รูปบทความ กำจัดจุดอ่อนที่มองข้ามก่อนซื้อคอนโด

ESTOPOLIS | กำจัดจุดอ่อนที่มองข้ามก่อนซื้อคอนโด

มาดูกันว่าก่อนจะซื้อคอนโด ต้องสำรวจตัวเองอย่างไร ให้ความสำคัญกับเรื่องไหนบ้าง


ว่ากันว่าวัยยี่สิบกลางๆ ถึงยี่สิบปลายๆ เป็นวัยที่อยู่ในช่วงที่เรียกว่าเพรียบพร้อมในทุกๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นหน้าที่การงานที่เริ่มจะมั่นคง เงินออมเริ่มมั่งคั่ง ความรักก็ดี๊ดีอยู่ในช่วงเบิกบานพร้อมจับมือฝ่าฟันปัญหาและอุปสรรคไปด้วยกัน จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่คนในวัยนี้เริ่มหาความมั่นคงให้ชีวิตด้วยการซื้อที่อยู่อาศัยสักชิ้นเพื่อเป็นของขวัญและการลงทุนอย่างนึงให้กับตัวเอง


ด้วยยุคสมัยที่สภาพสังคม วิถีชีวิต ความคิด ของคนได้เปลี่ยนแปลงไป การซื้อที่อยู่อาศัยจึงเปลี่ยนแปลงตาม เพราะไม่ได้จำกัดแค่การซื้อ “บ้าน” เหมือนเช่นในอดีตอีกต่อไป แต่ในวันนี้ “คอนโด” กลายเป็นที่อยู่อาศัยอันดับต้นๆ ที่คนรุ่นใหม่เลือกซื้อหาจับจองเป็นเจ้าของกันมากขึ้น ด้วยเหตุผลหลักๆ ที่ซื้อคอนโดอาจเป็นเพราะใกล้ที่ทำงาน ใกล้รถไฟฟ้า ระบบความปลอดภัยดีเยี่ยม ที่สำคัญคือ “อยู่คนเดียว” ถ้าซื้อบ้านหลังใหญ่อาจจะรู้สึกเหงาและต้องเหนื่อยกับการทำความสะอาดอีกด้วย


การที่คนเราจะซื้อคอนโดสักห้องนั้นต้องผ่านการหาข้อมูลต่างๆ มาพอสมควร ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของทำเลที่ตั้ง สิ่งอำนวยความสะดวก ความน่าเชื่อถือของโครงการ และสิ่งสำคัญที่มองข้ามไม่ได้นั่นก็คือ “ราคา” ทำให้มั่นใจได้ว่าคอนโดห้องนี้แหละใช่เลย ในทางกลับกันมือใหม่ที่กำลังจะทุบกระปุกควักเงินเพื่อเป็นเจ้าของคอนโดห้องแรกนั้น กลับใช้ความรู้สึกและอารมณ์เป็นใหญ่ในการเลือกซื้อคอนโดแทนที่จะใช้เหตุผลในการพิจารณา

นี่จึงเป็นสาเหตุใหญ่ที่พลิกชีวิตมือใหม่หลายๆ คนเลยทีเดียว เพราะอย่าลืมว่าการซื้อคอนโดไม่เหมือนกับการซื้อเสื้อผ้า ถ้าไม่พอใจจะขายทิ้งเมื่อไหร่คงไม่ใช่เรื่องง่ายขนาดนั้น ทาง Estopolis จึงได้ทำการรวบรวมจุดอ่อนที่มือใหม่มักมองข้ามเวลาซื้อคอนโดมาฝากทุกคนให้ระวังกัน


