อยากกู้ซื้อคอนโดพ่วงประกันดีหรือไม่
17 July 2560
การแข่งขันเรื่องอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อที่อยู่อาศัยในปัจจุบันนับว่าเป็นการแข่งขันที่สูงมาก หลายธนาคารต่างงัดโปรโมชั่นเด็ดต่างๆ นานา มาช่วยกระตุ้นให้ลูกค้าเลือกใช้บริการสินเชื่อกับธนาคารของตน แน่นอนว่าผู้กู้ซื้อคอนโดจะเลือกขอสินเชื่อกับธนาคารที่ให้ข้อเสนออัตราดอกเบี้ยในเกณฑ์ที่ดี ให้วงเงินสูง และเงื่อนไขน่าสนใจอยู่แล้ว แต่ถ้าผู้กู้ซื้อคอนโดสังเกตดีๆ จะพบว่าสินเชื่อที่อยู่อาศัยของธนาคารเดียวกัน แต่ยังมีโปรลับที่พนักงานต่างเสนอขายกันสุดฤทธิ์เพื่อแลกกับอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำกว่าปกติ เพียงแค่ทำประกันชีวิตคุ้มครองวงเงินสินเชื่อ (MRTA) วันนี้ Estopolis จะชวนคุณมารู้จักประกัน MRTA กัน
รู้จัก MRTA กันก่อน
ประกันชีวิตคุ้มครองวงเงินสินเชื่อ (MRTA) หรือ Mortgage Reducing Term Assuracne คือ ประกันชีวิตที่มีจุดประสงค์ในการคุ้มครองผู้ขอสินเชื่อ เพื่อคุ้มครองทรัพย์สินให้กับผู้กู้ (เรา) และผู้ให้กู้ (ธนาคาร) ตามจำนวนเงินทุนประกันและระยะเวลาในการทำประกัน ในช่วงระยะเวลาดังกล่าวหากผู้กู้ซื้อคอนโดเกิดเหตุแก่ชีวิตหรือทุพพลภาพ บริษัทที่รับทำประกันจะรับหน้าที่ในการผ่อนชำระแทนจนกว่าจะครบสัญญาการกู้
ประกัน MRTA แตกต่างกับประกันชีวิตอื่นๆ ยังไง
ประกันชีวิตโดยทั่วไปคือจะคุ้มครองเต็มวงเงินประกันตลอดอายุสัญญา แต่ประกัน MRTA จะลดวงเงินคุ้มครองลงทุกปี จนปีหลังๆ ของการผ่อนวงเงินจะเหลือน้อยมากเนื่องจากเวลาผ่านไปก็จะผ่อนชำระเงินกู้ไปเรื่อยๆ หนี้สินย่อมลดตามมา ดังนั้นความคุ้มครองจึงไม่ต้องเต็มวงเงินอีกต่อไป
เนื่องจากประกัน MRTA ให้ความคุ้มครองสินเชื่อที่อยู่อาศัยซึ่งมีระยะเวลาในกาารผ่อนชำระค่อนข้างนาน ทางบริษัทประกันจึงได้มีข้อเสนอให้กับลูกค้าได้เลือกซื้อเช่นเดียวกัน
ตัวอย่างเช่น
Case A : ซื้อแบบคุ้มครองเต็มวงเงินและตลอดระยะเวลากู้ โดยที่วงเงินกู้ 4 ล้านบาท ระยะเวลากู้ 40 ปี ก็จะได้การคุ้มครองเต็ม 4 ล้าน ในระยะเวลาตลอด 40 ปีเต็ม
Case B : ซื้อแบบความคุ้มครอง 80% ของวงเงินกู้ และ 80% ของระยะเวลากู้ ก็จะได้รับความคุ้มครองวงเงิน 3.2 ล้านบาท เป็นระยะเวลา 32 ปีแรกนั่นเอง
ได้รับความคุ้มครองอะไรจากประกัน MRTA บ้าง
วัตถุประสงค์หลักของประกัน MRTA คือมุ่งเน้นในการผ่อนชำระสินเชื่อแทนผู้เอาประกัน ในกรณีที่เจ็บป่วยจนเสียชีวิตหรือเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ หรือผู้เอาประกันไม่ได้เสียชีวิตแต่เป็นบุคคลทุพพลภาพถาวรจึงไม่สามารถผ่อนชำระต่อไปได้ บริษัทประกันจะเป็นผู้ผ่อนชำระต่อเอง ทำให้หนี้สินในส่วนนี้ไม่ตกเป็นภาระให้กับคนอื่นๆ ในครอบครัว
ทำประกัน MRTA ลดดอกเบี้ยได้จริงหรอ
ตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่สินเชื่อที่บอกว่าการกู้ซื้อคอนโดพร้อมทำประกัน MRTA จะลดอัตราดอกเบี้ยให้ต่ำกว่าลูกค้าที่ไม่ทำประกันนั้น มีส่วนจูงใจทำให้ลูกค้าตกลงทำประกันได้ง่ายขึ้น โดยมีส่วนต่างอยู่ที่ 0.25% - 0.50% นับว่าช่วยลดดอกเบี้ยได้หลายบาท แต่อย่าลืมว่าเมื่อตกลงทำประกันแล้วก็จะมีการนำเบี้ยประกันเพิ่มไปในวงเงินกู้ด้วย ทำให้เกิดข้อสงสัยว่าการทำประกัน MRTA จะช่วยประหยัดอัตราดอกเบี้ยได้จริงหรือไม่ ?
