รวมอุปกรณ์ภายในห้องครัว ที่จะช่วยให้คุณสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น
13 May 2563
สำหรับใครที่กำลังมีแผนกำลังจะรีโนเวทหรือทำห้องครัวใหม่ในช่วงนี้ และยังนึกไม่ออกว่าจะเนรมิตห้องครัวให้ออกมาในรูปแบบไหนอยู่ละก็ วันนี้ Esto มีไอเดียการออกแบบห้องครัว พร้อมกับอุปกรณ์ที่จำเป็น ที่จะช่วยให้ช่วยอำนวยความสะดวกสบายภายในห้องครัว ของเพื่อน ๆ มากยิ่งขึ้น จะมีอะไรน่าสนใจ ตามพวกเราเข้ามาหาคำตอบพร้อมกันได้เลย
ภายในห้องครัว ควรมีอุปกรณ์อะไรบ้าง?
ก่อนจะพาไปรู้จักกับอุปกรณ์ที่จำเป็นภายในห้องครัว เราอยากจะแชร์ไอเดียการออกแบบและการจัดห้องครัวกันก่อน อันดับแรกเลย คือ เพื่อน ๆ ต้องรู้ว่าขนาดห้องครัวของเรา เหมาะสำหรับการจัดประเภทชุดครัวแบบไหน ซึ่งตามหลักการออกแบบภายในแล้ว ประเภทของชุดครัวสามารถแบ่งออกได้ 4 ประเภทหลัก ได้แก่ ครัวประเภท I-Shape, ครัวประเภท L-Shape, ครัวประเภท U-Shape และครัวประเภท Island
ซึ่งชุดครัวที่เหมาะสำหรับห้องครัวที่มีพื้นที่จำกัดภายในคอนโด, อพาร์ตเมนต์ หรือหอพักขนาดเล็กเอง รูปแบบชุดครัวประเภท I-Shape และ L-Shape น่าจะตอบโจทย์และมีความเหมาะสมมากที่สุดทั้งขนาด รวมถึงฟังก์ชันการใช้งาน ส่วนชุดครัวประเภท U-Shape และ Island จะเหมาะกับพื้นที่ที่มีขนาดกว้างขึ้นมาอีก อย่าง คอนโดที่มีขนาด 35 ตร.ม. ขึ้นไป หรือบ้านพักอาศัยขนาดกลาง เป็นต้นฯ
เมื่อเราเลือกประเภทของชุดครัวให้ลงตัวกับขนาดพื้นที่แล้ว สิ่งที่ควรนึกถึงต่อมา คือ อุปกรณ์ที่ควรมีภายในห้องครัว โดยมาตรฐานทั่วไปแล้วประกอบด้วย เตาทำอาหาร, ตัวดูดควัน, ซิงก์ล้างจาน และไมโครเวฟ
เตาทำอาหาร
อุปกรณ์ที่ขาดไม่ได้ภายในห้องครังได้แก่ ‘เตาทำอาหาร’ เป็นอุปกรณ์หลักที่ทุกห้องครัวต้องมี จะเป็นในรูปแบบเตาแก๊ส หรือ ระบบไฟฟ้าก็ตาม ซึ่งในปัจจุบันนิยมการใช้เตาประเภทแม่เหล็กไฟฟ้ามากขึ้น เนื่องจากสะดวกสบาย ง่ายต่อการบำรุงรักษา และมีราคาไม่สูงมากเมื่อเทียบกับเตาแก๊ซแบบเดิม ที่มีขั้นตอนที่ยุ่งยากและมีความปลอดภัยที่น้อยกว่า