1. ตั้งคำถามให้ตัวเอง

ก่อนที่มือใหม่จะตัดสินใจซื้อคอนโดห้องแรกนั้น จงถามตัวเองก่อนว่า “ซื้อคอนโดเพื่ออะไร ?” ไม่ใช่อยากได้เพียงเพราะ “อยากมี” เหมือนคนอื่นๆ ที่เขามีคอนโดเป็นของตัวเอง ถ้าเป็นเพราะเหตุผลนี้ก็ตัดใจเช่าเขาอยู่ต่อไปเถอะ อย่าหาภาระใส่ตัวให้หนักหัวเล่นเลย


แต่ถ้าซื้อเพื่ออยู่อาศัยก็เช็คสถานะทางการเงินด้วยว่าความที่จะเป็นหนี้แล้วหรือยัง ? คิดว่า “ซื้อ” คุ้มค่ากว่า “เช่า” จริงๆ หรือมโนไปเองเพราะความอยากได้มันมีมากกว่า


2. สำรวจหนี้

หลังจากที่รู้แล้วว่าซื้อคอนโดเพื่ออะไร คำถามต่อไป “มีหนี้อยู่เท่าไหร่ ?” เพราะตามหลักทฤษฎี Debt Service Ratio ได้กล่าวไว้ว่า คนเราต้องมีหนี้ไม่เกิน 45% ของรายได้ เพื่อไม่ให้ลำบากหนี้คอนโดไม่ควรเกิน 25% ของรายได้ กำลังอยู่ในภาระที่จ่ายไหวเมื่อรวมกับค่าใช้จ่ายอื่นๆ ยังมีเงินเหลือเก็บอยู่


จัดได้ว่าเป็นจุดอ่อนอีกข้อที่หลายคนอาจไม่ยอมรับและหลอกตัวเองว่าจ่ายไหว เมื่อรู้ว่าตัวเองจะมีเป็นหนี้เพิ่มขึ้น ก็จงวางแผนทางการเงิน ทำบัญชีรายรับรายจ่าย วางเป้าหมายการใช้เงินให้ชัดเจนก่อนสร้างหนี้ใหม่

3. ใจร้อน

เริ่มงานใหม่ได้ไม่ถึง 3 เดือน อยากจะซื้อคอนโดไว้เสริมบารมีสักห้อง ทั้งๆ ที่อนาคตยังไม่แน่นอนเลยว่าตัวเองจะทำงานที่ใหม่ได้นานแค่ไหน จะกี่เดือน กี่ปี หรือไม่กี่วัน ? ก็ไม่มีใครทราบได้ อาจจะทำไม่ถึงสองเดือนต้องย้ายที่ทำงานใหม่ แล้วอย่างนี้คอนโดที่ซื้อไว้ต้องยอมตัดใจขายทิ้งในราคาถูกน่ะสิ

ทางที่ดีถ้าเพิ่งได้งานใหม่ควรที่จะเลือกเช่าเพื่อรอดูสถานการณ์การงานของเราให้มั่นคงก่อนดีกว่าว่าจะไม่โดนเด้งย้ายไปทำงานที่ต่างจังหวัดหรือยื่นซองลาออกเพราะเหตุผลร้อยแปดพันเก้า


4. ต้องจ่ายไหว

การที่จะซื้อทรัพย์สินที่มูลค่าสูงนั้น ต้องผ่านการพิจารณาเงินในบัญชีมาอย่างถี่ถ้วนแล้วว่าคอนโดราคาเท่านี้แหละที่เราจ่ายไหว สามารถผ่อนชำระรายเดือนได้สบายๆ โดยไม่เบียดค่าใช้จ่ายในส่วนอื่นๆ แต่พอเอาเข้าจริงๆ กลับหลงคารมน้องเซลล์ที่พูดหว่านล้อมจนใจเริ่มไขว้เขว เพิ่มเงินอีกหน่อยได้พื้นที่เพิ่มขึ้น วิวสวยกว่า ทั้งที่ในความเป็นจริงห้องที่เล็งไว้ในตอนแรกก็ตอบโจทย์ได้ดีอยู่แล้ว

