ครบทุกมุม! เผยค่าใช้จ่ายคอนโดมือสองที่ควรรู้ก่อนตัดสินใจซื้อ
8 November 2560
ตอบทุกคำถาม! เผยค่าใช้จ่ายคอนโดมือสองที่ควรรู้ก่อนตัดสินใจซื้อ ตั้งแต่ก่อนกู้ธนาคาร ไปจนถึงหลังโอน
ในยุคสมัยที่มีแต่ความเร่งรีบเช่นนี้ คอนโดจึงตอบโจทย์คนเมืองมากที่สุด โดยเฉพาะคอนโดตามแนวรถไฟฟ้าที่สร้างความสะดวกสบายให้กับคนทำงานเป็นอย่างมาก แต่ก็ใช่ว่าพนักงานกินเงินเดือนจะสามารถเป็นเจ้าของคอนโดมือหนึ่งใหม่กิ๊กได้กันทุกคน เพราะด้วยภาระค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ทำให้ต้องมองตัวเลือกรองลงมา นั่นคือ 'คอนโดมือสอง' แน่นอนว่าราคาอาจจะถูกกว่าจองกับทางโครงการเอง แต่ทั้งนี้รู้หรือไม่ว่าอาจจะมีค่าใช้จ่ายรายละเอียดปลีกย่อยที่รวม ๆ แล้วอาจจะมากกว่าด้วยซ้ำ ซึ่งวันนี้ทางเรา Estopolis ก็มีข้อมูลเกี่ยวกับ 'ค่าใช้จ่ายคอนโดมือสอง' มาฝากกันด้วย เพื่อนำไปใช้ประกอบการพิจารณาในการตัดสินใจซื้อ
1. เงินส่วนต่างของคอนโดมือสองที่ต้องจ่าย
ในกรณีที่กู้ผ่านแบงค์ผู้ซื้อจะสามารถกู้ธนาคารได้เพียงแค่ 60 - 80% เท่านั้น และแน่นอนค่าใช้จ่ายคอนโดมือสองที่เราต้องจ่ายเองส่วนแรกคือส่วนต่าง 20% ที่ธนาคารปล่อยกู้ให้เราไม่ครบ ยังไงก็ตามโดยทั่วไปแล้วผู้ยื่นกู้มักจะใส่เกินราคาซื้อขายเพื่อให้ใน 20% นั้นจ่ายลดลง แต่ในบางรายก็ไม่สามารถยื่นกู้ได้ ฉะนั้นควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินก่อนซื้อ ว่ารายรับ รายจ่าย และหนี้สินที่มีสามารถยื่นกู้ได้หรือไม่ แต่หากทำเรื่องกู้ได้ก็ควรเตรียมเงินเผื่อไว้ด้วยเพราะบางทีอาจจะกู้ได้ไม่ถึง 80%
2. ค่าโอนกรรมสิทธิ์ของคอนโดมือสอง
ค่าใช้จ่ายคอนโดมือสองในส่วนนี้จะคิดราคาอยู่ที่ 2% จากราคาเต็ม โดยทั่วไปแล้วตามสัญญาจะต้องแบ่งจ่ายกันคนละครึ่งระหว่างผู้ขายกับผู้ซื้อ แต่ก็มีบ้างในบางกรณีที่ผู้ขายเป็นฝ่ายจ่ายค่าโอนกรรมสิทธิ์เอง ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะคิดรวมไปในราคาคอนโดแล้ว ฉะนั้นควรศึกษาเรื่องราคาให้ดีว่าถูกหรือแพงกว่าราคาเต็มของโครงการ พึงพอใจมากน้อยแค่ไหนหากว่าพอใจกับการที่จ่ายแพงกว่าแต่ไม่ต้องมาเสียค่าโอนกรรมสิทธิ์อีกก็ควรตกลงใจทำสัญญา
3. ค่าภาษีธุรกิจ อีกหนึ่งค่าใช้จ่ายคอนโดมือสองที่ควรรู้
มาตรฐานค่าภาษีธุรกิจอยู่ที่ 3% ซึ่งตามกฎหมายได้ระบุไว้ว่าผู้ขายเป็นคนจ่าย ยังไงก็ตามบางครั้งในสัญญาก็ให้ผู้ซื้อจ่ายหรือแบ่งจ่ายกันคนละครึ่ง แต่ส่วนใหญ่จะรวมค่าภาษีธุรกิจไปกับค่าคอนโดแล้ว ซึ่งค่าใช้จ่ายในส่วนนี้จะไม่เก็บก็ต่อเมื่อผู้ขายถือครองมาเกิน 5 ปี หรือมีชื่อในทะเบียนบ้านในฐานะเจ้าบ้านมาไม่ต่ำกว่า 1 ปี และนี่ก็คือเป็นค่าใช้จ่ายคอนโดมือสองอีกอย่างหนึ่งที่ควรรู้ไว้
