รูปบทความ เข้าใจธรรมชาติของหลอดไฟ สร้างสรรค์บรรยากาศห้องในสไตล์ของคุณ

ESTOPOLIS | เข้าใจธรรมชาติของหลอดไฟ สร้างสรรค์บรรยากาศห้องในสไตล์ของคุณ

หลอดไฟตกแต่งห้อง1

เมื่อเรารู้ลักษณะตามธรรมชาติของหลอดไฟแต่ละแบบ เราก็จะสามารถเลือกหยิบประเภทหลอดไฟเหล่านั้นมาใช้ได้ถูกต้องตามลักษณะ และรูปแบบการตกแต่งที่ต้องการได้อย่างสอดคล้องและสมบูรณ์

แสงเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ช่วยขับเน้นและส่งเสริมความงามของตัวห้อง เพราะมีแสงเราจึงเห็นถึงรายละเอียดและความสวยงามของการออกแบบสิ่งต่าง ๆ ตั้งแต่โครงสร้างของห้องจนไปถึงเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งทุก ๆ ชิ้น การออกแบบแสงที่ดีจึงย่อมตามมาด้วยทัศนวิสัยที่ดีของห้อง ไม่เพียงแต่ความสวยงามและสร้างบรรยากาศที่น่าอยู่ให้กับห้อง แต่การเลือกวิธีการวางแสงของห้องยังสอดคล้องและส่งผลไปถึงพฤติกรรมการใช้ชีวิตของผู้คนในห้องอีกด้วย

วิธีการจัดแสงในห้องมีมากมายหลายแบบ ขึ้นอยู่กับรูปแบบ , สไตล์การตกแต่งและรสนิยมของเจ้าของห้อง บางคนก็ชอบห้องที่สว่างจัดเห้นทุกรายละเอียดชัดเจนในห้องรับแขก อาจเป็นสไตล์โมเดิร์นหรือเรียบง่าย ในขณะที่บางคนก็ชอบอารมณ์สลัวบาง ๆ ไม่สว่างจ้ามากเกินไป บางคนก็ชอบไฟสีฉูดฉาดในโซนสังสรรค์เช่นหลอดนีออนสีชมพูในเคาน์เตอร์บาร์ บางคนก็ชอบดาวน์ไลท์สีโทนอุ่นในห้องนอน เจ้าของห้องทุกคนสามารถสร้างบรรยากาศเหล่านี้ให้กับห้องหับของตัวเองได้ไม่ยาก แต่สิ่งแรกที่ควรจะทราบก็คือรูปแบบ และธรรมชาติของหลอดไฟแต่ละแบบ เมื่อเรารู้ลักษณะตามธรรมชาติของหลอดไฟแต่ละแบบ เราก็จะสามารถเลือกหยิบประเภทหลอดไฟเหล่านั้นมาใช้ได้ถูกต้องตามลักษณะ และรูปแบบการตกแต่งที่ต้องการได้อย่างสอดคล้องและสมบูรณ์

ก่อนที่จะพาไปแนะนำทำความรู้จักหลอดไฟแต่ละประเภท เราควรจะรู้พื้นฐานข้อควรพิจารณาเมื่อต้องเลือกหลอดไฟฟ้าทุกหลอดกันก่อน 

1. ฟลั๊กการส่องสว่าง ( Luminous Flux ) หมายถึง ปริมาณของแสงที่เปล่งออกมาจากแหล่งกำเนิดแสงใด ๆ ต่อหนึ่งหน่วยเวลา ซึ่งมีหน่วยเป็น Lumen ต่อตารางเมตร หรือก็คือ อัตราการให้การให้พลังงานแสงสว่างนั่นเอง 

2. อุณหภูมิสี ( Colour Temperature ) มีหน่วยเป็นองศาเคลวิน ( K ) อุณหภูมิสีก็คือสีของแสงที่เปล่งออกมาจากหลอดไฟนั้น ๆ หลอดไฟโดยทั่วไปจะจำแนกเป็นอุณหภูมิสีสามรูปแบบใหญ่ ๆ ได้แก่แสงสีอมเหลือง ( Warmwhite ) สีขาวเย็นตา ( CoolWhite ) และเฉดสีขาวอมฟ้า ( Daylight )