เมื่อตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้คุณต้องใจแข็งดั่งหินผาอย่าให้คำพูดเกลี้ยกล่อมของน้องเซลล์มาบั่นท่อนใจของเราได้ จงตั้งสติให้มั่นเลยว่าถ้าซื้อเกินงบเมื่อไหร่ นับวันที่ต้องหยิบยืมเงินคนอื่นมาหมุนเพื่อจ่ายหนี้ได้เลย

5. มองข้าม(คำ)สัญญา

ด้วยความที่อยากจะเป็นเจ้าของคอนโดตัวจริงเร็วๆ คุณอาจละเลยเรื่องสำคัญของขั้นตอน การเซ็นสัญญา โดยที่ไม่อ่านรายละเอียดให้รอบครอบดีซะก่อน หากเกิดปัญหาตามมาภายหลังอาจไม่ได้รับการเยี่ยวยาจากทางโครงการก็เป็นได้

ดังนั้นก่อนจรดปากกาเซ็นสัญญาจงอ่านให้ละเอียดทุกตัวอักษร เพื่อป้องกันการเอาเปรียบจากทางโครงการกันด้วยนะ


6. ดาวน์น้อยๆ ผ่อนยาวไป

เชื่อเลยว่าร้อยทั้งร้อยคงไม่มีใครอยากควักเงินก้อนของตัวเองจ่ายออกไปก่อน หลายท่านจึงเลือกที่จะดาวน์น้อยๆ ผ่อนนานๆ กับแบงค์ดีกว่า หารู้ไม่ว่านี่แหละคือสาเหตุหลักที่ทำให้คุณ “กู้ไม่ผ่าน” หรือได้วงเงินน้อยกว่าที่ควรจะเป็น

วิธีกำจัดจุดอ่อนข้อหนี้ให้พ้นไปแบบง่ายๆ ควรวางเงินดาวน์ไว้ 20% ของราคาประเมินก็จะช่วยให้การยื่นเรื่องกู้เงินมีโอกาสสำเร็จสูง

7. ลืมคิดหน้า ละเลยหลัง

มือใหม่ทั้งหลายอย่าลืมนะว่าการซื้อคอนโดเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของรายจ่ายเท่านั้น หลังจากนี้ต่างหากล่ะคือของจริง เพราะจะมีค่าใช้จ่ายตามติดมาเป็นหางว่าว ทั้ง ค่าโอน ภาษี ค่าส่วนกลาง ค่าตกแต่ง เฟอร์นิเจอร์ ฯลฯ รอให้คุณเสียเงินอีกเยอะ

นับว่าเป็นจุดอ่อนอีกข้อที่หลายคนลืมคิดรวมกับค่าคอนโดในต้อนต้น ทำให้การคาดการณ์งบประมาณพลาดเยอะไปพอสมควร เมื่อรู้อย่างนี้แล้วก็อย่าลืมลิสต์ค่าใช้จ่ายเหล่านี้รวมไปในตอนต้นกันด้วยล่ะ



จุดอ่อนทั้ง 7 ข้อจัดได้ว่าเป็นสิ่งที่มือใหม่มองข้ามทำให้ “พลาด” อยู่เสมอเมื่อถึงเวลาซื้อคอนโดนั่นเอง ทาง Estopolis หวังว่าจุดอ่อนที่ได้นำมาแบ่งปันในวันนี้จะช่วยเตือนสติให้กับมือใหม่หลายๆ คน ที่ใจร้อนอยากเป็นเจ้าของคอนโดไวๆ ได้คิดหน้าคิดหลัง หาข้อมูลเพื่อปิดประตูเสี่ยงรอบด้าน จะได้ไม่มานั่งตัดใจขายในราคาขาดทุนเพียงเพราะความใจร้อนไม่วางแผนให้ดี


เรื่องราวต่อจากนี้จะเป็นอย่างไร...?

Related Stories

Esto Talks

See All >

Living out loud

Living out loud : VANA RESIDENCE พระราม 9 - ศรีนครินทร์