แสนสิริ สร้างประวัติศาสตร์ยอดขายรวมพุ่งทะลุ 43,600 ล้านบาท จับตาดูไตรมาส 4 พีคสุด
15 November 2561
แสนสิริ สร้างประวัติศาสตร์ยอดขายรวมพุ่งทะลุ 43,600 ล้านบาท คิดเป็นเกือบ 90% จากเป้ายอดขายใหม่ 50,000 ล้านบาท ขณะที่ผลประกอบการไตรมาส 3 โกยรายได้ 6,882 ล้านบาท เติบโตขึ้น 23% เตรียมจับตาผลประกอบการพีคสุดในช่วงไตรมาส 4
แสนสิริเผยยอดขายรวม 10 เดือน ทะลุ 43,600 ล้านบาท คิดเป็นเกือบ 90% จากเป้าหมายยอดขายที่มีการปรับล่าสุดเป็น 50,000 ล้านบาท และเติบโตขึ้นถึง 64% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ผลงานโดดเด่นทุกกลุ่มที่อยู่อาศัย ทั้งทาวน์เฮาส์ที่ตอกย้ำความสำเร็จในปีนี้จากการรุก แบรนด์ สิริ เพลส ทั้ง 7 ทำเลรอบกรุงเทพฯ บ้านเดี่ยวเซกเมนต์ระดับกลางจนถึงซูเปอร์ลักซ์ชัวรี่ โครงการบุราสิริ พัฒนาการ, เศรษฐสิริ กรุงเทพกรีฑา, เศรษฐสิริ พหล-วัชรพล, เศรษฐสิริ บางนา และบ้านแสนสิริ พัฒนาการซึ่งเป็นโครงการแฟล็กชิพบ้านเดี่ยวระดับซูเปอร์ลักซ์ชัวรี่ คอนโดมิเนียมแบรนด์ใหม่ล่าสุด XT
รวมถึงยอดขายจากตลาดต่างชาติที่พุ่งสูงถึง 12,600 ล้านบาท หรือคิดเป็น 97% จากเป้าหมายยอดขายตลาดต่างชาติที่ตั้งไว้ 13,000 ล้านบาท ขณะที่ผลการดำเนินงานไตรมาส 3/61 ลูกค้าแห่โอน ส่งผลโกยรายได้รวม 6,882 ล้านบาท เติบโตขึ้น 23% จากไตรมาสก่อน มั่นใจปีนี้ทุบสถิติสร้างประวัติศาสตร์ยอดขายสูงสุด #SansiriBestYearEver เผยเตรียมจับตาผลประกอบการพีคสูงสุดในช่วงไตรมาส 4 จากปัจจัยหนุนในช่วงไฮซีซั่นและลูกค้าเร่งโอนก่อนการบังคับใช้มาตรการวางเงินดาวน์ใหม่ พร้อมจ่อคิวเปิดอีก 2 โครงการใหม่ในตลาดต่างจังหวัด เชียงใหม่ – หัวหิน มูลค่ารวมเกือบ 3,000 ล้านบาท
นายวันจักร์ บุรณศิริ ประธานผู้บริหารสายงานการเงินและสนับสนุนธุรกิจ บริษัท แสนสิริ จำกัด(มหาชน) (SIRI) เปิดเผยว่าปี 2561 นับเป็นปีที่ลูกค้าให้การตอบรับดีและเป็นปีที่บริษัทสามารถทำยอดขายได้สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดบริษัทสามารถสร้างยอดขายรวมทะลุไปถึง 43,600 ล้านบาท คิดเป็นเกือบ 90% จากเป้าหมายยอดขายใหม่ที่มีการปรับเป็น 50,000 ล้านบาท โดยบริษัทประสบความสำเร็จจากการพัฒนาโครงการที่ตอบโจทย์ลูกค้าในทุกกลุ่มที่อยู่อาศัย ทั้งทาวน์เฮาส์ที่ตอกย้ำความสำเร็จในปีนี้จากการรุกแบรนด์ สิริ เพลส ทั้ง 7 ทำเลรอบกรุงเทพฯ ด้วยการสร้างปรากฎการณ์สะเทือนวงการอสังหาฯ ลูกค้าชื่นชอบให้การตอบรับดีจนสามารถสร้างยอดขายถล่มทลายในทุกโครงการที่เปิดการขาย บ้านเดี่ยวเซกเมนต์ระดับกลางจนถึงระดับซูเปอร์ลักซ์ชัวรี่ ทั้งแบรนด์บุราสิริ ภายใต้แนวคิด “Find Your Peace of Mind บ้านเพื่อการพักผ่อนอย่างแท้จริงและโครงการบ้านเดี่ยวภายใต้แบรนด์ เศรษฐสิริภายใต้แนวคิด “Portrait of Success ภาพของชีวิตที่ภาคภูมิ” ในระดับราคา 10 – 25 ล้านบาท ได้รับการตอบรับที่ดี อาทิ โครงการบุราสิริ พัฒนาการ, โครงการเศรษฐสิริ พหล – วัชรพล, เศรษฐสิริ บางนา และเศรษฐสิริ กรุงเทพกรีฑา รวมถึง บ้านแสนสิริ พัฒนาการ ซึ่งเป็นโครงการแฟล็กชิพบ้านเดี่ยวระดับซูเปอร์ลักซ์ชัวรี่ของแสนสิริ ก็มียอดขายแล้ว 70% มูลค่ารวมกว่า 2,850 ล้านบาท นับเป็นการตอบรับที่รวดเร็วในกลุ่มบ้านเดี่ยวในระดับราคา 65 – 240 ล้านบาท
