รวมหลักฮวงจุ้ยเชิงวิทยาศาสตร์ แต่งห้องทั้งทีต้องใช้งานได้จริง
19 October 2563
ฮวงจุ้ย ถือเป็นศาสตร์และปรัชญาแขนงหนึ่งของชาวจีน ที่ว่าด้วยการจัดวางและกำหนดตำแหน่งที่ตั้งอันเหมาะสมสำหรับสิ่งต่าง ๆ รอบตัว โดยชาวจีนเชื่อหลักฮวงจุ้ยสามารถช่วยให้ชีวิตเจริญรุ่งเรืองขึ้นได้
อย่างไรก็ตามหลายคนอาจจะเคยคิดว่าฮวงจุ้ยเป็นศาสตร์ที่งมงายและยึดถือแต่หลักความเชื่อที่ไม่สามารถพิสูจน์อะไรได้ แต่ในความจริงแล้วหลักฮวงจุ้ยมีพื้นฐานมาจากการสังเกตและเรียนรู้เช่นเดียวกันกับหลักการทางวิทยาศาสตร์ และบางผลลัพธ์ที่หลักฮวงจุ้ยบอกก็สามารถพิสูจน์ได้จริงอีกด้วย
ดังนั้นในวันนี้ทางเรา Estopolis ก็จะมาแชร์หลักฮวงจุ้ยเชิงวิทยาศาสตร์สำหรับการแต่งบ้านที่สามารถพิสูจน์และนำไปใช้งานได้จริง ถ้าอยากรู้ว่าจะมีอะไรบ้างก็ตามมาดูกันได้เลย
หลักฮวงจุ้ยเชิงวิทยาศาสตร์: ไม่ควรแต่งห้องนอนด้วยสีโทนแดง
ตามหลักฮวงจุ้ยห้องนอนนั้นถือเป็นห้องที่มีความสำคัญอย่างมาก เพราะเป็นห้องที่ผู้อยู่อาศัยต้องใช้ชีวิตอยู่นานที่สุดในแต่ละวัน ตามปกติแล้วหลักฮวงจุ้ยจะเลือกสีห้องนอนตามธาตุ โดยเชื่อกันว่าธาตุแต่ละธาตุจะช่วยเสริมพลังงานด้านต่าง ๆ ให้ผู้อาศัยขณะกำลังนอนหลับ
ซึ่งสีที่ต้องห้ามสำหรับฮวงจุ้ยห้องนอนเลยก็คือสีประจำธาตุไฟอย่างสีโทนแดง ส้ม ชมพู และม่วง เพราะถึงแม้ว่าสีแดงจะเป็นสีมงคลตามความเชื่อของชาวจีน แต่ในหลักฮวงจุ้ยห้องนอนเชื่อว่าสีธาตุไฟเป็นสีที่ให้พลังงานความร้อนและกระตุ้นการทำงานของร่างกาย ส่งผลให้ผู้อาศัยนอนหลับยากหรือหลับไม่สบาย
ซึ่งถ้าหากมองในเชิงวิทยาศาสตร์ตามหลักจิตวิทยาสีที่มีการวิจัยกันมา สีโทนแดงนั้นเป็นสีที่มีอิทธิพลต่อการหลั่งสารอะดรีนาลีนของร่างกาย ทำให้การเต้นของหัวใจและความดันโลหิตสูงขึ้น ช่วยให้รู้สึกกระตือรือร้น กระฉับกระเฉง และทำให้นอนหลับได้ยาก ดังนั้นหลักฮวงจุ้ยห้องนอนที่ว่าไม่ควรตกแต่งด้วยสีโทนแดง จึงเป็นหนึ่งในหลักฮวงจุ้ยเชิงวิทยาศาสตร์ที่สามารถพิสูจน์ได้นั่นเอง
หลักฮวงจุ้ยเชิงวิทยาศาสตร์: พื้นห้องน้ำห้ามสูงกว่าหรือสูงเท่ากับพื้นห้อง
ตามหลักฮวงจุ้ยห้องน้ำนั้น ระดับพื้นห้องน้ำต้องห้ามสูงกว่าระดับพื้นห้อง โดยพื้นห้องน้ำควรจะอยู่ต่ำกว่าเล็กน้อยเพื่อป้องกันไม่ให้น้ำจากห้องน้ำซึ่งตามหลักฮวงจุ้ยถือว่าเป็นพลังงานด้านลบไหลซึม หรือกระฉอกเข้าสู่ห้องอื่น ๆ อย่างไรก็ตามในเชิงวิทยาศาสตร์น้ำทำให้เกิดความชื้น ซึ่งความชื้นจากน้ำในห้องน้ำที่กระฉอกหรือไหลซึมออกมาสู่ห้องอื่น ๆ อาจก่อให้เกิดเชื้อราและการสะสมของแบคทีเรีย ถ้าหากผู้อยู่อาศัยมีภูมิคุ้มกันไม่แข็งแรงก็จะส่งผลให้มีอาการป่วยไข้ได้นั่นเอง
