จาก อารีย์ถึงพระราม 6 เรื่องราวดีๆ ของไลฟ์สไตล์ที่ลงตัว ตามแบบฉบับคนเมือง
26 March 2562
หากคุณเป็นคนหนึ่งที่ชอบการใช้ชีวิตในเมือง ชอบมองหาความแตกต่างและหลากหลายในแต่ละด้านชีวิตแล้วล่ะก็ ย่านอารีย์ - พระรามหก อาจเป็นคำตอบที่สนองความต้องการเหล่านี้ได้ไม่ยาก เพราะเชื่อว่าหลายคนคงคุ้นหูกับย่านนี้กันมาพอสมควร เพราะมีความโดดเด่นด้านไลฟ์สไตล์ที่ชัดเจน ด้วยเอกลักษณ์ที่หลอมรวมความหลากหลายเข้าไว้ด้วยกัน ทั้งความเป็นย่านเก่าที่พักอาศัย กับความทันสมัยของวิถีคนเมืองได้อย่างกลมกลืน
‘อารีย์’ ขึ้นชื่อความเป็นย่านพักผ่อนแบบ Slow Life สไตล์คนเมืองที่มีมนต์เสน่ห์เป็นเอกลักษณ์ ไม่ว่าใครก็อยากเดินทางมาสัมผัสบรรยากาศของอารีย์ด้วยตัวเองดูสักครั้ง เพราะโซนอารีย์ไม่ได้เป็นแค่ที่ตั้งของคอนโดมิเนียมใจกลางเมือง หรือออฟฟิศชั้นนำสำหรับคนรุ่นใหม่เพียงเท่านั้น แต่ที่นี่ยังมีแหล่งไลฟ์สไตล์อีกมากมาย ทั้งคาเฟ่ที่โดดเด่น ร้านอาหารรสเด็ดทั้งไทยและเทศ ซึ่งทั้งหมดนี้ก็ได้ถูกบรรจุหลอมรวมอยู่ภายในย่านเล็กๆ อย่าง ‘อารีย์’ เรียบร้อยแล้ว
ประเดิมร้านแรกด้วยคาเฟ่สไตล์มินิมอล อย่าง KINTO Exhibit คาเฟ่เล็ก ๆ ที่เป็นมากกว่าร้านขายกาแฟทั่วไป
เพราะที่นี่ยังเป็นเหมือน Exhibit ที่บาริสตาระดับแชมป์ ต่างสับเปลี่ยนหมุนเวียนกันมาแสดงฝีมือ วาดลวดลายบนกาแฟแก้วพิเศษให้เราได้ลิ้มลอง อีกทั้งยังมีสินค้าจำพวกอุปกรณ์ชงชา, กาแฟ และแก้ว Tumbler รูปแบบต่าง ๆ ไว้ขายเอาใจคนรักเครื่องดื่มเป็นพิเศษ
ติดกันเป็น Laliart Coffee อีกหนึ่งคาเฟ่ที่มีกิมมิกเก๋ไม่แพ้ KINTO Exhibit ซึ่งภายในร้านเองก็มีสินค้าจำพวกจาน แก้วเซรามิก และอุปกรณ์ชงกาแฟ ที่ทางร้านเป็นคนออกแบบและลงมือทำด้วยตัวเองขายอยู่ด้วย ส่วนเมนูที่จัดเสิร์ฟก็มีให้ชิมทั้งเบเกอร์รี, เครื่องดื่ม และอาหารมังสวิรัติที่นำเสนอรสชาติแบบ Raw Food เน้นความสดอร่อยจากวัตถุดิบธรรมชาติ โดยไม่ผ่านปรุงแต่งมากนัก
สำหรับขนมยอดนิยมที่หลายคนหลงรักก็ต้องยกให้ Carrot Cake (ราคา 90 บาท) เมนูขายดีที่เล่าต่อกันแบบปากต่อปาก จนทำให้มีคนตามมาลิ้มลอง และแวะเวียนกลับมาทานซ้ำไม่ขาดสาย โดดเด่นด้วยเนื้อเค้กนุ่มฟู รสชาติไม่หวานจัด ก่อนจะเพิ่มรสชาติหวานอมเปรี้ยวด้วยครีมชีสหอมมัน ซึ่งบอกเลยว่า ลงตัวกับความกรุบกรอบของถั่วพิสตาชิโอเป็นอย่างดี ทำให้เค้กแคร์รอตของ Laliart Coffee ขโมยหัวใจคนรักขนมหวานไปได้หลายดวง
