ยอดรีเจกต์คอนโดฯ ระดับล่างพุ่ง 80%

6 July 2560

ถึงสภาพตลาดอสังหาริมทรัพย์โดยรวมจะมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น แต่หากมองแยกแต่ละเซ็กเมนต์แล้ว กลับพบว่า กลุ่มคอนโดมิเนียมระดับล่าง ที่มีราคาขายต่ำกว่า 1 ล้านบาท หรือ ราคาล้านต้นๆ นั้นยังอยู่ในสถานการณ์น่าเป็นห่วง ผู้ประกอบการอสังหาฯ พบว่าบางโครงการมียอดรีเจ็กต์ (การปฏิเสทสินเชื่อ) สูงถึง 70-80% เนื่องจากเจอปัญหาเรื่องหนี้สินภาคครัวเรือนที่ส่งผลต่อการปฏิเสทสินเชื่อของสถาบันการเงิน และอีกสาเหตุหนึ่งที่น่าสนใจไม่น้อย คือ ไร้การตรวจสอบก่อนจอง และสินค้าไม่ได้อยู่ในทำเลที่ตอบโจทย์ผู้บริโภค

สำหรับภาพรวมของตลาดอสังหาริมทรัพย์ปี 2560 ช่วงครึ่งหลังนั้น มีแนวโน้มที่ยอดขายจะลดลง โดยเฉพาะกลุ่มคอนโดมิเนียมชานเมืองที่มีระดับราคาขายต่ำกว่า 1 ล้านบาท หรือล้านต้นๆ ทั้งแม้จะมีรถไฟฟ้า BTS หรือ MRT ให้บริการเข้าถึงแล้วก็ตาม ซึ่งตอนนี้ัยอดปฎิเสทสินเชื่อของกลุ่มค้าเพิ่มขึ้นเป็น 70-80% ในขณะที่โครงการอสังหาฯ แนวราบระดับราคามากกว่า 20 ล้านบาท ก็อยู่ในสภาวะชะลอตัวเช่นเดียวกัน ส่วนปัจจัยสำคัญก็มาจากกลุ่มผู้บริโภคไม่อยากใช้เงิน ประกอบกับ เป็นกลุ่มที่มีสัดส่วนน้อยอยู่แล้ว ทั้งยังต้องเจอกับสภาวะเศรษฐกิจที่ไม่คงที่อีกด้วย

แต่ทางสมาคมอาคารชุดไทย นายธำรงค์ ปัญญาสกุลวงศ์ นายกกิตติมศักดิ์และที่ปรึกษาสมาคมอาคารชุดไทย กลับมองว่า เป็นเรื่องปกติที่ตลาดคอนโดมิเนียมกลุ่มนี้จะมียอดรีเจ็กต์และยอดเหลือขายเป็นจำนวนมาก เนื่องจากภายในปี 2548 มาจนถึงปัจจุบัน มีผู้ประกอบการคอนโดมิเนียมระดับล่างมากกว่า 7-8 แสนหน่อย ซึ่งสวนทางกลับความต้องการซื้อของผู้บริโภคที่มีสภาพทางการเงินไม่สมดุล พอเศรษฐกิจเกิดการชะลอตัว จึงส่งผลให้ยอดรีเจ็กต์มากขึ้นตามไปด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะคอนโดมิเนียมระดับราคา 1-2 ล้านบาทในซอย รวมถึงโครงการที่มีราคาต่ำกว่า 4 ล้านบาท

(ภาพจาก Plum condo บางใหญ่ สามารถอ่านรีวิวจาก Estopolis ได้ )

ด้านนายปิยะ ประยงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจพฤกษา เรียลเอสเตท มองว่าส่วนหนึ่งที่ทำให้มียอดรีเจ็กต์สูงขนาดนี้ เพราะโครงการตั้งอยู่ในทำเลไม่มีศักยภาพ และไม่มีการพรีแอฟพรูฟลูกค้าก่อนทำการจอง ดังนั้น ผู้ประกอบการจึงควรทำการพรีแอฟพรูฟลูกค้าก่อนทุกครั้ง เพื่อลดอัตราการถูกปฏิเสธสินเชื่อ ซึ่ง พฤกษา เรียลเอสเตท เองก็ใช้วิธีการนี้เช่นกัน ส่งผลให้ยอดรีเจ็กต์จากสถาบันการเงินในปัจจุบันลดลงเหลือเพียง 6% เท่านั้น ประกอบกับปรับแผนการดำเนินธุรกิจเสียใหม่ โดยหันมามุ่งเน้นที่ตลาดกลาง-บน ระดับราคามากกว่า 3 ล้านบาทแทนเพื่อลดความเสี่ยงจากปัญหาหนี้สินภาครัวเรือน ส่วนโครงการระดับล่างจะได้แก่ แบรนด์ พลัมคอนโด ระดับราคาขายอยู่ที่ 1-2 ล้านบาทต่อหน่วย ซึ่งส่วนใหญ่มีทั้งที่โอนกรรมสิทธิ์หมดแล้ว และอยู่ระหว่างการโอนกรรมสิทธิ์