“PRI” เปิดวิสัยทัศน์ 2567 “Elevate Your Living Experience” เดินหน้า 4 กลยุทธ์ ยกระดับประสบการณ์การใช้ชีวิตของผู้บริโภคอย่างครบวงจร
6 March 2567
พรีโม เซอร์วิส โซลูชั่น หรือ PRI เปิดแผนธุรกิจปี 2567 “Elevate Your Living Experience” สู่ผู้นำธุรกิจการให้บริการเกี่ยวเนื่องกับอสังหาฯสมัยใหม่แบบครบวงจร ชู 4 กลยุทธ์ขับเคลื่อนองค์กร ขยายบริการใหม่ไร้รอยต่อ-ติดปีกทักษะบุคลากรร่วมกับสถาบันการศึกษา-ต่อยอดนวัตกรรมใหม่ๆ-ใส่ใจสังคมและสิ่งแวดล้อม หวังยกระดับบริการอสังหาฯและประสบการณ์การใช้ชีวิตของผู้บริโภคอย่างครบวงจร สร้างคุณค่าระดับ Lifetime Value ดูแลคนทุกเจเนอเรชั่น ตั้งเป้ารายได้ปี 2567 ที่ 2,250 ล้านบาท ปูทางสร้างรายได้ประจำอย่างมั่นคง
นายสุรินทร์ สหชาติโภคานันท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พรีโม เซอร์วิส โซลูชั่น จำกัด (มหาชน) หรือPRI ผู้นำธุรกิจบริการด้านอสังหาริมทรัพย์สมัยใหม่แบบครบวงจร เปิดเผยว่า แนวโน้มการอยู่อาศัยและการใช้ชีวิตของผู้บริโภคในยุคปัจจุบัน ให้ความสำคัญกับ 4 เรื่องหลัก ได้แก่
- Smart Living Solutions ใส่ใจเทคโนโลยีที่เข้ามาช่วยให้การใช้ชีวิตสะดวกสบายมากขึ้น ครบวงจรมากขึ้นในพื้นที่เดียว โดยไม่ต้องออกนอกที่พัก
- Sustainable Living Practices ใส่ใจการใช้ชีวิตอย่างยั่งยืน ตั้งแต่การเลือกใช้ชีวิตในสถานที่ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ใช้พลังงานทดแทน มีมาตรการจัดการขยะที่มีประสิทธิภาพ
- Wellness & Well-being มองหาพื้นที่ใช้ชีวิตและไลฟ์สไตล์ที่ตอบโจทย์การมีสุขภาพกาย สุขภาพจิต และสุขภาวะที่ดี
- Flexible Living Arrangement ต้องการรูปแบบการใช้ชีวิตที่ยืดหยุ่น ปรับเปลี่ยนได้
ในฐานะผู้นำธุรกิจบริการด้านอสังหาริมทรัพย์สมัยใหม่แบบครบวงจร บริษัทจึงจะเดินหน้าขับเคลื่อนธุรกิจในปี 2567 นี้ภายใต้แนวคิด “Elevate Your Living Experience” ยกระดับงานบริการที่เกี่ยวเนื่องกับอสังหาริมทรัพย์ พร้อมทั้งยกระดับประสบการณ์การใช้ชีวิตของผู้บริโภคอย่างครบวงจร ให้สอดคล้องกับแนวโน้มพฤติกรรมความต้องการ ภายใต้ 4 กลยุทธ์หลัก ได้แก่
- ขยายบริการใหม่ไร้รอยต่อ (Expanding Our Business Horizon) เพิ่มบริการและธุรกิจใหม่ทั้งกลุ่มบริการต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ ตอบโจทย์ความต้องการของระบบนิเวศอสังหาริมทรัพย์และระบบนิเวศบริการในที่อยู่อาศัย โดยพัฒนามาตรฐานงานบริการเพื่อให้มีอัตราการต่อสัญญาที่สูงมากขึ้น เพื่อนำไปสู่การเป็นผู้เล่นในตลาดใหม่ๆ และทำการเจาะลูกค้ากลุ่ม B2C มากขึ้น อาทิ ธุรกิจตกแต่งภายใน ธุรกิจปรับปรุงภูมิทัศน์ ธุรกิจที่ปรึกษาด้านการจัดการสิ่งแวดล้อม ธุรกิจการจัดการพื้นที่ส่วนกลางอาคารขนาดใหญ่ ขยายการเข้ารับงานจากภาครัฐ และภาครัฐวิสาหกิจ รวมถึงธุรกิจนายหน้าอสังหาริมทรัพย์สำหรับชาวต่างชาติ
