พาส่อง 4 เทรนด์สร้างบ้านมาแรงยุค 4.0 ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์
18 February 2561
สมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน จับเทรนด์ธุรกิจสร้างบ้านมาแรงปี 61 บ้านรักษ์โลก , บ้าน 3เจนเนอเรชั่น ,บ้านครอบครัวขยาย และInnovative Living บ้านอัจฉริยะ
กระแสความเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของเทคโนโลยีและนวัตกรรมต่างๆได้เข้ามามีบทบาทอย่างมากเทรนด์สร้างบ้าน เป็นไปตามการเปลี่ยนแปลงของปัจจัยแวดล้อมต่างๆ ทั้งจากสภาพภูมิอากาศ รวมถึงโครงสร้างประชากรศาสตร์ของประเทศไทย ที่กำลังก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ (Aging Society) ปัจจุบันประเทศไทยมีสัดส่วนประชากรสูงวัยที่มีอายุ 60 ปี ขึ้นไป มากที่สุดในอาเซียน โดยคิดเป็น 10% ของประชากรทั้งหมด
การสร้างบ้านที่มีสมาชิกครอบครัวเป็นผู้สูงอายุจึงต้องออกแบบและปรับเปลี่ยนรายละเอียดต่างๆ เพื่ออำนวยความสะดวก ทั้งหมดล้วนเป็นปัจจัยต่อเทรนด์การสร้างบ้านเปลี่ยนแปลงไปยุค 4.0
ทั้งนี้ เห็นได้จากข้อมูลจากฝ่ายวิชาการสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน ปัจจุบันกลุ่มผู้ที่ต้องการสร้างบ้านได้เปลี่ยนจากกลุ่มที่มีอายุ 45-60 ปี เป็นกลุ่มคนอายุต่ำกว่า 40 ปีมากขึ้น และมีแนวโน้มสร้างบ้านด้วยตัวเองมากยิ่งขึ้น
ทั้งนี้ เพื่อต้องการแบบบ้านที่แสดงถึงอัตลักษณ์และตอบสนองความต้องการพื้นฐานในชีวิตประจำวัน
ดังนั้น เทรนด์การสร้างบ้านจึงเริ่มปรับเปลี่ยนไป และสำหรับในปี 2561 คาดว่าเทรนด์แบบบ้านที่ลูกค้ายุค 4.0 ต้องการ จะมี 4 เทรนด์หลัก ได้แก่
1. Eco Friendly แบบบ้านประหยัดพลังงานและรักษ์โลก
เป็นบ้านที่มีจุดประสงค์หลักเพื่อลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานและใช้ทรั พยากรธรรมชาติอย่างคุ้มค่าโดยไม่ส่งผลเสียต่อสิ่งแวดล้อม บ้านลักษณะนี้ถูกออกแบบให้โปร่ง โล่ง สบายเพื่อรับลมและความเย็นจากธรรมชาติ และป้องกันความร้อนที่สะสมในบ้าน โดยทั่วไปการออกแบบบ้านลักษณะนี้จะเน้นวิถีทางธรรมชาติ แต่ต้องผสมผสานการออกแบบที่เตรียมสำหรับการทำให้เกิดความเย็ นด้วยการพึ่งเทคโนโลยี โดยอาจติดตั้งเทคโนโลยีเพื่อช่วยประหยัดพลังงาน หรือติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์เพื่อเก็บเป็นพลังงานทดแทน
2. Cluster บ้าน 3 เจนเนอเรชั่น
จัดเป็นบ้านสำหรับผู้สูงอายุที่เป็นปู่ย่า ตายาย อาศัยอยู่ร่วมกันกับบ้านลูก บ้านหลาน ในพื้นที่เดียวกันหรือหลังเดียวกัน โดยมีการแบ่งพื้นที่ใช้สอยเป็นสัดส่วน และใช้พื้นที่ส่วนกลางร่วมกัน สร้างความสัมพันธ์กันอย่างอบอุ่น เป็นบ้านผู้สูงอายุที่ไม่โดดเดี่ยว
3.บ้านแบบครอบครัวขยาย Multi Family หรือบ้านหลายหลังในพื้นที่เดียวกัน
ด้วยความนิยมแบบไทยและการมองถึงประโยชน์ร่วมของการอยู่รวม กันแบบเป็นครอบครัวใหญ่ บ้านแบบนี้มักมีลักษณะอยู่อาศัยแบบหลายครอบครัว ซึ่งขยายพื้นที่ใช้สอยออกไปได้ทั้งไปแนวสูงหรือแนวกว้าง แล้วแต่ขนาดของที่ดิน แยกเป็นบ้านของพ่อแม่ ลูกชาย ลูกสาว หรือพี่น้อง ที่ตัดสินใจสร้างบ้านพักอาศัยอยู่บนพื้นที่เดียวกัน แต่ยังคงความเป็นส่วนตัว รวมทั้งมีส่วนบริการ สันทนาการร่วมกัน เช่น สระว่ายน้ำ ห้องทานอาหาร ฟิตเนส หรือสวนของบ้านนั่นเอง
4.Innovative Living บ้านอัจฉริยะ
ทุกบ้านจะใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ในการอำนวยความสะดวกสำหรับการอยู่อาศัย โดยคาดว่าในอีก 2-3 ปีข้างหน้า บ้านที่สร้างใหม่ทุกหลังจะเริ่มปรับเปลี่ยนรูปแบบบางอย่าง เช่น สามารถสั่งการด้วยเทคโนโลยี หรือ Gesture Control สั่งการด้วยเสียง เช่น เปิด-ปิดไฟฟา ผ้าม่าน เครื่องปรับอากาศ เป็นต้น
บ้าน นับเป็นสถาปัตยกรรมที่มีการปรับเปลี่ยน การพัฒนาอยู่ตลอดเวลา ทั้งในแง่การออกแบบ วัสดุที่ใช้ก่อสร้างและตกแต่ง และเทคโนโลยีในการก่อสร้าง แต่ทั้งนี้ ก็ย่อมขึ้นอยู่กับความต้องการของผู้อยู่อาศัยเป็นหลัก