รูปบทความ 2+2= หลักสี่ สมการใหม่สู่ไลฟ์สไตล์แห่งการเชื่อมต่อ ตอบโจทย์ชีวิตช่างเลือก

2+2= หลักสี่ สมการใหม่สู่ไลฟ์สไตล์แห่งการเชื่อมต่อ ตอบโจทย์ชีวิตช่างเลือก

ถ้าได้เลือกแล้ว...ใครก็อยากเลือกสิ่งที่ดีที่สุด ซึ่งพอเราบวกลบคูณหาร ‘ความสะดวกสบาย’ เข้ากับ ‘ไลฟ์สไตล์ที่ครบครันของทำเล’ คำตอบของสมการที่ตามหาอยู่นี้ อาจไม่จำเป็นต้องเดินทางไกลไปถึงใจกลางเมือง เพราะแค่ ‘หลักสี่’ ก็สามารถตอบโจทย์ความสมบูรณ์แบบได้ไม่แพ้กัน


2 สีสันรถไฟฟ้า เชื่อมต่อไลฟ์สไตล์ให้ใกล้กว่าที่เคย

กำหนดตัวตั้งของความสะดวกสบายด้วย ‘การมาถึงของรถไฟฟ้า’ เพราะหากพูดถึงรูปแบบการเดินทางที่มาแรงแซงทุกระบบขนส่งในช่วงนี้ ก็ต้องยกให้กับรถไฟฟ้ามาหา ‘หลักสี่’ แล้วนะ ซึ่งย่านหลักสี่เองก็เป็นอีกหนึ่งจุดเชื่อมต่อของรถไฟฟ้า 2 สายสีเขียว-ชมพู ที่ตลอดทั้งเส้นทางเต็มไปด้วยไลฟ์สไตล์ที่ไม่หยุดนิ่ง


‘รถไฟฟ้าสายสีเขียว’ เข้าถึงไลฟ์สไตล์คนเมืองได้ในต่อเดียว

จุดเริ่มต้นการเดินทางครั้งนี้ จะขอตั้งต้นที่รถไฟฟ้าสายเขียว เพราะเป็นรถไฟฟ้าสายสำคัญสายแรกที่เชื่อมต่อความเป็นเมืองเข้าไว้ด้วยกัน อีกทั้งยังเห็นภาพการพัฒนาได้อย่างชัดเจน


เริ่มตั้งแต่บริเวณ 'Central Plaza Ladprao' ศูนย์การค้าขนาดใหญ่ที่หลายคนรู้จักดี นอกจากภายในจะเต็มไปด้วยร้านค้า, ร้านอาหาร และ Shop สินค้าแบรนด์ดังมากมาย ที่ตั้งของห้างยังอยู่ใกล้สถานีรถไฟใต้ดิน MRT พหลโยธิน ซึ่งต่อไปในอนาคตจะมีการเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าสายสีเขียว สถานีห้าแยกลาดพร้าว ที่ไม่ว่าจะเลือกเดินทาง ก็สะดวกสบายไม่ต่างกัน


แต่ถ้าใครอยากเดินเลือกเสื้อผ้า เครื่องแต่งกายราคาไม่แพง แถมยังมีที่ให้นั่งหลบแดด ก็แค่ข้ามฝั่งไป 'Union Mall' แหล่งช้อปของหลากสไตล์ จะเกาหลี, วินเทจ หรือแนวสปอร์ตก็มีให้เลือกตั้งแต่ชั้น 1 ถึงชั้น 5 เลย


ขยับข้ามรัชโยธินไปอีกหน่อยก็เจอ Community Mall ที่รวมเอา Major Cineplex กับ Avenue รัชโยธิน ไว้บนพื้นที่เดียวกัน ให้เดินซื้อสินค้า นั่งทานของอร่อยกันได้หลากหลาย หรือจะผ่อนคลายความเครียดด้วยหนังเรื่องโปรดสักเรื่อง 2 เรื่องก็เลือกได้สบาย ๆ แถมบางสัปดาห์ยังมีงานอีเวนต์สับเปลี่ยนหมุนเวียนกันมาจัดกิจกรรมให้เดินได้ตั้งแต่เช้ายันเย็น ไว้เอาใจสายเที่ยว สายดูหนังโดยเฉพาะ ซึ่งบริเวณนี้จะมีสถานีรัชโยธินอยู่ใกล้ที่สุดนั่นเอง


