง Type นี้ก็จะอยู่ที่ตัวห้องนั่งเล่นที่มีลักษณะเป็นหน้ากว้าง ดูโอ่โถง และปลอดโปร่งมากเป็นพิเศษ อีกทั้งยังตั้งอยู่ด้านในสุดเชื่อมกับระเบียงด้านนอก เราจึงได้วิวแบบ Panoramic มาช่วยสร้างบรรยากาศอันแสนงดงามให้กับการอยู่อาศัย ทั้งในช่วงกลางวันและยามค่ำคืน โดยทางโครงการจะติดตั้งผ้าม่านแบบ 2 ชั้นมาให้ด้วยในทุก ๆ ยูนิต


  • หากวันไหนอยากรับแสงแดดอ่อน ๆ เราอาจเลือกใช้แค่ม่านโปร่งแสง ส่วนใครที่ต้องการความเป็นส่วนตัว หรืออยากสร้างบรรยากาศให้กับภาพยนตร์เรื่องโปรด ก็สามารถเลือกปิดม่านใหญ่ เพื่อตัดแสงรบกวนจากภายนอกได้เลย


Living Room ถูกจัดสรรพื้นที่ไว้อย่างกว้างขวาง ให้เราสามารถเลือกและจัดวางมุมรับประทานอาหารให้อยู่ร่วมกันได้แบบสบาย ๆ พร้อมทั้งมีพื้นที่เพียงพอให้เราตกแต่งสร้างบรรยากาศ หรือออกแบบมุมพักผ่อนในสไตล์ที่ชอบ เพื่อเพิ่มความโดดเด่นอันเป็นเอกลักษณ์ให้ห้องได้อย่างอิสระอีกด้วย


  • ซึ่งทางโครงการก็ได้ตกแต่งมุมรับประทานอาหารมาในโทนสีนู้ด สไตล์อ่อนหวาน ก่อนจะเพิ่มความหรูหราคลาสสิกด้วยแชนเดอร์เรียที่ห้อยระย้าลงมาเหนือโต๊ะรับประทานอาหาร พร้อมประดับตกแต่งผนังด้วยภาพวาดที่มีลวดลายเป็นเอกลักษณ์อีกเล็กน้อย หากใครชื่นชอบสไตล์นี้อยู่แล้ว ก็สามารถนำเอาไอเดียนี้ไปใช้ในการตกแต่งได้เช่นกัน


ส่วนการดีไซน์ Mood & Tone ของห้องนี้ ทาง Interior Design ก็ได้แรงบันดาลใจในการออกแบบพื้นที่ส่วนนี้มาจาก ‘Agates’ อัญมณีที่มีความอ่อนหวาน โดดเด่นด้วยสีสัน และลวดลายของเส้นสายที่มีมิติอันเป็นเสน่ห์เฉพาะของ Agates สังเกตได้จากพื้นที่ผิวของผนังห้อง Living Room ที่ถูกออกแบบให้มีลวดลายเฉพาะ เป็นเอกลักษณ์ รวมถึงโทนสีก็ยังเลือกใช้สีครีมอมชมพูอ่อน ๆ ที่ดูนุ่มนวล ช่วยให้บรรยากาศของห้องอ่อนหวานยิ่งขึ้น


  • พื้นที่ห้องค่อนข้างกว้างขวาง ให้เราสามารถสร้างสรรค์ ใส่แรงบันดาลใจที่ชื่นชอบเองได้ตามต้องการ ไม่ว่าจะเป็นชั้นวางหนังสือ, ชั้นเก็บของอเนกประสงค์ หรือโรงภาพยนตร์ส่วนตัวก็ดูลงตัว


