รูปหน้าปก ยกธรรมชาติมาไว้ใจกลางเมืองกันที่ ‘ควินทารา ทรีเฮาส์ สุขุมวิท 42 (Quintara Treehaus Sukhumvit 42)’ คอนโด Low Rise แห่งใหม่ใกล้ BTS เอกมัย ราคาเริ่มต้นที่ 3.49 ล้านบาท

[Review] ยกธรรมชาติมาไว้ใจกลางเมืองกันที่ ‘ควินทารา ทรีเฮาส์ สุขุมวิท 42 (Quintara Treehaus Sukhumvit 42)’ คอนโด Low Rise แห่งใหม่ใกล้ BTS เอกมัย ราคาเริ่มต้นที่ 3.49 ล้านบาท

ถนนสุขุมวิท 42 แขวงพระโขนง เขตคลองเตย กรุงเทพมหานคร

Eastern Star ( อิสเทอร์น สตาร์)

Review Info

ถ้าพูดถึงแหล่งที่อยู่อาศัยในย่านธุรกิจ เราคงอยากปักหมุดใช้ชีวิตกันที่ ‘ย่านอโศก’ แต่ถ้าต้องการแต่งแต้มสีสันให้ชีวิตแบบเต็มสูบแล้วล่ะก็ เราคงจะเลือก ‘ย่านทองหล่อ’ และถ้าเกิดเราเป็นคนรักความเงียบสงบ อยากอยู่ท่ามกลางธรรมชาติ แต่ไม่อยากเดินทางไปใช้ชีวิตไกลๆ ถึงแถบชานเมืองล่ะ เราจะเลือกที่ไหนได้บ้าง?

ควินทารา ทรีเฮาส์ สุขุมวิท 42 (Quintara Treehaus Sukhumvit 42)
วันนี้ Estopolis ของเราจึงนำความสุขแบบเรียบง่าย ที่ไม่คิดว่าจะมีอยู่ในย่านใจกลางเมืองมานำเสนอให้ชาวคอนโดได้รู้จักกันกับ ควินทารา ทรีเฮาส์ สุขุมวิท 42 (Quintara Treehaus Sukhumvit 42) คอนโดมิเนียมใหม่ที่จะทำให้คุณได้ใช้ชีวิตแบบ Seamless Natural Living บนทำเลศักยภาพอย่าง ‘เอกมัย’ ทำเลที่ขึ้นชื่อว่าเป็น “ตลาดพรีเมียมของด้านการอยู่อาศัย” ในราคาเริ่มต้น 3.49 ล้านบาท


รายละเอียดโครงการ ควินทารา ทรีเฮาส์ สุขุมวิท 42 (Quintara Treehaus Sukhumvit 42)


ชื่อโครงการ : ควินทารา ทรีเฮาส์ สุขุมวิท 42 (Quintara Treehaus Sukhumvit 42)

เจ้าของโครงการ : EASTERN STAR REAL ESTATE

ที่ตั้ง : ถนนสุขุมวิท 42 แขวงพระโขนง เขตคลองเตย กรุงเทพฯ 10110

ขนาดพื้นที่ : 2-2-13 ไร่

ลักษณะอาคาร : อาคารพักอาศัยสูง 8 ชั้น จำนวน 2 อาคาร

จำนวนยูนิต : 304 ยูนิต

จำนวนที่จอดรถ : คิดเป็น 45% (ไม่รวมจอดซ้อนคัน)

รูปแบบห้อง :

- 1 Bedroom พื้นที่ใช้สอย 29-40 ตารางเมตร

- 2 Bedrooms พื้นที่ใช้สอย 46-55 ตารางเมตร

เริ่มก่อสร้าง : ธันวาคม ปี 2561

กำหนดการแล้วเสร็จ : เมษายน ปี 2563

เว็บไซต์โครงการ : ควินทารา ทรีเฮาส์ สุขุมวิท 42 (Quintara Treehaus Sukhumvit 42)