ไม่ทำประกัน MRTA ได้ไหม
ประกัน MRTA เป็นประกันสินเชื่อแบบสมัครใจ ถึงแม้เจ้าหน้าที่จะแนะนำแกมเชิญชวนว่าถ้าทำประกันแล้วจะได้อัตราดอกเบี้ยที่ดีกว่า แต่ผู้ขอกู้ซื้อคอนโดมีสิทธิ์ที่จะปฎิเสธได้ เพราะทางธนาคารจะมีดอกเบี้ยอยู่ 2 แบบ คือ แบบซื้อประกันและแบบไม่ซื้อประกัน
ประกัน MRTA เป็นประกันสินเชื่อแบบสมัครใจ ผู้ขอกู้ซื้อคอนโดมีสิทธิ์ที่จะปฎิเสธได้
โปะหนี้หมดก่อนกำหนดขอยกเลิกประกันได้ไหม
อย่างที่ผู้ต้องการกู้ซื้อคอนโดทราบกันดีว่าดอกเบี้ยที่อยู่อาศัยยิ่งอยู่นานเบี้ยยิ่งเพิ่มขึ้น วิธีที่ดีที่สุดต้องหาเงินเพื่อปิดหนี้ให้เร็วที่สุดจะดีกว่า ซึ่งท่านใดที่ทำประกัน MRTA ไว้แล้วโปะหนี้ครบก่อนกำหนดสามารถติดต่อบริษัทประกันเพื่อขอเวนคืนเงินประกันที่เหลืออยู่ได้เช่นเดียวกับประกันชีวิตแบบตลอดชีพ
รีไฟแนนซ์จะขอเวนคืนได้รึเปล่า
กรณีรีไฟแนนซ์ผู้กู้ซื้อคอนโดสามารถขอเวนคืนประกันหรือยังคงประกันไว้เพื่อคุ้มครองต่อก็ได้เช่นกัน โดยสามารถเปลี่ยนชื่อผู้รับผลประโยชน์จากธนาคารเก่าเป็นธนาคารใหม่ได้ หากผู้กู้ซื้อคอนโดมีแผนที่จะรีไฟแนนซ์อยู่แล้วอาจจะเลือกทำประกันเพื่อคุ้มครองในระยะเวลาสั้นๆ ไม่จำเป็นต้องคุ้มครองเต็มระยะเวลากู้ ก็จะช่วยประหยัดค่าเบี้ยประกันได้ด้วย
รู้ยัง ประกัน MRTA ลดภาษีได้ด้วยนะ
สำหรับผู้ที่อยากกู้ซื้อคอนโดที่มีเงินได้บุคคลธรรมดาที่ทำประกัน MRTA สามารถใช้สิทธิลดหย่อนภาษีได้ ตามประกาศอธิบดีกรมสรรพพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ ฉบับที่ 172 ประกาศ ณ วันที่ 31 ธ.ค. 2551 โดยต้องมีระยะเวลาประกันตั้งแต่ 10 ปีขึ้นไป ซึ่งการลดหย่อนภาษีสามารถทำได้ในปีแรกของการทำประกันเท่านั้น เนื่องจากประกัน MRTA จะชำระเบี้ยเพียงครั้งเดียวในปีที่ทำประกันนั่นเอง
หากใครที่กำลังจะกู้ซื้อคอนโด และมีความสนใจที่จะทำประกันชีวิต MRTA แนะนำว่าควรพิจารณารายละเอียดการคุ้มครองและเงื่อนไขต่างๆ ให้รอบคอบ รวมถึงเปรียบเทียบกรมธรรม์จากหลายๆ บริษัท จะได้เลือกประกันที่เหมาะสมและตรงความต้องการของเรามากที่สุดก่อนตัดสินใจทำประกัน