อารีย์ ไม่ได้มีดีแค่คาเฟ่ แต่ยังมีร้านอาหารรสเยี่ยมและบาร์บรรยากาศดีอยู่ด้วย
อิ่มอร่อยกับอาหารไทยตำรับคุณหญิงอุดมลักษณ์ ศรียานนท์ ที่ร้าน บ้านแม่ยุ้ย ร้านอาหารสไตล์อบอุ่นเป็นกันเอง ที่มาแบ่งปันความสุขผ่านทางรสชาติอาหารให้ผู้คนได้ลิ้มลอง ทั้งยังแฝงลูกเล่นสนุกๆ อย่างเมนูตามใจเชฟ หรือ Chef Table ที่เปิดโอกาสให้ลูกค้าสามารถนำวัตถุดิบต่าง ๆ มาให้เชฟปรุงให้ทานได้ ส่วนช่วง Weekend อย่างคืนวันศุกร์และเสาร์ ก็จะมีดนตรีสดมาช่วยสร้างบรรยากาศพิเศษให้กับมื้ออาหาร เหมาะจะพาคนในครอบครัว หรือคนที่เรารักมาทานอาหารอร่อย ๆ ในบรรยากาศ cozy แบบนี้
แล้วมาต่อกันที่ Wraptor ร้านอาหารแม็กซิกันชื่อเก๋คล้ายกับพันธุ์ไดโนเสาร์ แต่หาได้มีความสัมพันธ์กับเจ้าไดโนเสาร์ Raptor แต่อย่างใด โดย ‘Wraptor’ ที่ว่านี้จะหมายถึงอาหารประเภทพร้อมทาน ด้านในมีไส้ต่าง ๆ ที่ถูกห่อม้วนไว้ด้วยแป้ง และความพิเศษของร้านนี้ก็ไม่ได้มีดีแค่แรปเท่านั้น แต่ยังมีเมนูอาหารแม็กซิกันอื่น ๆ ให้เลือกทานกันอีกมากมาย รวมไปถึง ‘น้ำผึ้งจากเกสรดอกไม้ป่า’ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งธุรกิจของทางร้านวางขายอยู่ด้วย
- เสน่ห์ของ Wraptor ที่นอกเหนือจากเมนูอาหาร ก็คงต้องยกให้กับบรรยากาศของร้าน ที่แม้จะไม่ได้ใหญ่โตมากนัก แต่กลับให้กลิ่นอายความเท่ มีเอกลักษณ์โดดเด่นทั้งยามกลางวัน และกลางคืน
จากอาหารสไตล์แม็กซิโกก็ลองขยับมาที่สไตล์อิตาเลียนกันบ้าง กับร้านที่มีชื่อว่า Cantina Wine Bar & Italian Kitchen ร้านอาหารอิตาเลียนและไวน์บาร์ โฮมเมด ที่สะดุดตาผู้คนตั้งแต่แรกเห็น ด้วยการตกแต่งร้านที่ใช้ไม้, ถังไวน์ และไม้เลื้อยมาเรียกความสนใจ จนทำให้เราหลงคิดว่ากำลังหลุดเข้าไปเดินอยู่บนถนนของอิตาลีเสียแล้ว
- หากใครอยากลองทานอาหารอิตาเลียน รสมือคุณแม่ชาวอิตาลีแล้วล่ะก็ ขอบอกเลยว่า...พลาดไม่ได้ เพราะแต่ละวัตถุดิบและทุกกรรมวิธีการปรุง ที่นี่เขาใส่ใจทุกจานเหมือนกำลังทำอาหารให้คนที่บ้านทานอย่างไรอย่างนั้น
