รูปบทความ ก่อโอกาสจากความขี้เกียจ มาทำความรู้จัก ‘เศรษฐกิจขี้เกียจ’ การตลาดยุคใหม่ ของคนวัยดิจิทัล

ก่อโอกาสจากความขี้เกียจ มาทำความรู้จัก ‘เศรษฐกิจขี้เกียจ’ การตลาดยุคใหม่ ของคนวัยดิจิทัล


พฤติกรรมของคนในยุคปัจจุบัน ก่อให้เกิดโอกาสต่าง ๆ ทางธุรกิจมากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในยุคที่ทุกคน ‘ขี้เกียจ’ เช่นนี้ การเติบโตของธุรกิจที่เข้ามาตอบสนองความต้องการ ในเรื่องของความสะดวกสบายก็เริ่มมีมากขึ้น และในหลาย ๆ แง่ ก็ไม่ได้หมายความถึงการเสียเงินซื้อบริการเพื่อตอบสนองความขี้เกียจเสมอไป เพราะหลายคนก็มองว่า การจ่ายเงินเพื่อซื้อบริการที่อำนวยความสะดวกต่าง ๆ ก็เปรียบเสมือนการซื้อเวลา ให้ได้ทำอะไรที่จำเป็นได้มากยิ่งขึ้นนั่นเอง


การตลาดขี้เกียจหรือเศรษฐกิจขี้เกียจ เกิดขึ้นในช่วงปี 2561 หลังจากที่เว็บไซต์ Taobao ซึ่งเป็น E-Commerce รายใหญ่ในประเทศจีน ได้เก็บรวบรวมสถิติและข้อมูลของลูกค้า จนพบว่า วัยรุ่นที่เกิดหลังปี 2538 ส่วนใหญ่ มักใช้จ่ายไปกับอุปกรณ์สำหรับคนขี้เกียจมากถึง 70% เรียกได้ว่ายอมจ่ายเงินมาก เพื่อลดปัญหางานที่น่าเบื่อและเสียเวลารอนาน ซึ่งเราจะเรียกคนกลุ่มนี้ว่า “รักสบาย จ่ายหนัก” โดยมีกลุ่มลูกค้าที่ใช้เงินซื้อสินค้าเหล่านี้เป็นมูลค่ากว่า 2,310 ล้านเหรียญสหรัฐเลยทีเดียว 



10 เรื่อง ที่คนไทยขี้เกียจทำมากที่สุด


แน่นอนว่าเมื่อพฤติกรรมของผู้บริโภคมีความรักสบายมากขึ้น ธุรกิจต่าง ๆ จึงต้องรีบปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ใหม่ ๆ ให้โดนใจผู้บริโภคในยุคปัจจุบันให้ได้มากขึ้น และจากสถิติที่ทางวิทยาลัยการจัดการ มหาวิทยาลัยมหิดล ได้ทำการวิจัยกับกลุ่มตัวอย่างจำนวน 1,200 คน ใน 4 กลุ่มอายุ ก็ได้ผลสรุปออกมาเป็น 10 อันดับสิ่งที่คนไทยขี้เกียจมากที่สุด ดังนี้…



ซึ่งจากอันดับทั้งหมด ทำให้เราเห็นภาพได้ชัดเจนขึ้น ว่าทำไมธุรกิจในยุคปัจจุบัน ถึงได้แตกไลน์ใหม่ ๆ ออกมาแข่งขันกันมากมาย อีกทั้งจากงานวิจัยตัวนี้ ก็ยังสามารถจำแนกธุรกิจและบริการที่กำลังมาแรงในไทยได้ออกมาเป็นอีก 5 ประเภท ดังนี้... 


5 ธุรกิจมาแรง เอาใจไลฟ์สไตล์ขี้เกียจ


1. ธุรกิจที่ทำแทนได้ : ธุรกิจประเภทนี้ เกิดขึ้นมาเพื่อตอบสนองความขี้เกียจของคนยุคนี้โดยเฉพาะ เช่น

  • การทำความสะอาดบ้าน ที่ต้องใช้ทั้งพลังงานและเวลา ทำให้บริการทำความสะอาดบ้าน เข้ามาตอบโจทย์ในชีวิตประจำวันของแม่บ้านและพ่อบ้านยุคปัจจุบันได้เป็นอย่างดี
  • ส่วนคนที่อยากกินร้านเด็ดคิวแน่น แต่ไม่มีเวลา หรือขี้เกียจรอ บริการรอคิวซื้อของและบริการซื้อของแทน จึงเกิดขึ้นมาตอบโจทย์กลุ่มคนเหล่านี้โดยเฉพาะ
  • และยิ่งทุกวันนี้ จะออกเดินทางไปไหนมาไหนก็ต้องเผื่อเวลากันไว้ล่วงหน้า เพราะการจราจรในกรุงเทพค่อนข้างติดขัดมาก หลายคนขับรถก็เครียด เหนื่อย รู้สึกหงุดหงิด บริการขับรถรับส่ง ก็เลยเริ่มเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของผู้คนไปโดยปริยาย


