คู่มือปฏิบัติสำหรับ Home Isolation ผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่กักตัวในคอนโด

จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ปัจจุบันมีแนวทางการรักษาแบบกักตัวที่บ้าน (Home Isolation) สำหรับผู้ป่วยที่มีอาการไม่รุนแรง เพื่อลดปริมาณเตียงรักษาไว้ให้ผู้ป่วยที่มีอาการหนัก พลัส พร็อพเพอร์ตี้ ในธุรกิจบริหารจัดการโครงการที่พักอาศัย จากประสบการณ์การดูแลลูกบ้านที่เป็นผู้ป่วยแบบ Home Isolation ขอแชร์คู่มือปฏิบัติสำหรับผู้ติดเชื้อที่กักตัวในคอนโด ที่อาจเป็นประโยชน์และแนวทางปฏิบัติของผู้ที่กักตัวรักษาในคอนโดได้

ขั้นตอนปฏิบัติสำหรับ Home Isolation ในคอนโด

สำหรับผู้ป่วยระดับสีเขียว คือ กลุ่มที่ไม่แสดงอาการ หรือแสดงอาการเพียงเล็กน้อย เช่น มีไข้ ไอ มีน้ำมูก เจ็บคอ จมูกไม่ได้รับกลิ่น ลิ้นไม่รับรส ตาแดง ผื่นขึ้น ถ่ายเหลว โดยยังไม่มีอาการเชื้อลงปอด

1. แจ้งข้อมูลฝ่ายจัดการของโครงการ

เพื่อให้ทีมนิติบุคคลทราบข้อมูลการติดเชื้อ เบอร์โทรติดต่อประสานงานกับโรงพยาบาลที่ดูแลลูกบ้านเรื่อง Home Isolation รวมทั้งข้อมูลติดต่อลูกบ้าน และบุคคลติดต่อหากเกิดเหตุฉุกเฉิน โดยในส่วนนิติบุคคลของพลัสฯ จะมีการเตรียมอำนวยความสะดวกเคลื่อนย้ายเข้าออกเพื่อความปลอดภัย (ในกรณีที่ผู้ติดเชื้อทราบผลและต้องการกลับเข้ามา Home Isolation ในห้องพักอาศัย หรือหากผู้ติดเชื้อมีอาการทรุดต้องส่งตัวไปรักษาต่อ) มีการช่วยดูแลเรื่องการนำอาหาร พัสดุ ขึ้นไปส่งหน้าห้องพัก และมีการเก็บขยะติดเชื้อหน้าห้องพักตามเวลาให้ทุกวัน

2. สังเกตและประเมินอาการตนเองทุกวัน

โดยอุปกรณ์ที่จำเป็นต้องมีติดห้องคือ ปรอทวัดไข้และเครื่องวัดออกซิเจนปลายนิ้ว โดยการวัดไข้ หากอุณหภูมิเกิน 37.5 องศาเซลเซียส ถือว่ามีไข้ และการวัดออกซิเจนจะช่วยประเมินความวิกฤตได้ โดยหากมีค่าออกซิเจนในเลือดต่ำกว่า 95% ชีพจรต่ำกว่า 60 ครั้ง/นาที หรือสูงกว่า 100 ครั้ง/นาที ถือว่าผิดปกติ มีโอกาสเสี่ยงสูง ควรเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาล

3. ดูแลตนเองให้ฟื้นตัวจากโรค

โดยการทานอาหารและน้ำดื่มให้เพียงพอ และควรดื่มเกลือแร่เสริม กรณีมีโรคประจำตัว ต้องทานยาประจำไม่ให้ขาด โดยหากมีไข้ให้ทานยาลดไข้พาราเซตามอล การเช็ดตัวก็ช่วยลดไข้ได้อีกทางหนึ่ง หรือทานยาสมุนไพรเป็นทางเลือก เช่น ฟ้าทะลายโจร ที่มีสรรพคุณช่วยบรรเทาอาการไข้ ไอ เจ็บคอ บรรเทาอาการท้องเสียชนิดที่ไม่เกิดจากการติดเชื้อ ช่วยขับเหงื่อ ลดอาการอักเสบ และช่วยเสริมภูมิคุ้มกัน โดยควรศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมเพื่อให้เหมาะกับการใช้ในแต่ละบุคคล