สำหรับคนที่รักการถ่ายรูป ช่วงสถานีกรมทหารราบที่ 11 ก็มี พิพิธภัณฑ์บ้านบางเขน แหล่งท่องเที่ยวและไลฟ์สไตล์ตั้งอยู่ติดแนวรถไฟฟ้า เดินทางสะดวก เหมาะจะใช้เวลาว่างเพลิดเพลินไปกับบรรยากาศอบอุ่น สไตล์วินเทจได้ทุกวัน โดยจุดเด่นของที่นี่จะเป็น การจำลองบ้านไม้ยุคเก่าที่นิยมยกเสาสูง, ร้านโชห่วย ขายของชำ, ร้านยาแผนโบราณ มาไว้ให้คนรุ่นหลังได้สัมผัส


ภายในแบ่งเป็นโซนต่าง ๆ พร้อมตกแต่งให้กลิ่นอาย Thai Classic Style ชวนให้กลับไปคิดถึงความทรงจำครั้งวันวาน ที่ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปีก็ยังไม่เลือนหายไปไหน และสิ่งที่ไม่ควรพลาดอย่างยิ่งก็คือ บ้านพ่อหลวง ห้องไม้ที่ใช้จัดแสดงพระบรมฉายาลักษณ์, พระบรมสาทิสลักษณ์ รวมถึงของสะสมที่เกี่ยวข้องกับในหลวงรัชกาลที่ ๙ ไว้มากมาย นอกจากนี้บริเวณรอบ ๆ ยังมีมุมถ่ายรูปแนว Street Art ยุค 90's ให้เรายกกล้องออกถ่ายรูปกันสนุกสนาน


หากเดินเที่ยวจนเหนื่อยแล้ว ก็ไม่ต้องออกไปหาของกินที่ไหนไกล เพราะด้านหน้าบ้านบางเขนจะมีโซนร้านอาหารเปิดให้บริการอยู่ ไม่ว่าจะเป็นเมนูหลัก อย่าง ข้าวราดแกง, ก๋วยเตี๋ยว, ข้าวเหนียวส้มตำ หรือของทานเล่น ทอดมัน ลูกชิ้นปิ้งก็ล้วนมีหน้าตาน่าทานทั้งนั้น


ส่วนใครที่กำลังหาที่นั่งทำงาน อ่านหนังสืออยู่ล่ะก็ ในบ้านบางเขนก็มีคาเฟ่เปิด 24 ชั่วโมงให้เข้ามาใช้บริการ ด้านในออกแบบกว้างขวาง พร้อมจัดวางที่นั่งไว้ให้ค่อนข้างเยอะ ทั้งแบบเดี่ยวและกลุ่ม หรือใครแค่อยากแวะมานั่งพักขา ทางร้านก็มีเมนูคาวหวาน, เครื่องดื่ม, เบเกอร์รี่พร้อมเสิร์ฟกันทุกวัน



‘รถไฟฟ้าสายสีชมพู’ เชื่อมต่อทุกไลฟ์สไตล์ที่แตกต่าง อย่างที่เราเลือก

เมื่อสายสีเขียวมาบรรจบลงตัวกับ ‘รถไฟฟ้าสายสีชมพู’ อีกหนึ่งสีสันที่ช่วยแต่งแต้มหลักสี่ให้มีความหลากหลายทางด้านไลฟ์สไตล์มากขึ้น ด้วยเส้นทางการเชื่อมต่อกับกรุงเทพตอนบน ทำให้เราสามารถวิ่งขึ้นไปทางแจ้งวัฒนะ และกลับลงมาทางรามอินทราได้อย่างง่ายดาย โดยมี สถานีวัดพระศรีฯ เป็นจุดศูนย์กลางการเดินทางนั่นเอง


หากไปทางฝั่งแจ้งวัฒนะ-ปากเกร็ด ไม่ว่าใครก็ต้องนึกถึง อิมแพค เมืองทองธานี ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย โดยตลอดทั้งปีจะมีทั้งนิทรรศการ, งานอีเวนต์, คอนเสิร์ต, จัดแสดงสินค้ามากมาย หลากหลายรูปแบบ เรียกว่าเดินทุกเดือนก็ไม่เบื่อ


เยื้องกันเป็น Central Plaza แจ้งวัฒนะ ศูนย์การค้าขนาดใหญ่ที่กลายเป็นจุดพักผ่อนของคนในพื้นที่และย่านใกล้เคียง