- ส่วนไวน์ก็เป็นอีกหนึ่งไม้เด็ดของทางร้าน เพราะเขาได้รวบรวมไวน์รสเลิศจากทั่วทุกมุมโลก มาไว้ให้ชิมกันในราคาที่ไม่แพงอย่างที่คิด
ก่อนจะปิดท้ายด้วยร้าน Oh Vacoda Café คาเฟ่สีสันจี๊ดใจวัยรุ่น ซึ่งทุกเมนูที่เสิร์ฟภายในร้านจะมีส่วนผสมของอโวคาโดทั้งหมด! ทั้งเครื่องดื่ม, ของหวาน รวมไปถึงอาหารจานหลัก เรียกว่าเป็นคาเฟ่ที่มีเอกลักษณ์เป็นของตัวเองชัดเจน ด้วยการหยิบเอาความชื่นชอบมาสร้างสรรค์ให้เกิดเป็นเมนูสุดอร่อยได้อย่างไร้ขีดจำกัด และไม่ว่าจะแวะมาช่วงเช้า หรือเติมพลังในช่วงเย็น ที่ Oh Vacoda Café แห่งนี้ก็ยังคงความสดใส จนใครก็ต้องแวะมาเช็กอิน มาหามุมถ่ายภาพลงโซเชียลกันสนุกสนาน
- สำหรับเมนูน่าลองของร้านนี้ขอยกให้ Avocado Lemon Chunk Cheesecake (ราคา 155 บาท) ชีสเค้กเลมอนสอดไส้อโวคาโด สีสันน่ารักสดใส มีรสชาติเปรี้ยว หวาน มันเข้ากันดี จนอยากซื้อกลับไปฝากคนที่บ้านเลยทีเดียว
อารีย์ - พระรามหก 2 ย่านไลฟ์สไตล์ที่แตกต่าง แต่ให้บรรยากาศความสุขได้เหมือนกัน
หากสำรวจต่อไปเรื่อย ๆ เราจะเจอกับถนนเส้นขนานที่อยู่อีกฟากของอารีย์ ซึ่งก็คือ ถนนพระรามที่ 6 ที่มีความ Uniqe ไม่ต่างกันนัก แต่ด้วยบรรยากาศโดยรวมจะค่อนข้างสงบและวุ่นวายน้อยกว่า เมื่อเข้าไปสัมผัสจริงกลับพบว่า บริเวณนี้ได้ซ่อนร้านอาหาร และคาเฟ่บรรยากาศธรรมชาติเอาไว้มากมาย
ถัดจากร้าน Ploy’s Cafe ไปไม่ไกล เราจะพบกับบ้านหลังใหญ่ที่ซ่อนตัวอยู่ใต้เงาไม้สีเขียวร่มรื่น แต่ใครจะรู้ว่าบ้านสีขาวหลังใหญ่ใต้เงาไม้หลังนั้น จะเป็นร้านอาหารจีนเก่าแก่ชื่อดังอย่าง China Place ที่ขึ้นชื่อทั้งเรื่องรสชาติ และความหลากหลายของเมนูที่ถูกปรุงโดยเชฟฝีมือเยี่ยมระดับอินเตอร์ ซึ่ง China Place ยังคงเป็นร้านประจำของใครหลาย ๆ คนที่หลงไหลในรสชาติของอาหารจีนกวางตุ้ง เพราะไม่ว่าจะผ่านมากี่ครั้ง ภายในร้านก็มักจะมีรถจอดเต็มอยู่เสมอ ซึ่งหากใครกำลังมองหาร้านอาหารบรรยากาศร่มรื่น หรูหราตามสไลต์เหลาอยู่ล่ะก็ บอกเลยว่า...ไม่ควรพลาดที่จะเก็บ China Place แห่งนี้ไว้เป็นตัวเลือกด้วยทุกครั้ง
Steve Cafe & Cuisine อีกหนึ่งร้านบรรยากาศดีย่านพระรามที่ 6 ซึ่งจะซ่อนตัวอยู่ในพระราม 6 ซอย 41 เหมาะสำหรับผู้ที่กำลังมองหาร้านอาหารไทยรสชาติดั้งเดิม ภายใต้ความโมเดิร์น
คราวนี้ก็มาถึงทีเด็ดอย่างเมนูอาหารของทางร้านกันบ้าง