- ติดปีกทักษะบุคลากร (People Development) จับมือสถาบันการศึกษาที่มีหลักสูตรด้านอสังหาริมทรัพย์ 10 แห่ง อาทิ สถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์ (PIM) มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา ร่วมพัฒนาหลักสูตรยกระดับทักษะและองค์ความรู้ให้แก่พนักงานในส่วนงานที่เกี่ยวข้องกับอสังหาริมทรัพย์ อาทิ กลุ่มงานที่ปรึกษา กลุ่มงานจัดการอาคาร รวมจำนวน 30 หลักสูตรภายในปีนี้ เพื่ออัปสกิลและรีสกิล (Upskill & Reskil) ให้แก่ทั้งพนักงานปัจจุบัน และพนักงานใหม่ที่จะเข้าทำงาน ให้เข้าใจความต้องการและพฤติกรรมการอยู่อาศัยยุคใหม่ โดยพนักงานใหม่จะเข้าปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งงานต่างๆ ได้จำเป็นต้องผ่านการอบรมหลักสูตรที่เกี่ยวข้องไม่น้อยกว่า 3 หลักสูตร ขณะเดียวกัน ยังได้สร้างความร่วมมือกับกลุ่มสถาบันการศึกษาดังกล่าว นำนักศึกษาชั้นปีที่ 3-4 เข้าร่วมโครงการ Management Trainee กับ PRI เพื่อเปิดโอกาสให้นักศึกษาที่มีทักษะความสามารถตรงสายสามารถเข้ามาร่วมเป็นส่วนหนึ่งของ PRI ได้และสร้างโอกาสในสายงาน (Career Path) ให้แก่นักศึกษา เพื่อพัฒนาตัวตน นำไปสู่พนักงานผู้ให้บริการมืออาชีพในอนาคต
- ต่อยอดนวัตกรรมใหม่ (Enhance Innovation + Technology) กับบริษัท ลิฟเทค แล็บ จำกัด PRI ร่วมทุนด้านเทคโนโลยี ยกระดับการให้บริการผ่านการพัฒนานวัตกรรมและและการเข้าถึงของข้อมูลผ่านแอปพลิเคชัน Primo Plus โฉมใหม่ ให้มีฟังก์ชันและประสิทธิภาพที่ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคได้มากยิ่งขึ้น พร้อมทั้งพัฒนาแพลตฟอร์มใหม่ๆ อำนวยความสะดวกงานบริการ อาทิ แพลตฟอร์มจองแม่บ้านทำความสะอาด แพลตฟอร์มติดตามงานซ่อมบำรุงอัตโนมัติ ตลอดจนแพลตฟอร์ม การจัดการผู้มาติดต่อภายในโครงการ (Visitor Management) โดยมีแนวคิดจะทำบางแพลตฟอร์มวางจำหน่ายแบบ White Label ด้วย
- ใส่ใจสังคมและสิ่งแวดล้อม (ESG & Sustainability for Future Living) ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการผลักดันให้เกิดการจัดการของเสีย (Waste Management) การประหยัดพลังงาน (Energy Saving) ความใส่ใจสังคมและสิ่งแวดล้อม ในโครงการที่อยู่อาศัยที่ PRI เข้าไปบริหารจัดการอาคาร
นายสุรินทร์ กล่าวอีกว่า กลยุทธ์ดังกล่าว จะช่วยเพิ่มขีดความสามารถของบริษัท ยกระดับงานบริการของบริษัทให้สอดคล้องกับพฤติกรรมของผู้บริโภคยุคใหม่มากยิ่งขึ้น ช่วยเพิ่มอัตราการรักษาลูกค้าระยะยาว (Retention Rate) เพิ่มโอกาสเข้าถึงฐานลูกค้าใหม่ๆ ทั้งกลุ่มต้นน้ำ กลางน้ำ ปลายน้ำ ช่วยให้ดูแลผู้บริโภคได้อย่างครบวงจรมากยิ่งขึ้น และเป็นรากฐานการสร้าง PRI ให้เติบโตอย่างยั่งยืน
สำหรับปี 2567 นี้ บริษัทตั้งเป้าหมายรายได้ไว้ที่ 2,250 ล้านบาท โดยมองโอกาสขยายตัวจากกลุ่มธุรกิจใหม่ ตลอดจนการขยายฐานจำนวนลูกค้าโครงการทั้งในกลุ่มต้นน้ำกลางน้ำและปลายน้ำ