นอกจากนี้ยังมีศูนย์ราชการฯ แจ้งวัฒนะ อีกหนึ่งสถานที่สำคัญที่ครบครันไปด้วยหน่วยงานราชการ, รัฐวิสาหกิจ และภาคเอกชน อย่าง ชอปร้านค้าและบริการต่าง ๆ


ซึ่ง ‘Golden Place’ ก็เป็นหนึ่งชอปร้านค้าที่ตั้งอยู่ด้านในศูนย์ราชการฯ แจ้งวัฒนะ โดยภายในร้านก็ได้รวมรวมทั้งผักผลไม้สด, สินค้าเกษตร และขนมทานเล่นที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์คนรักสุขภาพไว้มากมาย แถมยังขายกันในราคาย่อมเยาอีกด้วย


ขยับออกจากศูนย์ราชการฯ แจ้งวัฒนะมาไม่ไกล จะเจอ ‘แยกหลักสี่’ สี่แยกที่จะพาเราเชื่อมต่อเข้ากับถนนวิภาวดีรังสิต จึงทำให้การเดินทางสะดวกทั้งขาเข้าและขาออกเมือง อีกทั้งปัจจุบันยังมี สถานีหลักสี่ (รถไฟฟ้าสายสีแดงช่วงบางซื่อ-รังสิต) ตั้งอยู่บริเวณนี้ ซึ่งในอนาคตสถานีนี้จะเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าสายสีชมพู ด้วยทางเดินยกระดับ Skywalk


หากเราเลี้ยวเข้าถนนวิภาวดีรังสิตฝั่งขาออก ก็จะเจอทางขึ้นทางยกระดับอุตราภิมุข อยู่ก่อนถึง ‘ท่าอากาศยานนานาชาติดอนเมือง’ เพียงเล็กน้อย ทำให้ทุกการเดินทางในย่านนี้มีความหลากหลาย สามารถเชื่อมต่อถึงกันหมด เหมาะสำหรับครอบครัวนักเดินทาง ชอบออกท่องเที่ยวไปตามสถานที่ต่าง ๆ ในช่วงวันหยุดยาว


แต่ถ้าตรงไปตามแนวรถไฟฟ้าเรื่อย ๆ จะเจอ ‘มหาวิทยาลัยราชภัฎพระนคร’ อยู่ข้าง ‘วัดพระศรีมหาธาตุวรมหาวิหาร บางเขน’ ซึ่งจุดนี้เองที่เป็นสถานีเชื่อมต่อสำคัญของรถไฟฟ้าสายสีเขียว กับสีชมพู ทั้งยังเป็นจุดเชื่อมต่อของถนนแจ้งวัฒนะกับถนนรามอินทราอีกด้วย



2 เส้นทาง ‘รามอินทรา-พหลโยธิน’ ทางเลือกของคนช่างเลือก


จากถนนแจ้งวัฒนะก็ข้ามฝั่งมาทางรามอินทรากันบ้าง เมื่อผ่านวงเวียนอนุสาวรีย์หลักสี่ไป ก็จะเจออีกรูปแบบไลฟ์สไตล์ที่เรียบง่าย แต่ไม่ถึงกับเงียบเหงา เพราะยังคงมีแหล่งไลฟ์สไตล์ให้เราได้ใช้ชีวิตกันได้เต็มที่ เริ่มจาก Central Plaza รามอินทรา ศูนย์การค้าที่อยู่ถัดจากวงเวียนฯ หลักสี่เพียงเล็กน้อย ซึ่งภายในก็ครบครันไปด้วยสินค้าและบริการไม่ต่างจากห้างใหญ่ ๆ เลย


และพลาดไม่ได้กับ The Jas รามอินทรา Community Mall สุดชิคที่รวมร้านค้า ร้านอาหารไว้หลากหลาย สามารถตอบโจทย์คนได้ทุกเพศ ทุกวัย


สำหรับใครที่อยากซื้อหาของกิน ของใช้ ด้านในจะมี MaxValu ให้เราเดินเลือกซื้ออาหารสด ผักผลไม้กลับไปทานด้วยกันที่ห้อง รวมถึงของใช้จำเป็นต่าง ๆ ก็มีให้เลือกซื้อหลากหลาย สามารถชวนกันแวะมาเดินเล่นได้ทุกวัน