- เตาทำอาหารระบบแก๊ส : หรือที่เรียกกันติดปากว่า ‘เตาแก๊ส’ ซึ่งเป็นระบบเตาทำอาหารรูปแบบเดิมที่เราคุ้นชินตั้งแต่อดีตมาจนถึงปัจจุบัน โดยระบบการทำงานจะเป็นการใช้เตาแก๊สจุดเข้ากับตัวเตาทำอาหาร เพื่อให้เกิดประกายไฟ ทำให้อาจก่อให้เกิดความยุ่งยากในการใช้งานหลายขั้นตอน รวมถึงมีความปลอดภัยค่อนข้างต่ำ
- เตาทำอาหารแม่เหล็กไฟฟ้า : หรือ ‘เตาไฟฟ้า’ เป็นระบบเตาสำหรับทำอาหารรูปแบบใหม่ ที่ถูกพัฒนามาจากเตาแก๊สรูปแบบเดิม โดยวิธีการทำงานของเตาไฟฟ้าจะใช้แม่เหล็กไฟฟ้าเป็นตัวกำเนิดความร้อน โดยสามารถปรับระดับความร้อนได้ถึง 300 องศา ข้อดีคือสามารถควบคุมความร้อนได้แม่นยำ และมีความปลอดภัยสูง
ที่ดูดควัน
ในอดีตเราจะเห็นว่าการระบายอากาศภายในห้องครัว มักจะเลือกใช้พัดลมระบายอากาศติดบริเวณผนังของห้องครัว เพื่อระบายกลิ่นและควันจากการปรุงอาหารออกไปยังด้านนอก แต่ปัจจุบันได้มีการพัฒนา ‘เครื่องดูดควัน (Hood)’ ให้สามารถใช้งานได้หลากหลายมากยิ่งขึ้น ทั้งในพื้นที่ห้องครัวมีขนาดเล็กอย่างบนคอนโด, อพาร์ตเมนต์หรือหอพัก รวมไปถึงห้องครัวภายในบ้านพักอาศัยที่มีขนาดใหญ่ด้วยเช่นกัน
- โดยระบบการทำงานของเครื่องดูดควัน สามารถแบ่งระบบการทำงานได้ 2 ส่วนด้วยกัน โดยส่วนที่หนึ่งเรียกว่า ระบบเครื่องดูดควันแบบต่อท่อออก (Duct-out) ซึ่งจะทำหน้าที่ในลักษณะ การต่อท่อจากเครื่องดูดควันออกไปยังด้านนอกของตัวอาคาร เพื่อให้สามารถระบายควันได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งเราจะเห็นระบบนี้ได้จากห้องครัวของร้านอาหารขนาดเล็กและขนาดกลาง
- และระบบต่อมาคือ ระบบเครื่องดูดควันแบบหมุนเวียน (Recirculating) โดยระบบนี้เองจะมีความต่างจากระบบแรกอยู่พอสมควร เนื่องจากระบบสามารถดูดทั้งควันและกลิ่นออกได้ในเวลาเดียวกัน ผ่านตัวกรอง Charcoal Filter ภายในตัวเครื่อง จากนั้นจึงทำการฟอกอากาศบริสุทธิ์ขึ้นมาทดแทน เพื่อให้หมุนเวียนอยู่ภายในห้องครัว ซึ่งระบบเครื่องดูดควันประเภทนี้มักใช้กับห้องครัวภายในคอนโด
ซิงก์ล้างจาน
มาต่อกันอีกหนึ่งอุปกรณ์ที่ขาดไม่ได้ภายในห้องครัวกับ ‘ซิงก์ล้างจาน’ เนื่องจากทุกครั้งที่เราปรุงอาหาร หรือทานอาหารเสร็จ ต้องมีการทำความสะอาด ดังนั้นการเลือกซิงก์ล้างจานที่ได้มาตรฐาน ทั้งขนาด รูปทรง และวัสดุ จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่ง และบวกกับซิงก์ล้างจานที่ต้องใช้งานภายในพื้นที่จำกัดอย่าง คอนโด, อพาร์ตเมนต์หรือหอพักด้วยแล้ว ต้องพิถีพิถันมากเป็นพิเศษ