3. อายุการใช้งาน เป็นอายุโดยเฉลี่ยของหลอดไฟชนิดนั้น ๆ มีหน่วยเป็นชั่วโมง

4. ลักษณะการนำไปใช้งาน หลอดไฟแต่ละชนิดถูกออกแบบมาให้เหมาะสมกับงานที่มีลักษณะต่างกัน ทั้งการให้แสงสว่างทั่วบริเวณหรือการให้แสงสว่างเฉพาะจุด ควรเลือกหลอดไฟให้เหมาะกับลักษณะการตกแต่งห้อง เพื่อประโยชน์และความสวยงามสูงสุด

5. ราคา ความคุ้มค่าเมื่อต้องลงทุนด้วยเม็ดเงิน 

ต่อมาที่ควรรู้ก็คือประเภทของหลอดไฟชนิดต่าง ๆ อย่างที่กล่าวไปข้างต้นว่าหลอดไฟแต่ละประเภทมีลักษณะและความเหมาะสมในการใช้งานที่ต่างกัน เหล่านี้คือประเภทหลอดไฟที่เหมาะสมและเป็นที่นิยมสำหรับการตกแต่งห้องในปัจจุบัน 

หลอดไฟหลอดแรกที่ทุกคนรู้จักกันดีคือ

หลอดไส้ร้อน (incandescent light bulb)

เป็นหลอดไฟที่ใช้พลังงานไฟฟ้าให้ความร้อนแก่ไส้หลอดที่เป็นลวดโลหะเพื่อทำให้เกิดแสงสว่าง มีทั้งชนิดแก้วใสและชนิดแก้วฝ้า มีอัตราความสว่างและความคงทนแตกต่างกันตามคุณภาพ แต่มีข้อเสียก็คือสิ้นเปลืองพลังงานไฟฟ้ามากไปกับความร้อนที่เกิดขึ้น และมีอายุการใช้งานที่ค่อนข้างสั้น จึงทำให้ปัจจุบันไม่ค่อยมีใครใช้หลอดไฟชนิดนี้ตกแต่งห้องหรือให้ความสว่างแล้ว หลอดไฟชนิดนี้เหมาะสมสำหรับการใช้ส่องสว่างเพื่อตกแต่งเฉพาะจุด หรือนำไปประยุกต์ตกแต่งกับสไตล์ประเภทวินเทจจะได้อารมณ์เป็นพิเศษ

หลอดไฟชนิดนี้ ปัจจุบันเป็นที่นิยมอย่างมากสำหรับการตกแต่งแบบที่ให้อารมณ์ความดิบ Industrial หน่อย ๆ 

หลอดฟลูออเรสเซนต์

หลอดไฟชนิดนี้เป็นที่นิยมและสามารถใช้งานได้หลากหลาย กระบวนการการให้แสงสว่างของหลอดไฟชนิดนี้คือหลอดไฟจะส่งผ่านประจุอิเล็คตรอนจากด้านหนึ่งของหลอดไฟ ผ่านสารเรืองแสงที่เคลือบอยู่กลางหลอดไปยังขั้วบวกก็คืออีกฝั่งหนึ่ง มีทั้งแบบหลอดยาว หลอดสั้น และแบบขดวงกลม ปัจจุบันเราจะเห็นหลอดไฟประเภทนี้ถูกประยุกต์ใช้งานหลากหลายมาก แม้แต่กับงานตกแต่งแบบหรูหราหรือสไตล์โมเดิร์นสมัยใหม่ก็สามารถใช้หลอดไฟประเภทนี้ได้

