‘ASW’ ประกาศความสำเร็จปี 2566 สร้างสถิติสูงสุดใหม่ โชว์รายได้ 7,175 ล้านบาท กำไรสุทธิ 1,092 ล้านบาท ปี 67 พร้อมเปิดตัว 12 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 25,920 ล้านบาท
27 February 2567
บมจ.แอสเซทไวส์ หรือ ASW ประกาศความสำเร็จปี 2566 เติบโตแข็งแกร่ง สร้างสถิติสูงสุดใหม่ด้วยรายได้ 7,175 ล้านบาท เติบโต 20% และกำไรสุทธิ 1,092 ล้านบาท ขณะที่ยอดขายพรีเซลปีที่ผ่านมาทำได้ 16,486 ล้านบาท เติบโต 16% ทะลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ ปี 2567 เดินหน้าบุกตลาดอสังหาริมทรัพย์ต่อเนื่อง วางแผนเปิด 12 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 25,920 ล้านบาท พร้อมตั้งเป้าหมายยอดขาย 17,800 ล้านบาท เติบโต 8% และรายได้ที่ 8,700 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 38%
นายกรมเชษฐ์ วิพันธ์พงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซทไวส์ จำกัด (มหาชน) (ASW) บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นผู้นำด้านไลฟ์สไตล์ภายใต้แนวคิด “ความสุขที่ออกแบบมาเพื่อคุณ” หรือ “We Build Happiness” เปิดเผยว่า ภาพรวมผลการดำเนินงานในปี 2566 บริษัทฯ ประสบความสำเร็จเกินเป้าหมายที่ตั้งไว้ สร้างสถิติสูงสุดใหม่ (New High) ด้วยรายได้ 7,175 ล้านบาท เติบโต 20% และมีกำไรสุทธิ 1,092 ล้านบาท เป็นผลมาจากการโอนกรรมสิทธิ์โครงการใหม่ที่สร้างเสร็จอย่างต่อเนื่องสูงถึง 10 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 14,530 ล้านบาท ซึ่งเป็นแรงส่งที่ดีในการรับรู้รายได้อย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2566-2567 ขณะที่ยอดขาย (Pre-sale) สะสมของปี 2566 สร้างสถิติสูงสุดใหม่เช่นเดียวกันที่ 16,486 ล้านบาท เติบโต 16% เมื่อเทียบกับปีก่อนและสูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้เดิม โดยมีการเปิดโครงการใหม่รวม 15 โครงการ มูลค่ากว่า 30,260 ล้านบาท สูงกว่าเป้าหมายที่วางไว้เดิมที่12 โครงการ มูลค่า 22,500 ล้านบาท
ทั้งนี้ ภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปี 2566 แม้ว่าเป็นปีที่ท้าทายเนื่องจากเศรษฐกิจโดยรวมมีปัจจัยเสี่ยงทั้งภายในและภายนอกประเทศ อย่างไรก็ตามการเติบโตขึ้นอยู่กับผู้ประกอบการที่สามารถมองเห็นโอกาสทางธุรกิจ และมีศักยภาพพร้อมที่จะลงทุน โดยในปีที่ผ่านมา ASW ได้เข้าลงทุนในบริษัท ร่มโพธิ์ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ TITLE ซึ่งล่าสุดเมื่อปลายปี 2566 ได้เปิดขายโครงการ เดอะ ไทเทิล เลเจนดารี บางเทา (The Title Legendary Bang-Tao) มูลค่าโครงการ 4,500 ล้านบาท ได้รับการตอบรับจากกลุ่มลูกค้าชาวไทยและชาวต่างชาติเป็นอย่างดี สามารถทำยอดขายได้แล้วกว่า 80% และยังมีแผนพัฒนาโครงการอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการเข้าลงทุนพัฒนาโครงการโบทานิก้า แกรนด์ อเวนิว (Botanica Grand Avenue) ลักชัวรี่ พูลวิลล่า มูลค่าสูงถึง 13,000 ล้านบาท
สำหรับแผนการดำเนินธุรกิจในปี 2567 บริษัทฯ ยังคงขับเคลื่อนการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยตั้งเป้าเปิดโครงการใหม่ 12 โครงการ มูลค่า 25,920 ล้านบาท และตั้งเป้ายอดขาย 17,800 ล้านบาท เติบโต 8% ส่วนเป้ารายได้อยู่ที่ 8,700 ล้านบาท เติบโต 38% ผ่านกลยุทธ์สร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนมั่นคงในทุกมิติ เช่น มุ่งมั่นสร้างสรรค์บ้านและคอนโดฯคุณภาพ เพื่อครองใจผู้บริโภค โดยจะพัฒนาโครงการต่อเนื่องในทำเลที่มีความเชี่ยวชาญ รวมทั้งขยายโอกาสไปยังทำเลใหม่ๆ ที่มีศักยภาพทั่วกรุงเทพฯ ปริมณฑล พื้นที่ EEC และภูเก็ต ตลอดจนพัฒนาโครงการแนวราบให้มีความหลากหลายทั้งด้านทำเล ราคา เติมเต็มความต้องการของทุกกลุ่ม พร้อมทั้งมุ่งมั่นแสวงหาโอกาสทางธุรกิจ และการลงทุนใหม่ๆ อย่างไม่หยุดนิ่งเพื่อสร้างพอร์ตรายได้ประจำ (Recurring Income) ให้กับบริษัทฯ อย่างสม่ำเสมอในระยะยาว