นอกจากนี้ที่อยู่อาศัยประเภทคอนโดมิเนียมก็ได้รับการตอบรับที่ดี ทั้งคอนโดมิเนียมแบรนด์ใหม่ล่าสุด XT คอนโดมิเนียมภายใต้แบรนด์เดอะ เบส และคอนโดมิเนียมแบรนด์ดีคอนโด ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด อาทิ โครงการเดอะ เบส เซ็นทรัล – ภูเก็ต และดีคอนโด แคมปัส โดม-รังสิต ที่มีกระแสตอบรับที่ดีมากจนสามารถปิดการขายทันทีในวันแรกที่เปิดพรีเซล รวมถึงดีคอนโด หาดใหญ่ ที่มียอดขายแล้วกว่า 80% รวมถึงบริษัทยังประสบความสำเร็จจากการสร้างยอดขายในตลาดต่างชาติ ที่ทำได้ถึง 12,600 ล้านบาท คิดเป็น 97% จากเป้าหมายยอดขายตลาดต่างชาติที่ตั้งไว้ในปีนี้ 13,000 ล้านบาท ทั้งนี้ปัจจุบันแสนสิริยังนับเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ไทยที่ครองส่วนแบ่งการตลาดลูกค้าต่างชาติที่สูงที่สุด จากการเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ไทยบริษัทเดียวที่เปิดการขายโครงการในต่างประเทศพร้อมกัน (Global Launch) และจัดกิจกรรมหลังการขายกับลูกค้าต่างชาติอย่างต่อเนื่อง
ขณะที่ผลการดำเนินงานไตรมาส 3/2561 บริษัทมีรายได้รวม 6,882 ล้านบาท เติบโตขึ้น 23% จากไตรมาสก่อน โดยรายได้จากการขายเพิ่มขึ้นจากการโอนโครงการแนวราบและโครงการคอนโดมิเนียมในสัดส่วน 60 : 40 โดยเริ่มโอนโครงการ ดีคอนโด พิงค์ เชียงใหม่ ที่เริ่มรับรู้การโอนในไตรมาสนี้ นอกจากนี้บริษัทยังมีรายได้จากการบริหารโครงการภายใต้บริษัทร่วมทุนกับบีทีเอสอีก 1,120 ล้านบาท โดยมีกำไรสุทธิในช่วง 9 เดือนอยู่ที่ 1,000 ล้านบาท
“ไตรมาสสุดท้ายของปี 2561 ยังนับเป็นไตรมาสที่สำคัญของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์จากการที่ลูกค้าจะตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัย นอกจากนี้คาดว่าลูกค้าจะเร่งตัดสินใจซื้อและโอนที่อยู่อาศัย ก่อนมาตรการวางเงินดาวน์ใหม่ที่จะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2562 เป็นต้นไป ทั้งนี้ บริษัทยังมีแผนการเปิดตัวโครงการใหม่ในตลาดต่างจังหวัดตามแผนการดำเนินงานและเพื่อตอบรับความต้องการลูกค้าในเชียงใหม่ และหัวหิน อีก 2 โครงการ มูลค่ารวมเกือบ 3,000 ล้านบาท รวมถึงการเตรียมโอนโครงการใหม่ ได้แก่ ดีคอนโด แคมปัส กำแพงแสน มูลค่าโครงการ 1,222 ล้านบาท ซึ่งปัจจุบันมียอดขายแล้วกว่า 70% ซึ่งจะส่งผลดีต่อเนื่องในผลประกอบการของบริษัทในช่วงที่เหลือของปีนี้ ก้าวสู่เป้าหมายยอดขายที่วางไว้และเป็นปีที่ดีที่สุดของแสนสิริ