สำหรับระเบียงห้อง Type นี้จะมีขนาดใหญ่กว่าห้องแรกเล็กน้อย แต่จะยังคงความคุ้มค่าให้ผู้อยู่อาศัยสามารถใช้งานพื้นที่ต่าง ๆ ได้ทุกตารางนิ้ว ด้วยการดีไซน์ระเบียงแบบ Double Skin Balcony ที่ให้คุณเลือกใช้งานได้ 2 สไตล์ทั้งแบบ Indoor และ Outdoor เลยทีเดียว


ถัดไปจะเป็นส่วนของ ‘Master Bedroom’ ที่จัดวาง Layout ไว้เหมือนกับห้อง Type แรก โดยตัวห้องจะมีพื้นที่ให้เราวางเตียงขนาดใหญ่ไว้ข้างหน้าต่างได้สบาย ๆ โดยหน้าต่างของห้องนี้จะมีความสูงแบบ Floor to ceiling สามารถเปิดรับแสงจากธรรมชาติให้ส่องเข้ามายังด้านในห้องได้เต็มที่ นอกจากนี้คุณยังสามารถดื่มด่ำกับบรรยากาศของ City View ได้อย่างเต็มเปี่ยมบนเตียงนอนของคุณเองอีกด้วย


ซ้ายมือของเตียงนอนจะเป็น Walk-In Closet ที่เชื่อมต่อไปยัง Master Bathroom เช่นเดียวกับห้อง Type แรก อีกทั้งยังให้ความรู้สึกพิเศษด้วยดีเทลที่ทางโครงการ The Bangkok Thonglor มอบให้ ใส่ใจไปถึงรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ อย่าง ‘ลวดลายเสี้ยนไม้ของราวแขวน’ ที่ทำมาจากไม้โอ๊ค ไปจนถึงวัสดุไม้ ‘Ebony High Gloss’ ที่ให้ความสวยงามของลายไม้ธรรมชาติ ไปพร้อม ๆ กับความเงางามที่ดูหรูหรา มีระดับ


จาก Walk-In Closet ก็เชื่อมต่อเข้าสู่ ‘Master Bathroom’ ซึ่งมาพร้อมจุดเด่นภายใต้คอนเซ็ปต์ All Marble ที่ยังคงสร้างความพิเศษให้กับ The Bangkok Thonglor ได้เป็นอย่างดี เพราะแม้จะเป็นช่วงเวลาสั้น ๆ แต่ที่พักอาศัยแห่งนี้ก็ยังสามารถเปลี่ยนเรื่องเล็ก ๆ ให้กลายเป็นชั่วโมงพิเศษ ที่ช่วยเพิ่มความสุขในการใช้ชีวิตให้กับคุณได้ทุกวัน


  • ชวนกันมาปรับสมดุลร่างกายและจิตใจ ด้วยการลงแช่น้ำอุ่นที่ ‘อ่างอาบน้ำ’ ดีไซน์สวยหรู พร้อมหยดน้ำหอมอโรมาอีกเล็กน้อย ก็สามารถช่วยเพิ่มความสุขได้เป็นอย่างดี
  • หรือใครจะเปลี่ยนมาผ่อนคลายด้วยแรงดันน้ำจาก Rain Shower ก็สามารถช่วยลดความตึงเครียดลงได้ พร้อมให้ร่างกายได้สัมผัสกับความสดชื่นจากสายน้ำได้อย่างเต็มเปี่ยม


ตำแหน่งที่ตั้งโถสุขภัณฑ์จะยังคงความเป็นสัดส่วน ด้วยการแยกพื้นที่เฉพาะ พร้อมกั้นกระจกลามิเนตลายผ้า ที่ช่วยให้บรรยากาศห้องดูปลอดโปร่งขึ้น ซึ่งจะมาพร้อมกับระบบการใช้งานแบบอัตโนมัติจากแบรนด์ KASCH เช่นเดียวกับห้อง Type แรกนั่นเอง