- ถ้าใครอยากทานอาหารประเภทยำรสแซ่บ สไตล์ฟิวส์ชัน ขอแนะนำ เมนูลาบแซลมอน (ราคา 210 บาท) ที่มีรสชาติถึงเครื่อง เผ็ดสไตล์ไทย ส่วนตัวแซลมอนก็หั่นมาเป็นชิ้นลูกเต๋าพอดีคำ คลุกเคล้ากับเครื่องลาบจนเข้าเนื้อ บอกเลยว่า ห้ามพลาดด้วยประการทั้งปวง
- ต่อด้วยเมนูผัด รสชาติหอมหวานละมุนอย่าง ใบเหลียงผัดไข่ (ราคา 160 บาท) ที่ยิ่งทานกับข้าวสวยร้อน ๆ ยิ่งลงตัวสุด ๆ และถึงจะเป็นเมนูเรียบง่ายแต่กลับให้รสชาติไม่ธรรมดา แทบจะสั่งกันทุกโต๊ะเลยจริง ๆ
- อีกหนึ่งเมนูรสชาติละมุนก็ต้องยกให้ กุ้งอบไข่นมสด (ราคา 260 บาท) ที่ยกจานเสิร์ฟมาแบบร้อน ๆ กุ้งสดแน่น ไข่นุ่ม เข้ากันดีอย่างไม่น่าเชื่อ
- เมี่ยงคะน้า (ราคา 190 บาท) เมนูสุขภาพที่อยากให้ลอง เครื่องแน่นทั้งกุ้งแห้งทอดกรอบ, กากหมู, มะพร้าวคั่ว, ถั่วลิสง, พริก, ขิง, มะนาว และหอมแดง ก่อนจะห่อด้วยใบคะน้าราดน้ำจิ้ม อร่อยครบรสทั้งเปรี้ยว หวาน มัน เค็ม เมื่อห่อไปทานไปก็หมดจานแบบไม่รู้ตัว
นอกจากนี้ บนถนนอันเงียบสงบอย่างพระราม 6 ยังจะเป็นแหล่งรวมของสถานที่สำคัญ ไม่ว่าจะเป็นกระทรวงการคลัง, สำนักงบประมาณ, การประปานครหลวง, กรมโยธาธิการและผังเมือง, สถาบันมะเร็งแห่งชาติ, องค์การเภสัชกรรม, กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี, กระทรวงอุตสาหกรรม, กระทรวงการต่างประเทศ และกรมทางหลวง ตลอดจนเป็นที่ตั้งของโรงพยาบาลชั้นนำ อย่าง โรงพยาบาลรามาธิบดี และโรงพยาบาลวิชัยยุทธ มีโรงเรียนชื่อดังอย่างโรงเรียนสามเสนวิทยาลัย และอาคารสำนักงานใหญ่อย่าง TIPCO รวมอยู่ด้วย
ซึ่งถนนเส้นนี้ยังเชื่อมต่อกับถนนประดิพัทธ์, ซอยเสนาร่วม และพระรามที่ 6 ซอย 30 ส่วนใครที่ต้องการความรวดเร็วในการเดินทาง ก็มีจุดขึ้น-ลงทางด่วนให้เลือกใช้ถึง 2 จุดด้วยกัน
เข้าถึง ‘อารีย์’ และ ‘พระราม 6’ ได้ง่าย ทุกรูปแบบการเดินทาง
สำหรับใครเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัว ก็สามารถเชื่อมต่อมายังถนนพระราม 6 ได้ง่าย ๆ ด้วยทางพิเศษศรีรัชที่มีจุดขึ้นลงให้เลือกใช้กันถึง 2 จุดอย่าง ด่านคลองประปา 1 ที่จะมุ่งหน้าไปทางแจ้งวัฒนะ และ ด่านคลองประปา 2 ที่มีเส้นทางให้เชื่อมต่อไปยังดาวคะนองได้