4. หมั่นติดต่อกับครอบครัว และแจ้งอัพเดตอาการกับฝ่ายจัดการ

เพื่อแจ้งอาการอย่างสม่ำเสมอ หากเกิดอาการทรุดจะได้รับการช่วยเหลืออย่างทันท่วงที

นอกจากนี้ ในระหว่างการทำ Home Isolation ควรจัดการขยะติดเชื้ออย่างถูกวิธี เพื่อป้องกันความปลอดภัยของแม่บ้าน ทีมเจ้าหน้าที่ และเพื่อนบ้านในโครงการ โดยนำหน้ากากอนามัยที่ใช้แล้ว รวมถึงขยะที่สัมผัสสารคัดหลั่ง คัดแยกใส่ถุงพลาสติดหนา (หรือใช้ถุงแดงเพื่อให้ทราบว่าเป็นขยะติดเชื้อ) ใส่น้ำยาฟอกขาว 2 ฝา และมัดปากถุง หลังจากนั้นนำไปใส่ถุงอีกชั้นและมัดปากถุง ฉีดพ่นบริเวณปากถุงด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อ และนำถุงวางหน้าห้องก่อนช่วงเวลาที่นัดหมายกับนิติเล็กน้อย

ในส่วนของพลัสฯ ก็มีมาตรการดูแลลูกบ้านช่วง Home Isolation โดย 1.ตรวจสอบ สรุปจำนวนและข้อมูลผู้ติดเชื้อในโครงการ รวมทั้งขอเบอร์ติดต่อญาติหรือผู้ติดต่อในกรณีฉุกเฉิน เตรียมพร้อมเบอร์ติดต่อโรงพยาบาลที่ดูแลลูกบ้านผู้ป่วยแบบ Home Isolation 2.ติดตาม โดยทีมนิติบุคคลมีการโทรหาลูกบ้านหรือติดต่อผ่านแอพพลิเคชั่นในทุก ๆ วัน เพื่อสอบถามอัพเดตอาการ 3.ประสานงาน ช่วยประสานติดต่อสถานพยาบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง กรณีลูกบ้านที่เป็นผู้ป่วยมีอาการทรุด รวมทั้งช่วยอำนวยความสะดวกด้านการใช้ชีวิตในเรื่องต่าง ๆ ในระหว่างการ Home Isolation และ 4.ดูแล ด้านการช่วยรับอาหาร พัสดุ และของใช้จำเป็นของลูกบ้าน และนำไปส่งถึงหน้าห้องพัก และมีการทำความสะอาดเข้มข้นในบริเวณโถงทางเดินในชั้นดังกล่าว มีตารางการเก็บขยะถึงหน้าห้องพัก รวมทั้งมีการมอบน้ำเปล่า และเตรียมจัดหาฟ้าทะลายโจรให้ลูกบ้านที่รักษาแบบ Home Isolation อีกด้วย นอกจากนี้ พนักงานทีมนิติบุคคลพลัสฯ ได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ครบแล้ว 100% และมีการตรวจคัดกรองก่อนเข้าโครงการ จึงพร้อมในการดูแลลูกบ้านอย่างเต็มกำลัง

ดังนั้น การมีผู้ติดเชื้อและกักตัวอยู่ในโครงการ แม้จะดูน่าตื่นตระหนก แต่หากในโครงการนั้นมีการดูแลบริหารจัดการที่ดีได้มาตรฐานตามแนวทางปฏิบัติของกรมควบคุมโรค ผู้ที่อยู่ในโครงการนั้นก็สามารถเบาใจได้

ขอขอบคุณบทความดีๆจาก บริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (www.plus.co.th)