ออริจิ้นผนึกกำลัง IHG ผุดโรงแรม 3 แห่ง ภายใต้แบรนด์ Staybridge Suites ครั้งแรกในเอเชียแปซิฟิก
14 December 2560
“ออริจิ้น” ดึงเชน IHG ผุดโรงแรม 3 แห่ง มูลค่า 7,500 ล้านบาท พร้อมผนึกโนมูระลุยแบรนด์ Staybridge Suites ครั้งแรกในเอเชียแปซิฟิก
นายพีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI ผู้พัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมภายใต้แบรนด์เคนซิงตัน นอตติ้ง ฮิลล์ ไนท์บริดจ์ และพาร์ค กล่าวว่า นอกจากการพัฒนาที่อยู่อาศัยแล้ว บริษัทยังมีวิสัยทัศน์ในการเป็นผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร ครอบคลุมธุรกิจโรงแรม เซอร์วิสอพาร์ทเมนท์ สำนักงานเช่า คอมมูนิตี้มอลล์
สำหรับธุรกิจโรงแรมนั้น บริษัทจะนำร่องด้วยการพัฒนาโรงแรม 3 แห่ง มูลค่าทรัพย์สินหลังการก่อสร้าง (Asset Value) อยู่ที่ประมาณ 7,500 ล้านบาท โดยล่าสุดได้เซ็นสัญญานำแบรนด์และเชนของเครือโรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล (IHG) เข้ามาบริหารโรงแรมทั้ง 3 แห่ง
“IHG เป็นหนึ่งในเครือโรงแรมชั้นนำของโลก ได้รับการยอมรับด้านการบริหารโรงแรมด้วยมาตรฐานสากล และมีแบรนด์โรงแรมคุณภาพหลากหลายแบรนด์อยู่ทั่วโลก การพัฒนาโรงแรม 3 แห่งแรกของเราในครั้งนี้จึงเลือกนำแบรนด์และเชนโรงแรมของ IHG จำนวน 2 แบรนด์มาบริหาร ซึ่งเรามีความยินดีอย่างยิ่งที่จะได้ทำงานร่วมกับ IHG นับจากนี้” นายพีระพงศ์ กล่าว
โรงแรมทั้ง 3 แห่งประกอบด้วย
1.สเตย์บริดจ์ สวีท แบงค็อก ทองหล่อ (Staybridge Suites Bangkok Thonglor)
2.สเตย์บริดจ์ สวีท ชลบุรี ศรีราชา (Staybridge Suites Chonburi Siracha)
3.ฮอลิเดย์ อินน์ แอนด์ สวีทส์ ศรีราชา แหลมฉบัง (Holiday Inn Suites Siracha Laemchabang)
จะทยอยเปิดให้บริการจนครบทั้ง 3 แห่งภายในปี 2564 โดยการนำแบรนด์สเตย์บริดจ์ สวีท (Staybridge Suites) เข้ามานั้น ถือเป็นการนำแบรนด์ดังกล่าวเข้ามาใช้เป็นครั้งแรกในเอเชียแปซิฟิก
สำหรับการพัฒนาโรงแรมสเตย์บริดจ์ สวีท แบงค็อก ทองหล่อนั้น บริษัทยังได้จับมือกับบริษัท โนมูระ เรียลเอสเตท ดีเวลล็อปเมนท์ พันธมิตรสำคัญของออริจิ้นในการพัฒนาที่อยู่อาศัย มาร่วมพัฒนาโครงการดังกล่าวด้วย เพื่อให้สามารถพัฒนาโครงการและการบริการให้ตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายได้อย่างดีที่สุด ล่าสุดได้จัดตั้งบริษัทร่วมทุนขึ้นมาในสัดส่วน 51 ต่อ 49
ด้านนายราจิต สุขุมารัน ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายพัฒนาธุรกิจ ประจำภูมิภาคเอเชีย ตะวันออกกลาง และแอฟริกา เครือโรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล (IHG) กล่าวว่า สเตย์บริดจ์ สวีท เป็นแบรนด์โรงแรมที่เปิดให้บริการมาแล้วมากกว่า 250 แห่งทั่วโลก ตกแต่งด้วยบรรยากาศที่อบอุ่น สะดวกสบาย มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน เช่น อุปกรณ์ครัวครบชุด โซนทำงานส่วนตัว โซนเอ็นเตอร์เทนเมนต์ เหมาะสำหรับแขกที่ต้องการเข้ามาพักระยะยาว เช่น กลุ่มชาวต่างชาติที่เข้ามาทำงานในพื้นที่นั้นๆ (Expat) หรือนักท่องเที่ยวเชิงธุรกิจ (Business Traveller)