ด้านในสุดของ Living Room จะเป็นทางเข้าไปยังห้องนอนเล็ก ซึ่งทางโครงการ The Bangkok Thonglor จะตกแต่งห้องนี้มาในลักษณะของห้องนอนเด็ก โดยที่เราสามารถเลือกซื้อเตียงที่มีขนาดพอเหมาะกับห้อง พร้อมบิลต์อินตู้เสื้อผ้า, โต๊ะทำงาน หรือชั้นวางหนังสือเพิ่มเติมได้เองเช่นกัน


  • ส่วนใครที่อยากเปลี่ยนห้องนี้ให้เป็นพื้นที่ใช้สอยอื่น ๆ ก็สามารถครีเอทได้ตามความต้องการเลย


แม้แต่รายละเอียดเล็กน้อย
The Bangkok Thonglor ก็ยังใส่ใจในทุก ๆ จุด


นอกจากจากจะใส่ใจในเรื่องวัสดุและคุณภาพของแบรนด์ที่เลือกใช้ภายในห้องพักอาศัยแล้วแล้ว ทางโครงการ The Bangkok Thonglor ก็ยังให้ความสำคัญกับดีเทลเล็ก ๆ อย่าง Door Stopper แม่เหล็กที่อยู่บริเวณหน้าประตูทางเข้า, บัวเชิงผนัง, Door Stopper ในห้องนอน ตลอดจนวอลเปเปอร์ที่จะถูกติดตั้งมาให้ในทุก ๆ ยูนิตอีกด้วย




Location


The Bangkok Thonglor ตั้งอยู่บนทำเลล้ำค่าที่ใครหลายคนใฝ่ฝันอย่าง ‘ทองหล่อ’ อีกทั้งยังอยู่ในพิกัดที่เหมาะแก่การเป็น Residential ที่มีความเงียบสงบอย่าง ‘ทองหล่อซอย 1’ ซึ่งจะอยู่ติดกับถนนสุขุมวิท และยังมีเส้นทางให้คุณใช้ลัดเลาะออกไปยังพื้นที่สำคัญอื่น ๆ ของกรุงเทพมหานครได้อย่างสะดวกสบาย บวกกับระยะทางที่ใกล้สถานีรถไฟฟ้า BTS ทองหล่อเพียง 350 เมตรเท่านั้น จึงยิ่งช่วยอำนวยความสะดวกให้กับคุณได้เป็นอย่างดี


นอกจากคุณจะได้รับประสบการณ์การอยู่อาศัยที่สมบูรณ์แบบแล้ว เรื่องของ Lifestyle รอบ ๆ โครงการก็นับว่าครบครัน ตามสไตล์ย่านท่องเที่ยวที่มีสีสันโดดเด่นที่สุดอีกแห่งหนึ่งของกรุงเทพฯ ดังนั้น ไม่ว่าคุณจะตามหาร้านอาหารรสชาติเยี่ยมทานในมื้อค่ำ, ร้าน Hangout ที่มีสไตล์ไว้สังสรรค์กับกลุ่มเพื่อน หรือตามหาแหล่งชอปปิงโดน ๆ สักที่ บนทำเลของ The Bangkok Thonglor ก็จะทำให้ทุกสถานที่ที่คุณปรารถนา... อยู่ใกล้แค่เอื้อมมือ


แหล่งพักอาศัยใจกลางแหล่งไลฟ์สไตล์
จะช่วยให้คุณใช้ชีวิตได้สมบูรณ์แบบในทุก ๆ วัน



‘Eight Thonglor’ ไลฟ์สไตล์ มอลล์ ณ ‘ทองหล่อซอย 8’


เริ่มต้นกันที่ Eight Thonglor ไลฟ์สไตล์มอลทันสมัย สไตล์คลาสสิก ที่รวบรวมร้านอร่อยระดับท็อปสตาร์ไว้มากมาย ไม่ว่าจะเป็นคาเฟ่ของหวาน หรือร้านอาหารรสชาติเยี่ยม