หลักฮวงจุ้ยเชิงวิทยาศาสตร์: ห้องครัวไม่ควรอยู่ติดกับห้องน้ำหรือมีประตูตรงกัน
ในทางหลักฮวงจุ้ยห้องครัวและห้องน้ำนั้นไม่ควรอยู่ติดกันหรือไม่ควรมีประตูตรงกัน เนื่องจากห้องทั้งสองห้องนี้มีความเป็นปรปักษ์ในเชิงธาตุต่อกัน โดยห้องครัวคือธาตุไฟส่วนห้องน้ำคือธาตุน้ำ ซึ่งตามหลักฮวงจุ้ยธาตุไฟจะแพ้น้ำทำให้ห้องครัวโดนพลังงานจากห้องน้ำบดบัง และหลายคนคงจะทราบดีว่าห้องน้ำเป็นศูนย์รวมของพลังงานด้านลบ เนื่องจากเป็นที่กักเก็บของเสีย สิ่งสกปรก และเชื้อโรค
ดังนั้นเมื่อพลังงานจากห้องน้ำมีอิทธิพลเหนือห้องครัวก็จะส่งผลให้พลังงานด้านลบแผ่กระจายออกมาสู่ตัวบ้านทำให้ผู้อาศัยมีปัญหาด้านสุขภาพตามมา อย่างไรก็ตามถ้าหากมองในเชิงวิทยาศาสตร์ที่ตัดเรื่องธาตุและพลังงานออกไปการที่ห้องน้ำอยู่ติดกับห้องครัวอาจจะก่อให้เกิดกลิ่นไม่พึงประสงค์ ซึ่งถ้าบ้านไหนใช้ห้องครัวเป็นห้องรับประทานอาหาร กลิ่นไม่พึงประสงค์เหล่านี้จะไปลดความอยากอาหารทำให้ผู้อาศัยรู้สึกไม่อยากกินอะไร
นอกจากนี้ด้วยความที่ห้องน้ำเป็นแหล่งสะสมแบคทีเรียและเชื้อโรครวมถึงเป็นที่อยู่ของแมลงสาบที่อาจเดินมาตามท่อ การที่มันอยู่ติดกับห้องเตรียมอาหารอย่างห้องครัว ก็อาจจะทำให้สิ่งสกปรกและเชื้อแบคทีเรียมาปนเปื้อนกับอาหาร และส่งผลให้เกิดโรคภัยไข้เจ็บกับคนในบ้านถ้าหากไม่มีการรักษาความสะอาดอย่างดี
หลักฮวงจุ้ยเชิงวิทยาศาสตร์: อ่างล้างจานไม่ควรอยู่ติดกับเตา
สำหรับครอบครัวที่ซื้อบ้านหรือคอนโดที่มีครัวแบบ Built-in จะสังเกตได้ว่าโดยส่วนมากครัวแบบนี้จะมาพร้อมอ่างล้างจานที่อยู่ติดหรืออยู่ใกล้กับเตาทำอาหาร ซึ่งในทางหลักฮวงจุ้ยจะถือว่าอ่างล้างจานคือธาตุน้ำส่วนเตาไฟคือธาตุไฟ ทำให้ทั้งสองสิ่งนี้มีความเป็นปรปักษ์ในเชิงธาตุต่อกัน และอาจส่งผลให้เกิดอุบัติเหตุขึ้นได้ ดังนั้นในหลักฮวงจุ้ยจึงแนะนำว่าไม่ควรให้ทั้งสองสิ่งนี้อยู่ใกล้กัน ซึ่งถ้าเราลองมองความเชื่องมงายให้เป็นหลักฮวงจุ้ยเชิงวิทยาศาสตร์เหตุผลที่ไม่ควรให้อ่างล้างจานอยู่ติดกับเตาไฟ ก็เพราะเวลาที่เราล้างจานหรือล้างผักอาจจะมีน้ำกระเด็นหรือหกลงไปโดนแผงวงจรของเตาไฟฟ้าและทำให้เตาไฟฟ้าเสียหรือในกรณีร้ายแรงก็อาจจะเกิดอุบัติเหตุที่ไม่คาดคิดได้นั่นเอง
และทั้งหมดนี้ก็คือหลักฮวงจุ้ยเชิงวิทยาศาสตร์ ที่ทั้งช่วยสร้างพลังบวกและไม่ได้เป็นแค่ความเชื่องมงายเพียงอย่างเดียว ซึ่งทาง Estopolis ก็หวังว่าข้อมูลตรงนี้จะเป็นประโยชน์ให้กับผู้ที่กำลังศึกษาหลักฮวงจุ้ยหรือกำลังอยากจะตกแต่งบ้านเพิ่มเติม อย่างไรก็ตามต้องย้ำกันอีกครั้งว่าหลักฮวงจุ้ยนั้นสามารถช่วยสร้างความสบายใจให้กับผู้อยู่อาศัย แต่แน่นอนว่ามันไม่ใช่กฏตายตัวที่จะนำมาตัดสินและกำหนดโชคชะตาให้ได้ดังใจนั่นเอง