ซีบีอาร์อีขยายสู่การบริหารสินทรัพย์โรงแรมในไทยและเอเชีย
5 January 2565
จากการที่ไทยเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวและผู้เดินทางจากต่างประเทศอีกครั้ง ซีบีอาร์อี บริษัทที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำระดับโลก จึงได้ขยายการให้บริการสู่การบริหารสินทรัพย์โรงแรม (Hotel Asset Management) เนื่องจากในปัจจุบันเจ้าของโรงแรมต่างมองหาคำแนะนำในเรื่องงบประมาณสำหรับปีหน้าและความเป็นไปได้ในการปรับปรุงโรงแรมอันเนื่องจากเล็งเห็นถึงศักยภาพที่เศรษฐกิจจะฟื้นตัวจากโควิด-19
นายอรรถกวี ชูแสง หัวหน้าแผนกธุรกิจโรงแรม ซีบีอาร์อี ประเทศไทย ให้ความเห็นว่า “เนื่องจากการฟื้นตัวของธุรกิจโรงแรมมีแนวโน้มดีขึ้น ซีบีอาร์อีจึงขยายฐานการให้บริการเพื่อช่วยให้เจ้าของโรงแรม รีสอร์ท และเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์มองเห็นสินทรัพย์ของตนเองได้อย่างรอบด้าน เห็นถึงศักยภาพในการสร้างผลกำไรและเพิ่มมูลค่าสินทรัพย์ ผู้เชี่ยวชาญด้านโรงแรมของซีบีอาร์อีมีทั้งความเชี่ยวชาญด้านการดำเนินธุรกิจโรงแรมและมีความรู้ด้านการลงทุนเชิงพาณิชย์ ซึ่งการให้บริการนี้เกิดขึ้นในเวลาที่เหมาะสม ที่มีอัตราการฉีดวัคซีนเพิ่มขึ้นและมีการเปิดพรมแดนของประเทศต่าง ๆ ในภูมิภาคนี้ ซึ่งส่งสัญญาณให้เห็นถึงการฟื้นตัวที่น่าจะช่วยผลักดันให้โรงแรมเปิดให้บริการเพื่อรับลูกค้าที่จะเดินทางเข้ามา การบริหารสินทรัพย์โรงแรมคือแนวทางในการบริหารจัดการผลตอบแทนและมูลค่าของสินทรัพย์ทั้งในช่วงเวลาที่รุ่งเรืองและท้าทาย ผู้เชี่ยวชาญของซีบีอาร์อีจะวิเคราะห์สินทรัพย์ในทุกมิติพื่อสร้างกลยุทธ์และวางแผนการดำเนินการที่ปฏิบัติได้จริงและมีความยั่งยืน เพื่อให้เป็นไปตามเป้าหมายในการลงทุนของเจ้าของโรงแรมตลอดอายุของสินทรัพย์ การบริการของเรา ได้แก่ การซื้อกิจการโรงแรม การแปลงสินทรัพย์ให้เป็นทุน การปรับเปลี่ยนตำแหน่งทางการตลาดของสินทรัพย์ การศึกษาวิจัยตลาด และการขายโรงแรม ปัจจุบันกระบวนการในการบริหารสินทรัพย์โรงแรมมีความเร่งด่วนและมีความสำคัญมากกว่าที่เคยเป็นมาเนื่องจากเป็นจังหวะที่โรงแรมเริ่มจะกลับมาสร้างรายได้อีกครั้ง”
นอกจากนี้ ซีบีอาร์อียังได้แต่งตั้งนายคริส อีลี ในตำแหน่งหัวหน้าแผนกบริหารสินทรัพย์โรงแรมประจำภูมิภาคเอเชียเมื่อไม่มานานนี้ โดยประจำอยู่ที่ประเทศสิงคโปร์ ด้วยประสบการณ์มากกว่า 20 ปีในฐานะผู้บริหารโรงแรมและผู้บริหารจัดการสินทรัพย์ นายคริสจะเป็นผู้นำในสายธุรกิจการบริหารสินทรัพย์โรงแรมและการคัดเลือกเครือโรงแรมของซีบีอาร์อีภายใต้ทีมตลาดทุน โดยทำงานใกล้ชิดกับลูกค้าเพื่อปลดล็อกมูลค่าของโรงแรมและทรัพย์สินด้านการบริการ เพิ่มขีดความสามารถในการสร้างกำไร และเพื่อให้สอดคล้องกับเป้าหมายการลงทุนของผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง
แผนกวิจัย ซีบีอาร์อี พบว่า ตลาดโรงแรมในประเทศไทยยังมีโอกาสที่ดีในไตรมาสต่อ ๆ ไปที่จะถึงนี้ดังที่เห็นได้จากการฟื้นตัวในไตรมาส 3 ปี 2564 โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงต้นเดือนกรกฎาคมที่รัฐบาลได้เริ่มต้นโครงการด้านการท่องเที่ยวหลายโครงการ เช่น ภูเก็ต แซนบอกซ์ และ สมุย พลัส เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและฟื้นฟูแหล่งท่องเที่ยว ทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าประเทศไทยในไตรมาส 3 ปี 2564 เพิ่มขึ้นอย่างมากถึง 123.9% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน โดยเพิ่มจาก 20,275 คนในไตรมาส 2 ปี 2564 เป็น 45,398 คนในไตรมาส 3 และเพิ่มขึ้นมากกว่า 100% ต่อปี จากจำนวนนักท่องเที่ยวที่เป็นศูนย์ในไตรมาส 3 ปี 2563 เป็น 45,398 คนในไตรมาส 3 ปี 2564 ขณะเดียวกันอัตราการเข้าพักของโรงแรมในกรุงเทพฯ ในไตรมาส 3 ปี 2564 อยู่ที่ระดับ 21.6% เพิ่มขึ้น 7.9% เมื่อเทียบกับปีก่อน
การที่ไม่มีโรงแรมเปิดใหม่ในไตรมาส 3 ปี 2564 ส่งผลให้ปริมาณโรงแรมทั้งหมดในกรุงเทพฯ มีจำนวนทั้งสิ้น 76,712 ห้อง แผนกวิจัยซีบีอาร์อีคาดการณ์ว่าภายในปี 2566 จะมีห้องพักเพิ่มขึ้นอีกกว่า 11,000 ห้องหรือเพิ่มขึ้น 14.4% มาเป็นเกือบ 88,000 ห้อง
“ด้วยปริมาณโรงแรมในอนาคตที่คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้นนี้ ซีบีอาร์อียังคงขยายการให้บริการสำหรับธุรกิจโรงแรมต่อไป เพื่อตอบสนองต่อความต้องการจากเจ้าของโรงแรมในด้านต่าง ๆ ตั้งแต่การพัฒนาโครงการไปจนถึงการดำเนินงานของโรงแรม การเพิ่มขีดความสามารถของโรงแรม ไปจนถึงโอกาสในขายธุรกิจ บทบาทหน้าที่ของซีบีอาร์อีในการบริหารสินทรัพย์โรงแรมจะเป็นการทำงานร่วมกันกับลูกค้าเพื่อให้มั่นใจได้ว่าโรงแรม สินทรัพย์ด้านการบริการ และความสามารถในการสร้างผลกำไรของลูกค้าอยู่ในระดับสูงสุด คำถามที่สำคัญในตอนนี้ คือ มูลค่าสินทรัพย์ของลูกค้าจะสามารถกลับคืนสู่ระดับเดียวกับช่วงก่อนเกิดโรคระบาดได้เมื่อใดและอย่างไร” นายอรรถกวี กล่าวสรุป