  • ลองชิมเบเกอร์รีชื่อดังสัญชาติฝรั่งเศสกันที่ร้าน Paul Bakery ซึ่งจะมาในคอนเซ็ปต์ Grab & Go Cafe ที่เสิร์ฟเมนูอาหารเช้าแบบ All Day เหมาะแก่การแวะพักเติมพลังก่อนเริ่มงานเป็นที่สุด
  • ต่อด้วยเรือนดอกไม้สไตล์ยุโรป ที่แฝงด้วยกลิ่นอายของความคลาสสิกอย่าง The Blooming Gallery คาเฟ่ในบรรยากาศชวนฝัน ที่เสิร์ฟอาหารทั้งคาว-หวาน ให้เราได้ทานกันแบบเต็มอิ่ม
  • ส่วนคนที่รักเนื้อก็พลาดไม่ได้กับ El Gaucho ร้านสเต็กเฮ้าส์จากอาร์เจนติน่า ที่ติดอันดับ 1 ใน 5 เจ้าที่ดีที่สุดของเมืองไทยเลยทีเดียว


ซึ่งที่ Eight Thonglor ก็ยังมีอีกหลากหลายความอร่อยที่รอให้คุณได้มาสัมผัส และไม่ใช่เพียงแค่ร้านอาหารเท่านั้น แต่ภายในยังมีส่วนของบริการเสริมความงาม, Shop แฟชัน, ร้านค้าไลฟ์สไตล์ ไปจนถึงกิจกรรมเพื่อสุขภาพ อย่างโยคะอีกเดียว



‘ทองหล่อซอย 10’ ทางลัดเชื่อมสู่ศูนย์การค้า ‘Don Don Donki’


ไปต่อที่ Don Don Donki ศูนย์การค้าน้องใหม่ในย่านทองหล่อ ที่อิมพอร์ตความน่ารักมาจากประเทศญี่ปุ่นโดยตรง ทั้งยังเปิดให้บริการตลอดทั้งวันแบบ 24 ชั่วโมงเลยทีเดียว ไม่ว่าคุณกำลังตามหาวัตถุดิบสดใหม่จากประเทศญี่ปุ่น, ขนมอร่อย ๆ ที่มีขายเฉพาะในดองกิ, เครื่องสำอางจากแบรนด์ชั้นนำที่ผลิตโดยประเทศญี่ปุ่น หรือแม้กระทั่งวิตามิน และอาหารเสริมต่าง ๆ ก็สามารถมาเดินเลือกชอปกันได้ทุกวัน 


สำหรับบรรยากาศภายใน ก็ตั้งใจจัดตกแต่งมาให้เหมือนกับร้านต้นแบบที่ประเทศญี่ปุ่น ยิ่งเดินก็ยิ่งเพลินแบบไม่รู้เบื่อ เหมือนกำลังมาท่องเที่ยว เดินเลือกซื้อสินค้าคุณภาพดี ติดไม้ติดมือกลับไปอีกด้วย



‘ทองหล่อซอย 13’ ย่านน่ารัก แหล่งรวมคาเฟ่น่านั่ง


ขยับเข้าไปอีกหน่อยที่ ทองหล่อซอย 13 เราก็จะเจอกับแหล่งรวมร้านน่านั่งในบรรยากาศสบาย ๆ ใจกลางทองหล่อ ที่จะให้ความรู้สึก Feel Good เหมาะแก่การนั่งจิบชา ทานขนม ในวันหยุดพักผ่อนเป็นที่สุด