หลอดคอมแพคฟลูออเรสเซนต์

รู้จักกันดีในชื่อ หลอดตะเกียบ หลอดไฟชนิดนี้เป็นสกุลเดียวกันกับหลอดฟลูออเรสเซนต์แต่มีขนาดที่กะทัดรัดและสะดวกต่อการใช้งานมากกว่า ถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อทดแทนหลอดไส้ร้อนแบบปกติ นอกจากจะขนาดเล็กลงแล้ว ยังมีความร้อนสูญเปล่าที่น้อยกว่า สว่างมากกว่า และอายุการใช้งานยาวนานกว่าหลอดไส้ร้อนแบบทั่วไปอีกด้วย โดยมีอายุการใช้งานเฉลี่ยที่ 7 ปี หรือ 8000 ชั่วโมง หลอดไฟชนิดนี้จึงมีราคาที่สูงกว่าหลอดทั่วไปแต่ก็มองว่าเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า เรียกได้ว่าซื้อมาแล้วใช้งานกันไปยาว ๆ เลยทีเดียว หลอดคอมแพคฟลูออเรสเซนต์นิยมในการนำไปใช้กับงานที่ต้องให้ความสว่างทั่วไป แสงที่ได้จะเป็นแสงขาวโทนกลาง ไม่ค่อนไปทางร้อนหริือเย็นจนเกินไป จึงเหมาะแก่การให้ความสว่างทั่วห้องมากกว่าจะส่องสว่างเฉพาะจุด

หลอดฮาโลเจน

หลอดฮาโลเจนมีไส้หลอดเป็นทังเสตน เมื่อเทียบกับหลอดไฟปกติแล้วจะมีอายุการใช้งานที่ยืนยาวกว่าเพราะว่าทนความร้อนได้ดีกว่าหลอดแบบปกติ หลอดฮาโลเจนจะให้แสงที่มีสีค่อนข้างถูกต้องไม่ติดโทนร้อนหรือโทนเย็นมากเกินไป จึงเป็นที่นิยมกับงานที่ต้องการความถูกต้องของสีอย่างงานพานิชย์หรือการจัดไฟโชว์สินค้า สำหรับบ้านมักจะนิยมติดตั้งในที่ ๆ มีแสงสว่างน้อยเป็นพิเศษ หลอด Hybrid Halogen หลอดไฟชนิดนี้พัฒนาขึ้นจากหลอดตะเกียบ

หลอดไฮบริดฮาโลเจน ( Hybrid Halogen )

หลอดไฟชนิดนี้พัฒนาขึ้นจากการผสมผสานข้อดีของหลอดไฟทั้งสามชนิดเข้าด้วยกัน ได้แก่หลอดไส้กลม หลอดตะเกียบ และหลอดฮาโลเจน มีอายุการใช้งานและระดับความสว่างสูงกว่าหลอดทั้งสามแบบ เหมาะสมอย่างยิ่งกับการใช้อยู่ในที่อยู่อาศัยทั่วไป

หลอดไฟ LED

ไฟ LED เป็นที่นิยมมากสำหรับการตกแต่งเฉพาะจุด หลอดไฟชนิดนี้มีความหลากหลายด้านการประยุกต์ตกแต่ง สามารถเลือกได้อิสระทั้งความสว่างและสีสันของหลอดไฟเมื่อนำไปใช้งานจริง สามารถเปิดปิดสวิตช์ได้หลากหลายครั้งไม่เสื่อมต่ออายุการใช้งาน และปราศจากรังสียูวีหรือก๊าซอันตราย มีอายุการใข้งานที่ยืนยาวและประหยัดพลังงานกว่ามาก เพราะเป็นหลอดไฟเดียวที่สร้างแสงสว่างโดยปราศจากพลังงานการเผาไหม้ พลังงานสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานแสงได้หมดจด แต่ข้อเสียของหลอดไฟ LED ก็คือมีราคาค่อนข้างสูง และมีความสว่างที่ไม่มากเท่าหลอดไฟชนิดอื่น 

เมื่อเราเข้าใจลักษณะและธรรมชาติของแหล่งกำเนิดแสง เราก็จะสามารถปั้นแต่งรังสรรค์บรรยากาศของห้องให้เป็นไปตามที่ใจต้องการได้ง่ายขึ้นนั่นเอง

แสงอาจจะไม่ใช่องค์ประกอบเดียวที่ทำให้ห้องหรือที่อยู่อาศัยสวยงาม แต่ก็เป็นองค์ประกอบที่สำคัญและไม่ควรมองข้าม ในแง่ของการใช้ประโยชน์เพื่อดำรงชีวิตอยู่อาศัย และในแง่ของการตกแต่งและสร้างความสวยงาม

เรื่องราวต่อจากนี้จะเป็นอย่างไร...?

Related Stories

Esto Talks

See All >

Living out loud

Living out loud : VANA RESIDENCE พระราม 9 - ศรีนครินทร์