“เรามีความยินดีเป็นอย่างยิ่ง ที่ได้ร่วมงานกับบริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) อีกครั้ง ในการขยายฐานธุรกิจของเราด้วยการนำแบรนด์โรงแรมใหม่ๆ มาสู่ภูมิภาค และด้วยความต้องการที่พักแบบระยะยาวที่เพิ่มมากขึ้นทั้งในกรุงเทพฯ และ ศรีราชา จึงถือเป็นโอกาสที่ดียิ่งสำหรับสเตย์บริดจ์ สวีท และเราเห็นโอกาสในการเพิ่มจำนวนสเตย์บริดจ์ สวีทให้มากขึ้นในเอเชียแปซิฟิกในภายภาคหน้า ซึ่งเป็นเรื่องน่าตื่นเต้น” นายราจิต กล่าว
ด้านนายโทชิฮิเดะ สึคาซากิ เจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจให้เช่าที่อยู่อาศัย การจัดการโรงแรมและอสังหาริมทรัพย์ด้านโลจิสติกส์ บริษัท โนมูระ เรียลเอสเตท ดีเวลล็อปเมนท์ จำกัด กล่าวว่า ที่ผ่านมา โนมูระถือเป็นผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์อย่างครบวงจรในญี่ปุ่น แต่ครั้งนี้ถือเป็นอีกก้าวสำคัญในการตัดสินใจออกมาลงทุนธุรกิจโรงแรมในต่างประเท ศ สาเหตุสำคัญที่ตัดสินใจลงทุนครั้งนี้
เนื่องจากมั่นใจในพันธมิตรที่มีความแข็งแกร่งในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของไทยอย่าง ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ มั่นใจในแบรนด์คุณภาพของเครืออินเตอร์คอนติเนนตัล รวมถึงมั่นใจในศักยภาพทำเลทองหล่อ ซึ่งเป็นทำเลธุรกิจที่มีความต้องการการพักอาศัยของชาวต่างชาติ
“เรามั่นใจว่า เราจะสามารถนำโนว์ฮาวและความรู้ความสามารถของเรามาช่วยพัฒนาโรงแรมสเตย์ บริดจ์ สวีท แบงค็อก ทองหล่อ ให้ตอบโจทย์ผู้ใช้บริการ โดยเฉพาะชาวญี่ปุ่น ให้ได้รับการบริการที่สะดวกสบายและน่าประทับใจ” นายโทชิฮิเดะ กล่าว
สำหรับการลงทุนครั้งนี้ ถือเป็นส่วนหนึ่งของการลงทุนภายใต้แผนการเติบโตระยะกลาง- ยาวของโนมูระตั้งแต่ปีงบการเงิน 2559-2567 (สิ้นสุด มี.ค.2568) ด้วยการลงทุนในต่างประเทศภายใต้งบลงทุน 3 แสนล้านเยน (ราว 9.06 หมื่นล้านบาท)
ด้านนางจตุพร ผิวขาว กรรมการผู้จัดการ บริษัท ออริจิ้น วัน จำกัด บริษัทพัฒนาธุรกิจที่สร้างรายได้หมุนเวียนในเครือ ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ กล่าวว่า จากข้อมูลของสำนักบริหารแรงงานต่างด้าว พบว่า จำนวนชาวต่างชาติที่เข้ามาทำงานในไทยมากที่สุด คือ ชาวญี่ปุ่น คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 24% ขณะเดียวกันจากข้อมูลของปี 2555-2559 ยังพบว่า จำนวนชาวต่างชาติที่เข้ามาทำงานในกรุงเทพฯ (Expat) มีจำนวนเพิ่มขึ้นเฉลี่ยถึง 16% ต่อปี