ส่วนใครที่สะดวกเดินทางด้วยระบบขนส่งมวลชน ก็สามารถขึ้นรถไฟฟ้า BTS มาลงที่สถานีอารีย์ได้เช่นกัน โดยตัวสถานีจะตั้งอยู่ตรงใจกลางของย่านพอดิบพอดี ทำให้เราสามารถเดินเท้าเข้าถึงไลฟ์สไตล์ คาเฟ่ และร้านอาหารต่าง ๆ ได้สะดวกสบาย หรือจะใช้บริการวินมอร์เตอร์ไซค์ โบกแท็กซี่ก็สามารถทำได้ง่าย ๆ เนื่องจาก ’ย่านอารีย์-พระรามหก’ เป็นย่านที่มีความเจริญด้านการคมนาคม และสิ่งอำนวยความสะดวกที่ค่อนข้างสูงอยู่แล้ว
นอกจากนี้ อารีย์-พระราม 6 ยังอยู่กึ่งกลางระหว่าง Hub การเชื่อมต่อขนาดใหญ่ของกรุงเทพ อย่าง ‘อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ’ และ ‘สวนจตุจักร’ อีกด้วย จึงไม่ใช่แค่การขนส่งระบบรางอย่างรถไฟฟ้าเท่านั้น แต่ที่นี่ยังมีระบบขนส่งทางเลือกอีกมากมาย ทั้งรถเมล์และรถตู้ให้เลือกใช้บริการเกือยตลอดทั้งวัน เรียกได้ว่า อารีย์-พระราม 6 เป็นหนึ่งย่านที่ครบครัน และตอบโจทย์ด้านการเดินทางได้ดีที่สุดอีกหนึ่งแห่งของกรุงเทพมหานครเลยทีเดียว
เมื่ออารีย์ - พระราม 6 คือคำตอบของการใช้ชีวิตที่ลงตัว ในแบบคนเมือง
ขณะที่ ‘มุมสงบ’และ ‘ความคึกคัก’ ถูกผสมผสานเข้าด้วยกัน ทำให้ ‘อารีย์ - พระราม 6’ กลายเป็นย่านที่มีเสน่ห์เฉพาะ มีความแตกต่างอย่างลงตัว ที่ไม่ว่าใครก็อยากเข้ามาสัมผัสด้วยตัวเอง และ “จะดีสักแค่ไหน...ถ้าทำเลที่พักอาศัยที่ครบทั้งเรื่องการเดินทาง ไลฟ์สไตล์ และความสงบติดถนนใหญ่ นั้นมีอยู่จริง”
รายละเอียดโครงการ KARA ARI-RAMA 6 (คาร่า อารีย์-พระราม 6)
ชื่อโครงการ : KARA ARI-RAMA 6 (คาร่า อารีย์-พระราม 6)
ผู้พัฒนา : แกรนด์ ยูนิตี้ ดิเวลล็อปเมนท์
ที่ตั้ง : ถนนพระรามที่ 6 แขวงสามเสนใน เขตพญาไท กรุงเทพฯ
ลักษณะอาคาร : อาคาร Low Rise สูง 8 ชั้น 1 อาคาร
พื้นที่ : 0-1-71.1 ไร่ จำนวนยูนิต : 28 ยูนิต
แบบห้อง :
- 2 Bedroom Type 1 ขนาด 60.00 ตร.ม.
- 2 Bedroom Type 2 ขนาด 61.00 ตร.ม.
- 2 Bedroom Type 3 ขนาด 60.00 ตร.ม.
- 2 Bedroom Type 4 ขนาด 61.50 ตร.ม.
จำนวนที่จอดรถ : 100%
ราคาเริ่มต้น : 11.5 ล้านบาท
เริ่มสร้าง : สิงหาคม 2561
คาดว่าจะสร้างเสร็จ : พฤษภาคม 2562
ร่วมเป็นเจ้าของโครงการคอนโดมิเนียมหนึ่งเดียวบนถนนพระราม 6 ที่พร้อมให้เราเข้าไปสัมผัสประสบการณ์คอนโดพักอาศัยที่มอบความเป็นส่วนตัวอย่างแท้จริงได้แล้ววันนี้