ราคาเริ่มต้น : 3.49 ล้านบาท

ค่าส่วนกลาง : 55 บาท/ตารางเมตร


Insight

เมื่อธรรมชาติหาได้ยากในเมืองใหญ่ ควินทารา ทรีเฮาส์ สุขุมวิท 42 (Quintara Treehaus Sukhumvit 42) คอนโด Low Rise สูง 8 ชั้น จำนวน 2 อาคารนี้ จึงเปรียบเสมือนเป็นตัวกลางที่หลอมรวมเอาความเป็นเมืองกับความเป็นธรรมชาติเข้ามาไว้ด้วยกัน

ภายใต้คอนเซ็ปต์ ‘Seamless Natural Living’ ที่ทำให้คนเมืองอย่างเราๆ ได้ใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางพื้นที่สีเขียวอันร่มรื่น และได้ลองใช้พื้นที่ส่วนกลางขนาดใหญ่ที่มีความเป็นส่วนตัวสูง (Secret garden) ไปพร้อมๆ กับช่วยลดระยะเวลาการเดินทางให้สั้นลงด้วยการเลือกที่อยู่อาศัยในทำเล Prime Area อย่างเอกมัย


ซึ่งรายละเอียดของตัวโครงการทั้งหมดจะเป็นอย่างไร จะใช่คอนโดที่คุณกำลังมองหาเพื่อการใช้ชีวิตหรือไม่ เราขอแนะนำให้ตามไปชมพร้อมๆ กันในบรรทัดต่อไปได้เลย


แผนผังอาคารของคอนโด ควินทารา ทรีเฮาส์ สุขุมวิท 42 (Quintara Treehaus Sukhumvit 42)


คอนโด ควินทารา ทรีเฮาส์ สุขุมวิท 42 (Quintara Treehaus Sukhumvit 42) ตั้งอยู่ในซอยที่เงียบสงบอย่างซอยบาร์โบส 2 บนพื้นที่ขนาด 2-2-13 ไร่ สำหรับวิวทิวทัศน์รอบๆ ตัวโครงการถ้าหากแบ่งตามทิศต่างๆ แล้วจะเป็นดังต่อไปนี้

  • ทิศเหนือ ติดกับถนนของซอยบาร์โบส 2 ตรงข้ามเป็นร้านอาหาร Issara @ 42 และ Zenith Place Sukhumvit 42
  • ทิศใต้ เป็นกลุ่มอาคารสำนักงาน
  • ทิศตะวันออก เป็นที่อยู่อาศัยประเภทบ้านเดี่ยว
  • ทิศตะวันตก เป็นอาคารฝ่าย Logistic ของ BJC

สำหรับ Master Plan ของโครงการจะเป็นอาคาร Low Rise คล้ายรูปตัว C ประกบกัน จากด้านหน้าโครงการจะเป็นทางเข้าเชื่อมเข้าสู่พื้นที่ Facilities ที่ตั้งอยู่ตรงกลางให้ความรู้สึกสงบและเป็นอิสระจากโลกภายนอก

โดยบริเวณชั้น G floor จะประกอบไปด้วยสระว่ายน้ำยาว 23 เมตร, สระตื้น, น้ำพุ และ Jacuzzi พร้อมรายล้อมด้วยต้นไม้สูงประมาณชั้น 2 ช่วยสร้างความ Privacy ของการอยู่อาศัยให้เป็นส่วนตัวมากขึ้น นอกจากนี้ใต้อาคารทั้ง 2 อาคารจะแบ่งเป็นพื้นที่จอดรถ ซึ่งสามารถจอดได้ที่บริเวณชั้นนี้และชั้นใต้ดิน เมื่อเดินเข้าไปภายในอาคารจะเจอกับพื้นที่ล็อบบี้ และมีโถงลิฟต์ให้บริการอยู่อาคารละ 2 ตัว

ขึ้นมาบริเวณชั้น 2 จะแบ่งเป็นพื้นที่พักอาศัย เริ่มต้นตั้งแต่ขนาด 29 ตร.ม. ไปจนถึงขนาด 55 ตร.ม. เพื่อให้เข้ากับไลฟ์สไตล์ของผู้อยู่อาศัยในหลากหลายรูปแบบ และมีส่วนของ Facilities ที่สามารถมองเห็นวิวสระได้อย่างชัดเจน


โมเดลอาคารของคอนโด ควินทารา ทรีเฮาส์ สุขุมวิท 42 (Quintara Treehaus Sukhumvit 42)

มาดูภาพโมเดลของอาคารกันสักเล็กน้อย จะเห็นว่า ตัวอาคารจะเป็นอาคารแฝดสูง 8 ชั้นหน้าตาทันสมัย ซึ่งได้รับการออกแบบจากสถาปนิกชื่อดังอย่าง Architects 49, VV desine landscape, architect และ Design plus style ที่ช่วยเนรมิตให้โครงการนี้ออกมาในแนวธรรมชาติ ทั้งการเล่นสีตัวอาคารแนวเอิร์ธโทน รายล้อมด้วยบรรยากาศร่มรื่นของต้นไม้ที่ทางโครงการตั้งใจปลูกไว้ เพื่อให้ลูกบ้านได้ใกล้ชิดกับคำว่า ‘ธรรมชาติ’ มากยิ่งขึ้น

จุดเด่นของตัวอาคารจะอยู่ที่การเล่นสีสันจากธรรมชาติ อย่างการนำอิฐแดงมาสร้างเป็น Facade ที่สื่อถึงการปลุกปั้นดินดั้งเดิมให้กลายเป็นสถาปัตยกรรมเพื่อการอยู่อาศัย สะท้อนให้เห็นถึงความใกล้ชิดกับธรรมชาติ

และยังมีการเพิ่มลูกเล่นให้กับอาคาร ด้วยการออกแบบกระจกภายในห้องให้สูงตั้งแต่พื้นจรดเพดาน ยิ่งในชั้น 8 เองก็เสริมความพิเศษให้มากขึ้นด้วยกระจกหนา 2 ชั้น ที่สามารถเปิด-ปิดบดบังสายตาจากการมองเห็นของคนภายนอกได้ด้วย

สำหรับทางเข้าตัวอาคารจะอยู่ติดกับถนนของซอยบาร์โบส 2 โดยทางเข้า-ออกโครงการนั้นจะมีระบบรักษาความปลอดภัยทั้งเจ้าหน้าที่ รปภ. และระบบ Key Card Access ควบคุมการเข้า-ออกของโครงการให้ด้วย

ด้านพื้นที่จอดรถจะมีให้จอดได้ตรงบริเวณชั้น 1 และชั้นใต้ดิน คิดเป็น 45% (ไม่รวมจอดซ้อนคัน) และที่พิเศษ คือ ทางโครงการจะมีส่วนของ EV Charger ที่ทำหน้าที่เป็นตัวชาร์จพลังงานไฟฟ้าให้กับแบตเตอรี่รถยนต์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้าในการขับเคลื่อนเพิ่มให้ด้วย

ส่วนพื้นที่กลางอาคารจะเป็นพื้นที่ของ Facilities หลักอย่าง สระว่ายน้ำระบบเกลือ ยาว 200 เมตร, สระตื้น, น้ำพุ และ Jacuzzi โดยด้านข้างสระจะมี Day Bed จัดวางไว้ให้นอนพักผ่อน

ส่วน Facilities หลักอื่นๆ จะอยู่บริเวณชั้น 2 ของอาคาร A ซึ่งลูกบ้านทั้ง 2 อาคารจะสามารถเข้าใช้พื้นที่ Facilities ร่วมกันได้

จุดเด่นอีกอย่างหนึ่งของโครงการนี้ก็คือ Roof Top ที่ออกแบบมาให้ตอบโจทย์ในทุกกิจกรรม เหมาะสำหรับชาวคอนโด แต่ขณะเดียวกันก็ยังไม่ลืมที่จะสอดแทรกความเป็นธรรมชาติเข้าไป เพื่อให้เข้ากับคอนเซ็ปต์ของโครงการอีกด้วย