เพราะหากเลือกซิงก์ล้างจานที่ไม่ได้มาตรฐานอาจก่อให้เกิดปัญหาตามมาในระยะยาว ทั้งเรื่องของการผุกร่อน การรั่วซึม และอื่น ๆ อีกมากมาย ดังนั้นสิ่งที่ควรพิจารณาประกอบด้วย รูปทรง และขนาดของอ่างล้างจาน ควรจะเลือกอ่างล้างจานที่มีขนาดหลุมล้าง อย่างน้อย 2 หลุม เพราะสามารถล้างหรือแช่ผักใน 1 หลุม และสามารถล้างอุปกรณ์ต่าง ๆ
แต่หากห้องครัวไหนที่มีเคาน์เตอร์ท็อปขนาดเล็ก อาจเลือกใช้อ่างล้างจานที่มีหลุมล้าง 1 หลุมใหญ่ ไม่มีที่พักจาน หรืออ่างล้างจาน 1 หลุมครึ่งมีที่พักก็ได้เช่นกัน นอกจากนั้นแล้วสิ่งที่ควรพิจารณาอีกหนึ่งอย่าง คือการเลือกวัสดุประเภทสแตนเลสสตีลและโลหะเคลือบ ซึ่งจะมีข้อดีคือทนทาน ทนต่อรอยขีดข่วน รับน้ำหนักได้ดี และที่สำคัญสามารถตกแต่งให้เข้ากับหน้าบานเคาน์เตอร์ได้หลายสไตล์
ไมโครเวฟ
สำหรับอุปกรณ์ไฟฟ้าอย่าง ‘ไมโครเวฟ’ ถ้าจะให้พูดว่าจำเป็นต้องมีติดไว้ภายในห้องครัวหรือไม่ ต้องตอบว่า ไม่มีก็ได้ แต่มีไว้จะดีกว่าโดยเฉพาะ คอนโด, อพาร์ตเมนต์และหอพัก เนื่องจากพฤติกรรมการปรุงอาหารในปัจจุบัน เน้นความสะดวก รวดเร็ว และแน่นอนว่าไมโครเวฟเองสามารถตอบโจทย์เรื่องเหล่านั้นได้อย่างงลงตัว
โดยหลักทั่วไปแล้ว ประเภทของไมโครเวฟสามารถแบ่งออกได้ 2 ประเภทหลักคือ แบบไมโครเวฟเพียงอย่างเดียว และ แบบไมโครเวฟและอุปกรณ์ทำความร้อน (เตาอบ)
ซึ่งไมรโครเวฟทั้ง 2 ชนิดจะมีรูปแบบการทำงานด้วยคลื่นความร้อนที่มีความถี่สูงเฉลี่ย 2,450 ล้านรอบต่อวินาที ซึ่งมีระบบสำคัญของการกระจายความร้อนอยู่ที่หลอดแม็กนิตรอน ซึ่งเป็นตัวเปลี่ยนพลังงานให้เกิดคลื่นความร้อนที่เรียกว่า ‘ไมโครเวฟ’ นอกจากนั้นแล้วการเลือกไมรโครเวฟให้เหมาะกับการใช้งาน ควรเลือกขนาดความจุให้สอดคล้องกับระดับพลังงาน และราคา โดยให้สังเกตความจุที่ 17-33 ลิตร และมีระดับพลังงานตั้งแต่ 660-1,450 วัตต์ ซึ่งถือเป็นขนาดความจุมาตรฐานนั่นเอง
หวังว่าไอเดียการออกแบบพร้อมกับการเลือกอุปกรณ์ภายในห้องครัว จะเป็นอีกหนึ่งไอเดียที่ช่วยให้เพื่อนๆที่กำลังสับสนในการออกแบบห้องครัวของตัวเองอยู่ ได้มองเห็นวิธีและตัวเลือกต่างๆที่ชัดเจนมากยิ่งขึ้น