เริ่มด้วยร้านแรกกับ Sundance Lounge ที่ตั้งอยู่ภายในคอมมูนิตี มอลล์ ‘Seenspace Thonglor’ โดยร้านนี้จะเป็นคาเฟ่ที่เสิร์ฟทั้งของหวาน และอาหารสไตล์อเมริกัน ให้คุณเลือกชิมได้ครบจบในที่เดียว แถมยังมีกระจกใสเต็มบาน และต้นไม้สีเขียวที่ประดับอยู่รอบ ๆ ร้าน มาช่วยขับบรรยากาศร้านนี้ให้มีความปลอดโปร่ง คล้าย Glass House ที่ดูอบอุ่น สงบ ให้ความรู้สึกสบายใจเมื่อเปิดประตูเข้ามา และสำหรับใครที่อยากหาที่นั่งเล่นไว้พักสมอง ปลดปล่อยความเครียดไปกับของอร่อย ๆ ก็อย่าลองแวะมานที่ Sundance Lounge แห่งนี้กันได้เลย


ทานอิ่มแล้วก็มาเดินย่อยกันที่โซน Organic Shop ซึ่งจะอยู่ภายในร้าน Sundance Lounge นี่เอง โดยโซนนี้จะมีชอปสินค้าเพื่อสุขภาพ รวมถึงผลิตภัณฑ์ที่ใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อมมากมายหลายชนิด ไว้ให้เราได้เลือกชอปกันด้วย 


มาต่อที่ faie beauty bar & cafe และ Skoop & Co. 2 ร้านคาเฟ่น่ารักที่ตั้งอยู่ฝั่งตรงข้าม (ภายในซอยทองหล่อ 13) ซึ่งแต่ละร้านก็จะมาพร้อมกิมมิกน่ารัก ๆ ที่เป็นเอกลักษณ์แตกต่างกันออกไป


  • สำหรับใครที่อยากชอปเสื้อผ้าแฟชัน, เครื่องประดับ และเครื่องสำอางอยู่ล่ะก็ ร้าน faie beauty bar & cafe ก็นับเป็นตัวเลือกที่ดี ที่จะให้คุณได้ทั้งกาแฟรสชาติละมุน พร้อมเพลินเพลินไปกับสินค้ามากมายภายในร้าน
  • ทางด้าน Skoop & Co. 2 ก็เป็นร้านคาเฟ่สีขาวสะอาดตา ที่ขึ้นชื่อเรื่องไอศกรีมโฮมเมด นอกจากนี้ก็ยังเสิร์ฟอาหารสไตล์ Comfort Food ให้ได้ทานกันอีกด้วย


ภายในซอยทองหล่อ 13 จะยังมีย่านเล็ก ๆ ที่รวบรวมชอปญี่ปุ่นไว้มากมาย ไม่ว่าจะเป็น Nihonmura คอมมูนิตีมอลล์สไตล์ญี่ปุ่น ที่รวบรวมร้านอร่อย รสชาติต้นตำรับเอาไว้มากมาย หรือจะมาเดินเล่นที่ตลาดอาหารสด นำเข้าจากประเทศญี่ปุ่น อีกหนึ่งซุปเปอร์มาร์เก็ตที่รวมสินค้าคุณภาพจากแดนปลาดิบก็ดูน่าสนใจ นอกจากนี้ยังมีร้านอาหาร และคาเฟ่สไตล์ญี่ปุ่นกระจายตัวอยู่รอบ ๆ รอให้เราแวะเข้ามาลองทานกันสักครั้งด้วย 



คอมมูนิตีมอลล์ ‘J Avenue’ แหล่งรวมร้านอร่อย ‘ซอยทองหล่อ 10’


บริเวณซอยทองหล่อ 15 จะเป็นที่ตั้งของ J Avene อีกหนึ่งแลนด์มาร์กในย่านทองหล่อ เป็นศูนย์การค้าไลฟ์สไตล์คนเมืองที่รวบรวมร้านอาหารชื่อดังไว้มากมาย ทั้ง Greyhound Cafe, Marian by Lobster & Oyster, Meisen, ร้านกาแฟ KOF และร้านยอดนิยมอื่น ๆ โดยความพิเศษของศูนย์การค้าแห่งนี้จะอยู่ที่การออกแบบ ซึ่งจะมาในสไตล์กึ่งเอาต์ดอร์นิด ๆ พร้อมรายล้อมไปด้วยต้นไม้ใหญ่ และสวนสีเขียวช่วยสร้างความผ่อนคลาย ไม่ว่าจะนั่งอยู่ภายในร้านอาหาร หรือเดินเล่นชอปปิงชิลล์ ๆ ที่ด้านนอก ก็ให้ความรู้สึกร่มรื่นอยู่เสมอ