4. ค่าใช้จ่ายในการจดจำนองของคอนโดมือสอง 1%
ค่าใช้จ่ายคอนโดมือสองในส่วนนี้หากว่ากู้กับธนาคาร ผู้ซื้อจะต้องจ่ายค่าจดจำนอง 1% ของยอดกู้ด้วยตัวเอง และจะต้องไปจ่ายที่สำนักงานที่ดิน ซึ่งผู้ซื้อควรเตรียมเอกสารต่าง ๆ ไปให้พร้อมจะได้ไม่ต้องเสียเวลากลับมาทำอีกครั้ง นอกจากนี้ยังมีอย่างหนึ่งที่ควรรู้ไว้ นั่นคือ หากทำเรื่องกู้เยอะ ก็จะเสียเงินในส่วนนี้มาก แต่ถ้ากู้ได้น้อยก็จะเสียน้อย ฉะนั้นคำนวณเงินให้ดี เก็บไว้แต่เนิ่น ๆ พอถึงเวลาจะได้มีพอจ่าย
5. ค่าประกันเงินกู้ของคอนโดมือสอง
ชีวิตคนยังต้องมีประกัน คอนโดมือสองก็เช่นกัน ค่าเงินประกันเงินกู้นั้นออกมาเพื่อคุ้มครองบ้าน (รวมถึงคอนโด) และผู้ขอสินเชื่อ ซึ่งเป็นหลักประกันเอาไว้หากว่าผู้ซื้อเกิดเสียชีวิตก่อนที่จะชำระหนี้ครบสัญญา ทางผู้ให้สินเชื่อจะสามารถตรวจสอบเป็นกรณีไป ซึ่งจะดำเนินการตามสิ่งที่เกิดขึ้นจนผู้กู้ไม่สามารถชำระหนี้ได้ ในส่วนนี้ก็จะชดใช้หนี้สินที่เหลือกับสถาบันการเงินที่ผู้ซื้อทำสัญญาไว้ จ่ายแทนผู้กู้ที่เสียชีวิตหรือเป็นบุคคลที่สิ้นสุดสภาพการชำระหนี้ ส่วนมากค่าประกันเงินกู้จะทำระหว่างที่ขอกู้กับสถาบันการเงินต่าง ๆ
6. ค่าประกันสาธารณูปโภคของคอนโดมือสอง
ค่าใช้จ่ายคอนโดมือสองในที่นี้ คือ มิเตอร์ไฟ และมิเตอร์น้ำ ในกรณีที่ผู้ซื้อเดิมทำประกันไว้กับทางโครงการ หากผู้ซื้อรับช่วงต่อก็ต้องจ่ายแทน แต่ถ้าผู้ขายเซ็นโอนให้ก็ไม่จำเป็นต้องจ่าย
ทั้งนี้หากผู้ขายทำเรื่องขอเงินประกันคืน ผู้ซื้อก็จะต้องรับผิดชอบต่อด้วยการจ่ายค่าประกันสาธราณูปโภคเอง โดยวัดตามขนาดแอมป์และจำนวนเฟสของทั้งมิเตอร์น้ำและไฟ
7. ค่าส่วนกลางของคอนโด
ค่าใช้จ่ายส่วนนี้ผู้ซื้อไม่จำเป็นต้องเสีย เพราะเป็นค่าใช้จ่ายรายเดือนของผู้ขายที่ต้องรับผิดชอบเดือนต่อเดือน ซึ่งหากจ่ายไม่ครบก็ไม่สามารถขายต่อได้ ทว่าก็มีบางกรณีเช่นกันที่ผู้ขายค้างจ่ายไว้หลายเดือนเลยนำเงินส่วนนี้มาคิดรวมกับค่าคอนโดเพื่อให้ผู้ซื้อเป็นผู้รับผิดชอบอย่างไม่รู้ตัว แต่ส่วนที่ไม่ต้องจ่ายแน่ ๆ คือค่าห้องและค่ากองทุน ซึ่งผู้ขายจ่ายไปแล้วในครั้งแรกที่โอนห้องโดยเจ้าของแรกเป็นผู้จ่าย
8. ค่าใช้จ่ายคอนโดมือสองในส่วนการตกแต่ง
แน่นอนว่านี่คือค่าใช้จ่ายคอนโดมือสองที่ผู้ซื้อจะต้องออกเองทั้งหมด การซื้อขายห้องคอนโดมือสองส่วนใหญ่จะเป็นห้องว่าง ๆ ซึ่งหากว่าไปเจอห้องที่สภาพค่อนข้างเก่า ก็ต้องเสียเงินในการรีโนเวทค่อนข้างมาก ฉะนั้นก่อนซื้อควรตรวจดูภายในห้องให้ถี่ถ้วนท่อน้ำเอย สายไฟเอย อยู่ในสภาพที่ใช้งานได้ดีหรือไม่ รอยร้าวต่าง ๆ มากน้อยแค่ไหน เพื่อประเมินค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุงและตกแต่งเพิ่มเติม
บทความที่เกี่ยวข้อง
ข้อควรรู้เกี่ยวกับการซื้อคอนโดมือสอง