ทำเลทองหล่อถือเป็นทำเลสำคัญที่มีชาวต่างชาติเข้ามาทำงานและพักอาศัยเป็นจำนวนมาก
มั่นใจว่าการพัฒนาโรงแรมในทำเลทองหล่อจะสามารถตอบโจทย์ความต้องการที่พักอาศัย โดยเฉพาะของชาวต่างชาติที่เพิ่มขึ้นในย่านนี้ได้
สำหรับทำเลศรีราชา ถือเป็นอีกหนึ่งทำเลศักยภาพ เพราะภาครัฐมีนโยบายการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (อีอีซี) มีการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานจำนวนมาก พร้อมให้สิทธิประโยชน์ต่างๆ เพื่อดึงดูดการลงทุนจากชาวต่างชาติ เมื่อมีชาวต่างชาติเข้ามาลงทุนเพิ่มขึ้น การเข้ามาทำธุรกิจทั้งระยะสั้นและระยะยาวในพื้นที่ก็จะเพิ่มขึ้นตามไปด้วย บริษัทจึงมั่นใจที่จะพัฒนาโรงแรมในพื้นที่ศรีราชา 2 แห่ง โดยเลือกทำเลที่ใกล้สถานที่พักผ่อนและอำนวยความสะดวกอื่นๆ ด้วย
โรงแรมสเตย์บริดจ์ สวีท แบงค็อก ทองหล่อ เป็นโรงแรมขนาด 303 ห้องพัก มีพื้นที่อาคารรวม 25,500 ตร.ม. มูลค่าทรัพย์สิน 2,500 ล้านบาท ตั้งอยู่บริเวณซอยสุขุมวิท 55 ห่างจากสถานีบีทีเอสทองหล่อประมาณ 10 นาที คาดว่าจะเปิดให้บริการได้ในช่วงไตรมาส 4/2562
ขณะที่โรงแรมสเตย์บริดจ์ สวีท ชลบุรี ศรีราชา เป็นโรงแรมขนาด 400 ห้องพัก มีพื้นที่อาคารรวม 37,200 ตร.ม. มูลค่าทรัพย์สิน 2,800 ล้านบาท ตั้งอยู่บริเวณถนนสุขุมวิท ตรงข้ามตึกคอม ศรีราชา คาดว่าจะเปิดให้บริการในช่วงไตรมาส 4/2563
ส่วนโรงแรมฮอลิเดย์ อินน์ แอนด์ สวีทส์ ศรีราชา แหลมฉบัง เป็นโรงแรมขนาด 347 ห้องพัก มีพื้นที่อาคารรวม 30,500 ตร.ม. มูลค่าทรัพย์สิน 2,200 ล้านบาท ตั้งอยู่ในพื้นที่โครงการ Origin District คาดว่าจะเปิดให้บริการในช่วงไตรมาส 1/2563
สำหรับเครือโรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล (IHG) มีเครือข่ายโรงแรมอยู่กว่า 5,300 แห่ง 7.85 แสนห้องพักในกว่า 100 ประเทศทั่วโลก ปัจจุบัน ดำเนินการบริหารโรงแรมในไทย 22 แห่ง ภายใต้ 5 แบรนด์ และมีที่รอเปิดให้บริการอีก 14 แห่ง โดยแบรนด์สเตย์บริดจ์ สวีท ถือเป็นแบรนด์ที่ 6 ในไทย
ขณะที่บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) มีโครงสร้างธุรกิจหลากหลาย ประกอบด้วย
1.ธุรกิจพัฒนาที่อยู่อาศัยเพื่อการขาย (Project Development Business)
2.ธุรกิจที่สร้างรายได้หมุนเวียนต่อเนื่อง (Recurring Income Business) เช่น โรงแรม เซอร์วิสอพาร์ตเมนท์ สำนักงานเช่า ค้าปลีก
3.ธุรกิจบริการ (Service
Business) เช่น ธุรกิจการจัดการอสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจตัวแทนซื้อ ขาย เช่า
อสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์
และยังมีวิสัยทัศน์ในการขยายประเภทธุรกิจใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง
เพื่อให้เป็นผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร