รูปบทความ แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ วาแผนเปิดโครงการใหม่ 15 โครงการ พร้อมตั้งเป้ายอดขาย 31,000 ล้านบาท

แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ วาแผนเปิดโครงการใหม่ 15 โครงการ พร้อมตั้งเป้ายอดขาย 31,000 ล้านบาท

บริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) ตั้งเป้าหมายแผนการดำเนินงาน ในปี 2565 โดยตั้งเป้าหมายยอดขาย (Booking) 31,000 ล้านบาท และเป้าหมายรับรู้รายได้จากยอดโอนกรรมสิทธิ์ 33,000 ล้านบาท



ผลการดำเนินงานของบริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) ในปี 2564 ได้มีการเปิดโครงการใหม่ 10 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 19,680 ล้านบาท , ใช้จ่ายด้านการลงทุนประมาณ 9,000 ล้านบาท โดยแบ่งเป็น ซื้อที่ดินเพื่อการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยเพื่อขาย 5,100 ล้านบาท , ลงทุนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการให้เช่าโดยผ่านบริษัท LHMH และ LH USA จำนวน 3,900 ล้านบาท ประกอบด้วย

  • พัฒนาศูนย์การค้า Terminal 21 Rama 3 1,285 ล้านบาท
  • พัฒนาธุรกิจโรงแรมและอะพาร์ตเม้นต์ 2,615 ล้านบาท
  • ปี 2564 บริษัท LHMH มีโครงการที่ดำเนินการแล้วและอยู่ระหว่างพัฒนาทั้งหมด 6 โครงการ และยังมีอีก 1 โครงการที่รอการส่งมอบที่ดิน คือแปลงที่ดิน Peninsula Plaza ซึ่งจะพัฒนาเป็นโครงการ Grande Centre Point Ratchadamri 2
  • เดือนธันวาคม 2564 บริษัท LH USA ได้เข้าซื้อโรงแรม The SpringHill Suites by Marriott ในเมืองอนาไฮม์ รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา เป็นการซื้อขาดและได้เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ ในที่ดิน พื้นที่ 2.07 เอเคอร์ จำนวนห้องพัก 120 ห้อง ราคา 31 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 1,056 ล้านบาท

รวมไปถึงยังได้มีการออกหุ้นกู้ มูลค่ารวม 16,000 ล้านบาท ระยะเวลา 2-3 ปี อัตราดอกเบี้ยเฉลี่ย 1.40% ต่อปี ณ สิ้นปี 2564 หนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยสุทธิ มีจำนวน 50,800 ล้านบาท โดยมี - อัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อทุน 101% - ต้นทุนทางการเงินเฉลี่ย 2.15%



สำหรับแผนการดำเนินงานในปี 2565 ของ แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ บริษัทฯ มีแผนที่จะเปิดโครงการใหม่ 15 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 29,520 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 50% เมื่อเทียบกับการเปิดโครงการใหม่ในปี 2564 


รวมไปถึงได้เตรียมงบลงทุนไว้ทั้งหมดประมาณ 10,000 ล้านบาท ประกอบด้วย

  • งบสำหรับการซื้อที่ดินเพื่อการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัย 6,000 ล้านบาท
  • งบลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์เพื่อการให้เช่า 4,000 ล้านบาท
  • บริษัทฯมีแผนที่จะขายอะพาร์ตเม้นต์ในสหรัฐอเมริกา และยังหาโอกาสที่จะลงทุนในทรัพย์สินเพิ่มเติม
  • บริษัทฯ มีแผนที่จะออกหุ้นกู้อีกจำนวน 14,000 ล้านบาท และคาดว่าอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนจะอยู่ในระดับที่ลดลงจากสิ้นปี 2564 โดยอยู่ในระดับที่ไม่เกิน 100%


การดำเนินงานของบริษัทในปี 2564 และแผนงานปี 2565


1. การดำเนินงานธุรกิจขายอสังหาริมทรัพย์

ยอดขายของบริษัทในปี 2564 มีสัดส่วน แบ่งตามประเภทสินค้า และระดับราคา ได้ดังนี้ บ้านเดี่ยว 83 % , ทาวน์เฮ้าส์ 14% , คอนโดมิเนียม 3% ถ้าแบ่งตามสัดส่วนระดับราคา ต่ำกว่า 3 ล้านบาท 5% , 3.01-7 ล้านบาท 38% , 7.01-10 ล้านบาท 11% , 10.01-20 ล้านบาท 19% , 20.01-50 ล้านบาท 20% มากกว่า 50 ล้านบาท 7% โดยจะเป็นสัดสวนในกทม.และปริมณฑล 92% และต่างจังหวัด 8%


โดยในปี 2564 สินค้าประเภทแนวราบ ได้แก่ บ้านเดี่ยว บ้านแฝดและทาวน์เฮ้าส์ ที่ยังคงเป็นสินค้าหลักที่สร้างยอดขายให้กับบริษัทฯ โดยสัดส่วนของการขายบ้านแนวราบและคอนโดมิเนียม คือ 97%:3%


และเมื่อจำแนกตามพื้นที่ กรุงเทพฯและปริมณฑลยังคงเป็นพื้นที่หลักในการก่อให้เกิดยอดขาย โดยสัดส่วนยอดขายของโครงการในกรุงเทพฯและปริมณฑลเปรียบเทียบกับยอดขายของโครงการในต่างจังหวัด คือ 92%:8%


สัดส่วนระดับราคาของบ้านที่ต่ำกว่า 10 ล้านบาทและสูงกว่า 10 ล้านบาทขึ้นไป มีสัดส่วนในการก่อให้เกิดยอดขายใกล้เคียงกันคือ 53%:47%


ทั้งนี้ ต้นปี 2564 บริษัทฯมีจำนวนโครงการมีจำนวนโครงการที่เปิดดำเนินการทั้งสิ้น 75 โครงการ เป็นโครงการในกรุงเทพและปริมณฑล 45 โครงการ ต่างจังหวัด 30 โครงการ โดยโครงการที่เปิดใหม่ 10 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 19,680 ล้านบาท และไม่มีการเปิดโครงการคอนโดมิเนียมเลย


สำหรับโครงการเปิดใหม่ แยกตามประเภทสินค้า ได้ดังนี้ (โครงการที่มีสินค้ามากกว่า 1 ประเภท นับแยกออกตามประเภทสินค้า นับซ้ำโครงการ)


  • โครงการบ้านเดี่ยว 5 โครงการ
  • โครงการบ้านแฝด 2 โครงการ
  • โครงการทาวน์เฮ้าส์ 5 โครงการ
  • โครงการคอนโดมิเนียม - โครงการ

รวมโครงการที่ดำเนินการในระหว่างปี 2564 มีจำนวนทั้งหมด 85 โครงการ มีโครงการปิดระหว่างปี 11 โครงการ ดังนั้น ณ สิ้นปี 2564 มีโครงการที่ยกไปดำเนินการต่อในปี 2565 เป็นจำนวน 74 โครงการ รวมมูลค่ากว่า 53,300 ล้านบาท


จำนวนโครงการในปี 2565

ณ ต้นปี 2565 บริษัทฯ มีจำนวนโครงการที่ดำเนินการทั้งสิ้น 74 โครงการ เป็นโครงการในกรุงเทพและปริมณฑล 44 โครงการ ต่างจังหวัด 30 โครงการ บริษัทฯ มีแผนที่จะเปิดโครงการใหม่ 15 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 29,520 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 50% เมื่อเทียบกับการเปิดโครงการใหม่ในปี 2564 โครงการที่จะเปิดใหม่ แบ่งเป็นโครงการในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล 12 โครงการ และต่างจังหวัด 3 โครงการ


เมื่อแยกตามประเภทสินค้า จะประกอบด้วย (โครงการที่มีสินค้ามากกว่า 1 ประเภท นับแยกออกตามประเภทสินค้า จึงนับซ้ำโครงการ)

  • โครงการบ้านเดี่ยว 11 โครงการ
  • โครงการบ้านแฝด 4 โครงการ
  • โครงการทาวน์เฮ้าส์ 2 โครงการ
  • โครงการคอนโดมิเนียม 1 โครงการ

ดังนั้น จำนวนโครงการที่ดำเนินการในปี 2565 มีทั้งหมดประมาณ 89 โครงการ เป็นมูลค่ากว่า 82,900 ล้านบาท ประมาณราคาเฉลี่ยต่อหน่วยขายในปี 2565 เท่ากับ 7.4 ล้านบาท (ปี 2564 ราคาเฉลี่ยต่อหน่วย 7.6 ล้านบาท)


รายละเอียดโครงการเปิดใหม่ในปี 2565

  • มัณฑนา มอเตอร์เวย์ โคราช โครงการบ้านเดี่ยว พื้นที่โครงการ 99.9 ไร่ จำนวน 352 ยูนิต ราคาเฉลี่ย 8.2 ล้านบาท มูลค่าโครงการ 2,900 ล้านบาท เปิดขาย Q1/2565
  • Inizio บางนา โครงการบ้านแฝด พื้นที่โครงการ 64.4 ไร่ จำนวน 382 ยูนิต ราคาเฉลี่ย 5 ล้านบาท มูลค่าโครงการ 1,900 ล้านบาท เปิดขาย Q1/2565
  • Inizio ราชพฤกษ์ รัตนาธิเบศร์ โครงการบ้านแฝด พื้นที่โครงการ 12.6 ไร่ จำนวน 74 ยูนิต ราคาเฉลี่ย 5.5 ล้านบาท มูลค่าโครงการ 410 ล้านบาท เปิดขาย Q1/2565
  • VIVE พระราม 9 โครงการบ้านเดี่ยว พื้นที่โครงการ 25 ไร่ จำนวน 75 ยูนิต ราคาเฉลี่ย 27.5 ล้านบาท มูลค่าโครงการ 2,060 ล้านบาท เปิดขาย Q1/2565
  • Villaggio 2 อยุธยา โครงการบ้านเดี่ยว/ทาวน์เฮ้าส์ พื้นที่โครงการ 56.2 ไร่ จำนวน 332 ยูนิต ราคาเฉลี่ย 27.5 ล้านบาท มูลค่าโครงการ 1,430 ล้านบาท เปิดขาย Q2/2565


2. การดำเนินงานธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ให้เช่า

บริษัทฯ ดำเนินธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ให้เช่าในประเทศไทยและประเทศสหรัฐอเมริกา โดยธุรกิจในประเทศไทย ดำเนินงานภายใต้ชื่อบริษัท แอลเอชมอลล์แอนด์โฮเทล (LHMH) และธุรกิจในประเทศสหรัฐอเมริกา ดำเนินงานภายใต้ชื่อบริษัท แอลเอชยูเอสเอ (LHUSA) โดยประกอบด้วยโครงการห้างสรรพสินค้า โรงแรม อะพาร์ตเมนต์และพื้นที่สำนักงานให้เช่า






เรื่องราวต่อจากนี้จะเป็นอย่างไร...?

Related Stories

Esto Talks

See All >

Living out loud

Living out loud : VANA RESIDENCE พระราม 9 - ศรีนครินทร์