หรือจะแวะเข้ามาทานของอร่อย ที่นี่ก็มีร้านอาหารทั้งคาวหวานให้เลือกนั่งชิล ๆ ไม่ว่าจะเป็นชาบู, Food court, คาเฟ่ หรืออาหารญี่ปุ่นเป็นต้น


แวะมาถึงนี่ทั้งทีก็ต้องหาร้านนั่งพักคลายร้อนเสียหน่อย ซึ่ง CODE Cafe of Desserts ก็ดูจะเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับสายคาเฟ่ คนรักของหวานไม่น้อย


เมื่อเปิดประตูเข้าไป จะเห็นเคาน์เตอร์บาร์ตั้งอยู่กลางร้านให้เราเดินไปสั่งของมาทานกัน ทั้งเมนูเครื่องดื่ม, ขนมเค้ก และของหวานจานเล็กใหญ่


ระหว่างรอของมาเสิร์ฟก็ขอเดินดูบรรยากาศภายในร้านไปพลาง ๆ ก่อนแล้วกัน ซึ่งตัวร้านจะตกแต่งด้วยโทนสีขาวที่ให้ความอบอุ่นและสว่าง ลงตัวกับเฟอร์นิเจอร์รูปทรงโมเดิร์น พร้อมยกเพดานสูงดูปลอดโปร่ง เหมาะสำหรับการนั่งชิล โดยแต่ละมุมจะมีที่นั่งให้เลือกหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นโต๊ะใหญ่สำหรับกลุ่ม 8 คน, โซฟานั่งสบาย หรือหากใครมากับเพื่อนก็มีโต๊ะแบบเคาน์เตอร์บาร์นั่งถ่ายรูปเก๋ ๆ ด้วย


ถึงเวลาของอร่อย โดยเมนูแรกที่ยกมาเสิร์ฟนั้นจะเป็น ‘Thai Tea Lava croissant (120 บาท)’ ครัวซองต์แป้งชาโคล์วที่ถูกนำไปอบจนหอมกลิ่นเนย ด้านบนโรยผงครันชี่ตกแต่ง และเมื่อตัดเนื้อครัวซองต์ลงไปจะสัมผัสถึงกรอบนอกนุ่นใน มีไส้ชาไทยเข้มข้นไหลเยิ้มออกมาดูน่าทาน แนะนำให้ตักทานสลับกับไอศครีมวนิลาที่วางอยู่ข้าง ๆ จะยิ่งได้รสชาติหวาน มัน ลงตัว


ระหว่างทานก็ไม่พลาดที่จะสั่ง ‘ชาพีช’ มาจิบคู่กัน บอกเลยว่าเหมาะกับคนที่ชอบดื่มชาผลไม้เป็นพิเศษ ด้วยรสชาติหวานหอมกลิ่นพีช มีชิ้นเนื้อผลไม้มาช่วยเพิ่มความสดชื่นได้เป็นอย่างดี รู้ตัวอีกทีก็เผลอดูดจนหมดแก้ว


เลยต้องขออนุญาตสั่งเมนูเครื่องดื่มมาเพิ่มอีกแก้ว อย่าง ‘ชานมไข่มุกไต้หวัน’ ซึ่งแก้วนี้เป็นเมนูตัวใหม่ของทางร้าน เรียกว่าหอมกลิ่นชาตั้งแต่ดูดครั้งแรก รสชาติไม่หวานจัด สามารถทานได้เรื่อย ๆ นอกจากนี้ตัวไข่มุกยังมีความหนึบหนับ เคี้ยวเพลิน ส่วนฟองนมที่โปะอยู่ด้านบนก็มีเนื้อเนียนนุ่ม ตัดกับสีน้ำตาลไหม้ของน้ำตาลทรายที่ถูกเบิร์นจนส่งกลิ่นเป็นเอกลักษณ์


นอกจากคาเฟ่ร้านอาหารที่ตั้งอยู่ด้านใน ตรงบริเวณชั้น 4 ยังมีโรงเรียนสอนพิเศษทั้งภาษาอังกฤษ, ศิลปะ และ Totem Kingdom สวนสนุกขนาดเล็กไว้เอาใจคุณหนูด้วยเช่นกัน ซึ่งนับได้ว่า The Jas รามอินทรา เป็นอีก Community Mall ที่ตอบโจทย์ทุกคนในครอบครัว เข้าถึงคนทุกไลฟ์สไตล์