ขณะที่ในช่วงครึ่งปีแรก 2567 บริษัทฯ เตรียมโอนกรรมสิทธิ์โครงการใหม่อีก 6 โครงการ ประกอบด้วยแคมปัสคอนโดฯ แบรนด์ “KAVE” จำนวนถึง 3 โครงการ ได้แก่โครงการ เคฟ ซี้ด เกษตร (Kave Seed Kaset), เคฟ ยูนิเวิร์ส บางแสน (Kave Universe Bang Saen), เคฟ ทาวน์ ไอส์แลนด์ (Kave Town Island) มูลค่าโครงการรวมกว่า 5,000 ล้านบาท ปัจจุบันทั้ง 3 โครงการมียอดขายเฉลี่ยรวมกว่า 75% นอกจากนี้ยังมีโครงการ แอทโมซ คาแนล รังสิต (Atmoz Kanaal Rangsit) มูลค่า 1,650 ล้านบาท, เดอะไทเทิล ฮาโล วัน ในยาง (THE TITLE HALO 1 NAIYANG), มูลค่า 1,537 ล้านบาท และโครงการบ้านเดี่ยว ดิ ออเนอร์ โยธินพัฒนา (The Honor Yothinpattana) มูลค่า 4,200 ล้านบาท, ดิ อาเบอร์ ดอนเมือง-แจ้งวัฒนะ (The Arbor Donmueang – Chaengwatthana) มูลค่า 1,050 ล้านบาท
นายกรมเชษฐ์ กล่าวต่อว่า คาดการณ์ภาพรวมธุรกิจอสังหาฯ ในปี 2567 มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นตามจีดีพี ที่คาดว่าจะขยายตัวที่ 2.2-3.2 โดยมีทั้งปัจจัยกดดัน เช่น ปัญหาหนี้ครัวเรือน, ยอดปฎิเสธสินเชื่อบ้านจากธนาคารพาณิชย์ที่เพิ่มสูงขึ้น เป็นต้น และปัจจัยบวก อาทิ การขยายอายุมาตรการลดหย่อนทางภาษีสำหรับผู้ซื้ออสังหาฯ ราคาไม่เกิน 3 ล้านบาทไปจนถึงสิ้นปี 2567 ซึ่งจะเป็นตัวเร่งให้ผู้มีความพร้อมซื้อบ้านภายในปีนี้ รวมทั้งแนวโน้มการปรับลดของอัตราดอกเบี้ยในช่วงกลางปี และการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว ซึ่งล่าสุดมาตรการฟรีวีซ่าถาวรนักท่องเที่ยว “ไทย-จีน” จะเริ่มมีผลบังคับใช้ 1 มีนาคม 2567 นี้ คาดว่าจะส่งผลต่อภาวะเศรษฐกิจไทยให้กลับมาคึกคักมากขึ้น
“ด้วยจุดแข็งของบริษัทฯ ทั้งการเป็นผู้พัฒนาคอนโดฯ ที่ตอบโจทย์ความต้องการของของกลุ่มลูกค้า การเป็นผู้นำตลาดคอนโดฯ รอบสถานศึกษาที่ยังมีกำลังซื้อสูง รวมทั้งการขยายการลงทุนในจังหวัดภูเก็ตซึ่งเป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวทั่วโลก ครอบคลุมทั้งคอนโดฯ และพูลวิลล่าระดับลักชัวรี่ เราเชื่อว่าในปี 2567 นี้จะเป็นอีกหนึ่งปีแห่งการเติบโตก้าวที่สำคัญของ ASW” นายกรมเชษฐ์กล่าว
อนึ่ง ASW ดำเนินธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ โดยมุ่งพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยแนวสูงและแนวราบบนทำเลศักยภาพ ภายใต้แนวคิด “ความสุขที่ออกแบบมาเพื่อคุณ” หรือ “We Build Happiness” ปัจจุบันได้พัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมและโครงการบ้านจัดสรรมาแล้วกว่า 62 โครงการ ภายใต้แบรนด์ในเครือที่ออกแบบมาเพื่อสร้างความสุขให้เหมาะกับทุกไลฟ์สไตล์ ได้แก่ แบรนด์ เคฟ (KAVE), แบรนด์ แอทโมซ (ATMOZ), แบรนด์ โมดิซ (MODIZ), แบรนด์ เอสต้า (ESTA), แบรนด์ ดิ อาเบอร์ (THE ARBOR), แบรนด์ ดิ ออเนอร์ (THE HONOR) รวมถึงแบรนด์ภายใต้ บริษัท ร่มโพธิ์ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ “TITLE” ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัทฯ รวมมูลค่าโครงการกว่า 82,100 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการที่ก่อสร้างแล้วเสร็จและโครงการพร้อมอยู่ 45 โครงการ และโครงการที่กำลังเปิดขายและอยู่ระหว่างการพัฒนา 17 โครงการ และ ณ สิ้นปี 2566 มียอดขายรอรับรู้รายได้ (Backlog) มูลค่ารวมกว่า 19,575 ล้านบาท