‘The Commons’ แหล่งแฮงก์เอาต์คอนเซ็ปต์ Open Air ภายใน ‘ซอยทองหล่อ 17’


The Commons จุดนัดพบยอดฮิตของชาวไทย และชาวต่างชาติ ภายใต้บรรยากาศสบาย ๆ สไตล์ลอฟท์ ที่มีต้นไม้สีเขียวกระจายตัวอยู่ทั่วทุกจุด ทำให้สถานที่แห่งนี้กลายเป็น Community ในดวงใจของใครหลาย คน เพราะไม่ว่าคุณจะนัด Hangout พูดคุยกับกลุ่มเพื่อน, พกโน้ตบุ๊กคู่ใจมาหาไอเดียกับกาแฟแก้วโปรด, เดินชอปเลือกซื้อสินค้าเพื่อสุขภาพ หรือจะเปลี่ยนวันธรรมดาให้สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น ด้วยมื้ออาหารรสชาติดี ก็ล้วนช่วยเติมเต็มความสุข และผ่อนคลายความเครียดให้กับเราได้ทั้งสิ้น



‘72 Courtyard’ ความพิเศษยามค่ำคืนที่ตั้งอยู่ระหว่าง ‘ซอยทองหล่อ 16 และ 18’


ปิดท้ายกันที่ 72 Courtyard คอมมูนิตี มอลล์สไตล์ Night life ที่ตั้งอยู่ระหว่างซอยทองหล่อ 16 และ 18 ซึ่งพร้อมจะเอาใจสายแฮงก์เอาต์ด้วยคลับและบาร์บรรยากาศดี ที่คอยเสิร์ฟทั้งเครื่องดื่มและอาหาร พร้อมมีดนตรีให้ฟังกันเพลิน ๆ ช่วยขับกล่อมความรู้สึก และความอร่อยให้เพิ่มทวีคูณ เหมาะสำหรับคนที่กำลังตามหาความเพอร์เฟ็กต์ให้วันหยุดสุดสัปดาห์นี้




หากทำเลที่เป็นดั่งทอง ท่ามกลางไลฟ์สไตล์ที่เพอร์เฟ็ค
และ ‘ห้องพักอาศัย’ ที่ช่วยตอบโจทย์รูปแบบการใช้ชีวิตที่สมบูรณ์แบบที่สุด
คือคำตอบ และรางวัลแห่งความสำเร็จของคุณ


โครงการ The Bangkok Thonglor ก็พร้อมจะเป็นส่วนหนึ่งของความพิเศษที่สุดในชีวิต ให้คุณได้สัมผัสกับประสบการณ์การอยู่อาศัยระดับ Hi-End ที่สุดจาก แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์


*26-27 ต.ค. นี้ Open House ครั้งแรก
เปิดชมห้องจริง วิวจริง The Bangkok ทองหล่อ สัมผัสความเหนือระดับ คอนโดฯ Hi-End
บนทำเลที่ติดอันดับราคาสูงที่สุดของประเทศ “ทองหล่อ”
ใกล้รถไฟฟ้า BTS สถานีทองหล่อ เพียง 300 เมตร
พิเศษสำหรับลูกค้าที่ลงทะเบียนนัดหมาย
รับสิทธิพิเศษสูงสุด* เริ่ม 27.5 ล้าน
คลิก


แบ่งปันบทความให้เพื่อนๆของคุณ