ถ้าพูดถึงถนนสายหลักที่ตัดผ่านย่านหลักสี่ไปถึงสะพานใหม่ก็จะต้องเป็น ถนนพหลโยธิน เส้นทางคู่ขนานกับถนนวิภาวดี ที่ตลอดทั้งเส้นจะเต็มไปด้วยสถานที่สำคัญ อย่าง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์, ธนาคารธกส. สำนักงานใหญ่, กรมส่งเสริมการเกษตร, รพ. สัตว์เกษตร และกรมป่าไม้



ยาวไปจนถึงย่านบางบัวก็จะมีมหาวิทยาศรีปทุม และกรมทหารที่ 11 อยู่ไม่ไกลจากวงเวียนอนุสาวรีย์หลักสี่เท่าไรนัก ซึ่งหลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่า ในกรมทหารราบที่ 11 นั้นมีกิจกรรม Activity มากมายให้เล่นสนุกกัน อย่าง Club 11 ศูนย์รวมกีฬาแนวกลางแจ้ง ไม่ว่าจะเป็นยิงปืน, BB Gun, Paint Ball,ขับรถ ATV และจักรยานเสือภูเขา รับรองว่า...ถูกใจสายเอ็กซ์ตรีมแน่นอน


เมื่อผ่านวงเวียนฯ หลักสี่มา จะเจอ เทสโก้ โลตัส หลักสี่ ตั้งอยู่ฝั่งขวามือตรงข้ามซอยพหลโยธิน 57 ใกล้กับสถานีอนุสาวรีย์หลักสี่  ช่วยให้เราใช้ชีวิตประจำวันได้สะดวกยิ่งขึ้น สามารถเดินเลือกซื้อข้าวของเครื่องใช้ได้สบาย ๆ โดยไม่จำเป็นต้องเสียเวลาออกไปเดินตากแดดข้างนอก


และต้องขอบอกว่า ย่านนี้เป็นอีกย่านที่ครบครันเรื่องไลฟ์สไตล์ อาหารการกินอร่อย มีทั้งร้านดังติดดาว, ร้านสตรีทฟู้ดส์เจ้าถิ่น, บุฟเฟ่ต์, ชาบู รวมไปถึงร้านตกแต่งสวยสไตล์บ้านสวน ที่แค่เลี้ยวเข้าถนนเทพรักษ์ไปไม่ไกล อย่างร้าน ‘บ้านสวยในสวน’ นั่นเอง


‘บ้านสวยในสวน’ ร้านอาหารไทยที่ตกแต่งรายล้อมด้วยสวนสีเขียว ให้ความร่มรื่นและผ่อนคลาย ภายในร้านแบ่งเป็นโซน Indoor และ Outdoor ที่ไม่ว่าจะนั่งโซนไหนก็ให้ความสบายได้ไม่แพ้กัน


โดยเมนูที่สั่งมาทานร่วมกันวันนี้จะมี ‘แกงส้มชะอมกุ้ง’ อาหารพื้นบ้านที่รสชาติไม่ธรรมดา น้ำแกงเข้มข้นออกรสเปรี้ยวอมหวาน ยิ่งตักทานคู่กับข้าวสวยร้อน ๆ ยิ่งเข้ากันดี ช่วยตัดรสแกงส้มไม่ให้จัดจนเกินไป



ก่อนจะต่อด้วย ‘ปูจ๋า’ เมนูรสชาติกลางที่คลุกเคล้าส่วนผสมรวมกับเครื่องปรุงและเนื้อแห้ว แล้วจึงนำไปทอดจนเหลืองกรอบ หอมกลิ่นพริกไทย พร้อมจัดจานด้วยผักดอง แนะนำให้ทานตอนร้อน ๆ ราดน้ำจิ้มบ๊วยอีกหน่อยจะทำให้อร่อยขึ้น


ปิดท้ายด้วย ‘ยำคะน้ากุ้งสด’ ที่ให้รสชาติจัดจ้านตามสไตล์อาหารไทย เปรี้ยวนำหวานตาม มีรสเผ็ดนิด ๆ ที่ปลายลิ้น ซึ่งทางร้านจะปลอกเปลือกคะน้าออกเหลือแต่เนื้อด้านใน ทำให้เมนูจานนี้อร่อยขึ้น เคี้ยวเพลินเต็มปากเต็มคำ ทั้งโต๊ะรวมราคาประมาณ 350 บาทเท่านั้น แถมยังเดินทางง่ายสามารถแวะไปทานได้เกือบทุกวัน