2. ธุรกิจที่ไม่ต้องขยับ : ธุรกิจประเภทนี้จะเน้นไปที่สินค้าประเภท Automation และ Hand Free อย่างการสั่งงานผ่านเสียง หรือเลือกกด Option ผ่านปลายนิ้วบนสมาร์ทโฟนของเรา เพื่อเปิดปิดเครื่องใช้ไฟฟ้าต่าง ๆ ภายในบ้าน ซึ่งในยุคปัจจุบันก็มีการใช้งานที่แพร่หลายมากพอสมควร เพราะคุณสามารถเปิดเครื่องปรับอากาศรอก่อนที่จะมาถึงได้ หรือใครที่เป็นคนขี้ลืม กังวลว่าตัวเองลืมปิดไฟตรงไหนในบ้านก่อนออกมาหรือเปล่า นวัตกรรมประเภทนี้ ก็จะเข้ามาตอบโจทย์ปัญหาของเราได้เป็นอย่างดี ใช้งานง่าน ออกคำสั่งได้ทุกที่ 


3. ธุรกิจที่พร้อมใช้งานทันที : ธุรกิจประเภทนี้ จะเน้นขายสินค้าประเภทพร้อมกิน พร้อมดื่ม อย่างเช่นร้านอาหารพร้อมทาน ที่สามารถออร์เดอร์แล้วได้รับสินค้าเลยทันที อย่างเช่นร้าน Drive Thru เป็นต้น เพราะเน้นไปที่ความรวดเร็วเป็นหลัก สามารถขับรถผ่านเข้าไปสั่งออร์เดอร์ แล้วรับอาหารได้เลยในทันที ธุรกิจนี้ยังรวมไปถึงอาหารประเภทจัดใส่กล่องปรุงสุกพร้อมทานอีกด้วย ยิ่งโดยเฉพาะมื้อเช้า จะได้รับความนิยมจากเหล่าพนักงานออฟฟิศเป็นพิเศษ


4. ธุรกิจร่วมมือ ร่วมใจ : เช่น community ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นอยู่ในรูปแบบออนไลน์ 


5. ธุรกิจที่เน้นการฟัง : มาถึงอีกหนึ่งประเภทธุรกิจ ที่ต้องเรียกว่าอยู่ในแพลตฟอร์มออนไลน์ อย่างบรรดา Podcast หรือ VDO Content ซึ่งในปัจจุบันก็มีคอนเทนต์มากมายที่ออกมาตอบสนองไลฟ์สไตล์เหล่านี้แล้ว ข้อดีคือผู้คนสามารถเสพคอนเทนต์เหล่านี้ได้ในทุกเวลา ผ่านการฟัง ไม่ว่าจะเป็นระหว่างเดินทาง, ระหว่างทำงานบ้าน, ระหว่างทานข้าวในช่วงเวลาพัก, ระหว่างออกกำลังกาย และอื่น ๆ จึงเป็นการได้เพิ่มประสบการณ์ความรู้ ในขณะที่ตัวเองก็ยังสามารถทำกิจกรรมอย่างอื่นไปพร้อม ๆ กันได้ด้วยนั่นเอง



5 เคล็ดเด็ด พิชิตใจวัยขี้เกียจ


แน่นอนว่าเมื่อมีฐานลูกค้าที่ต้องการซื้อ กลุ่มผู้ผลิตก็ต้องเร่งแข่งขันขึ้นอีกเป็นเท่าตัว ดังนั้น การทำการตลาดในยุคนี้ จึงต้องใช้กลยุทธ์ “SLOTH” เข้ามาช่วย โดยความหมายของมันก็คือ

  • Speed : ต้องมีความรวดเร็ว และต้องไม่ทำให้ผู้บริโภครู้สึกเสียเวลา
  • Lean : กระชับ ตัดท่อนขั้นตอนที่ยุ่งยากออก เพื่อให้ง่ายต่อการใช้งาน
  • EnjOy : ต้องทำให้ผู้บริโภครู้สึกสนุก และเกิดแรงจูงใจในการใช้สินค้าและบริการ
  • ConvenienT : สินค้าหรือบริการต้องมีความสะดวก ช่วยให้ชีวิตนั้นง่ายมากขึ้น
  • Happy : ความสุข จากความต้องการที่ถูกเติมเต็มและปัญหาได้ถูกแก้ไขด้วยวิธีที่ง่ายที่สุด 


กล่าวโดยสรุปได้ว่า การตลาดยุคใหม่ ที่เข้ามาตอบโจทย์ความขี้เกียจของคนในยุคปัจจุบัน เรียกได้ว่า ‘มาแรง โตไว’ แบบฉุดไม่อยู่ จึงเป็นโอกาสอันดี ที่ภาคธุรกิจ จะมองหาช่องว่าง และลู่ทางในการตอบสนองความต้องการต่าง ๆ ของผู้คน เพื่องอกเงยให้เกิดเป็นธุรกิจที่แตกต่าง แต่ตอบโจทย์ และขับเคลื่อนเศรษฐกิจท่ามกลางภาวะ ‘ขี้เกียจ’ ของคนเจนใหม่ ในสังคมต่อไป


เรื่องราวต่อจากนี้จะเป็นอย่างไร...?

Related Stories

Esto Talks

See All >

Living out loud

Living out loud : VANA RESIDENCE พระราม 9 - ศรีนครินทร์