หรือใครอยากเดินซื้อของราคาถูก ย่านนี้ก็มี ‘ตลาดยิ่งเจริญ’ อยู่ถัดไปไม่ไกล ด้านในมีทั้งของสด, อาหารแห้ง, ผักผลไม้ และสินค้าหลากหลายประเภท เรียกว่า ครอบคลุมทุกความต้องการเลยทีเดียว


“คำตอบของสมการที่คุ้มค่ากว่าแค่คำว่า ที่พักอาศัย”


“ถ้ามีโอกาสสักครั้ง ใครล่ะจะไม่อยากเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับตัวเอง” ซึ่งการเลือกคอนโดมิเนียมก็ไม่ต่างกัน ต้องดูทั้งความคุ้มค่าด้านการอยู่อาศัย และการลงทุน ที่ไม่ใช่แค่อยู่ใกล้รถไฟฟ้า หรือมีราคาถูกอีกต่อไป


เช่นเดียวกับ Rich Park Terminal @ Laksi (ริชพาร์ค เทอมินอล @หลักสี่) ที่ได้ออกแบบโครงการให้มีจุดเด่นที่แตกต่างบนทำเลพหลโยธิน...

  • ตัวอาคารเชื่อมกับ Sky Walk เข้าสู่สถานีรถไฟฟ้าโดยตรง ทำให้ใช้ชีวิตได้สะดวก และง่ายดายยิ่งขึ้น
  • เพิ่มความพิเศษให้พื้นที่โครงการด้วย Community Mall สูง 2 ชั้น ครบครันทั้งโซนอาหารและเครื่องดื่ม นอกจากนี้ยังมี Shopping Mall คอยอำนวยความสะดวกให้ผู้อยู่อาศัย ช่วยเติมเต็มทุกความต้องการในแบบที่เราเลือกเอง


ใส่ความคุ้มค่าให้มากขึ้นอีกระดับ ด้วยการตกแต่งโครงการสไตล์ MODERN HYBRID ที่ทันสมัย สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ชีวิตในคอนโด ช่วยให้ทุกอย่างกลายเป็นเรื่องง่าย


สำหรับห้องพักอาศัยในโครงการ Rich Park Terminal @ Laksi (ริชพาร์ค เทอมินอล @หลักสี่) จะมีให้เลือกทั้งแบบ 1 Bedroom และ 1 Bedroom Plus ขนาดตั้งแต่ 24 - 34 ตร.ม. ตอบโจทย์การพักผ่อนที่ลงตัว


นอกจากนี้ภายในโครงการยังตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ ทุกความต้องการของคุณด้วยพื้นที่ส่วนกลางล้ำสมัย อย่าง โถง Lobby Hybrid Lift, Fitness, Co-Working Space, สระว่ายน้ำ, สวนลอยฟ้า, โฮมเธียเตอร์ และ Jogging Track ยาว 200 เมตรให้ทุกคนมีความสุขและสะดวกสบายแบบ 360 องศา


บริเวณหน้าโครงการยังมี Sky Walk เชื่อมกับ Community Mall ที่หลากหลายไปด้วยร้านอาหาร, Shopping Mall, ร้านกาแฟ และไฮเปอร์มาเก็ตให้เราผ่อนคลายก่อนเข้าสู่ห้องพักอาศัยได้ตลอดเวลา


นอกจากนี้ รอบโครงการ Rich Park Terminal @ Laksi ยังรายล้อมด้วยแหล่งไลฟ์สไตล์, แลนด์มาร์ก และสถานที่สำคัญต่าง ๆ มากมาย ที่ช่วยเพิ่มศักยภาพทำเล และมูลค่าโครงการให้สูงขึ้นได้อีกในอนาคต สอบถามรายละเอียดโทร 1434 หรือเข้าชมห้องตัวอย่างได้ที่ Sale Gallery โครงการ RICH PARK TERMINAL @ LAKSI ทุกวันจันทร์ - วันอาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 9.00 - 19.00 น.


สนใจสามารถลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ
‘โปรแรงแซงร้อน'
ได้ก่อนใคร http://bit.ly/2VTrNUM




เรื่องราวต่อจากนี้จะเป็นอย่างไร...?

Related Stories

Esto Talks

See All >

Living out loud

Living out loud : VANA RESIDENCE พระราม 9 - ศรีนครินทร์