โดยพื้นที่บน Roof Top จะประกอบไปด้วย “โซนชมวิว” ที่เราสามารถนั่งพักผ่อนหย่อนใจไปกับบรรยากาศแบบสงบ พร้อมจุดให้ทำกิจกรรมอย่าง ปาร์ตี้ BBQ, สนามเด็กเล่น หรือถ้าใครอยากวิ่งออกกำลังกายทาง ควินทารา ทรีเฮาส์ สุขุมวิท 42 (Quintara Treehaus Sukhumvit 42) ก็สร้างทางเชื่อมระหว่าง 2 อาคารให้กลายเป็น Jogging Track ระยะทางรวมประมาณ 200 เมตร พร้อมจุดเช็คอิน Exercise พิเศษให้เราขยับร่างกายตามฐานได้อีกด้วย


ภาพบรรยากาศจำลองของคอนโด ควินทารา ทรีเฮาส์ สุขุมวิท 42 (Quintara Treehaus Sukhumvit 42)

เปลี่ยนมาชมภาพบรรยากาศจำลองของโครงการ ควินทารา ทรีเฮาส์ สุขุมวิท 42 (Quintara Treehaus Sukhumvit 42) ซึ่งเป็นโครงการใหม่ล่าสุดจาก Eastern Star Real Estate กันบ้าง โดยตัวโครงการจะเน้นความเป็นส่วนตัวที่ให้ความรู้สึกสงบ เต็มไปด้วยต้นไม้น้อยใหญ่ในสไตล์ธรรมชาติ ให้อารมณ์เหมือนรีสอร์ทตากอากาศแต่กลับมีพื้นที่อยู่ในย่านใจกลางเมืองเป็นหลัก

ตัวอาคารมีการเว้าพื้นที่ Facilities ตรงกลางไว้ให้เป็นพื้นที่กลางแจ้ง เปิดรับแสงได้ดี นอกจากนี้ยังรายล้อมด้วยกลุ่มอาคารรูปตัว C จากทั้ง 2 ฝั่ง ส่วนด้านบนเองก็มี Roof Top สไตล์ธรรมชาติ เปิดรับความสุนทรียภาพไปพร้อมๆ กับการทำกิจกรรมสนุกๆ บนพื้นที่ที่โครงการจัดเตรียมไว้ให้

ส่วนกลางหลักๆ จะอยู่กลางอาคารและบริเวณชั้น 2 ของอาคาร A ส่วนยูนิตพักอาศัยจะเริ่มบนชั้น 2 เป็นต้นไป โดยในแต่ละยูนิตจะสามารถมองเห็นวิวที่แตกต่างกัน แบ่งได้ถึง 3 รูปแบบ ได้แก่

  • วิวสระว่ายน้ำ
  • วิวเมือง
  • วิวพื้นที่สีเขียว

มาถึงพื้นที่ด้านในอาคารจะเห็นว่า เน้นการตกแต่งในโทนอบอุ่นและเป็นธรรมชาติให้ความรู้สึกสงบ ดูเป็นส่วนตัวแต่แฝงไว้ด้วยความหรูหรา ด้านการตกแต่งก็มีการเล่นเส้นสายทั้งแนวตั้งและแนวนอนเพื่อให้เกิด Movement ที่ดูไม่น่าเบื่อ


แบบห้องพักของโครงการคอนโด ควินทารา ทรีเฮาส์ สุขุมวิท 42 (Quintara Treehaus Sukhumvit 42)

สำหรับยูนิตพักอาศัยจะแบ่งเป็น 2 Type หลักๆ ได้แก่

  • 1 Bedroom พื้นที่ใช้สอย 29-40 ตารางเมตร 
  • 2 Bedrooms พื้นที่ใช้สอย 46-55 ตารางเมตร

โดยห้องตัวอย่างที่เราได้เข้าเยี่ยมชมนั้นจะเป็นห้องแบบ 1 Bedroom ขนาด 31 ตารางเมตร ซึ่งเป็นยูนิตส่วนใหญ่ของโครงการ และห้องแบบ 2 Bedrooms ขนาด 55 ตารางเมตร ซึ้งเป็นห้อง type ใหญ่ที่สุดของโครงการเช่นกัน โดยทาง ควินทารา ทรีเฮาส์ สุขุมวิท 42 (Quintara Treehaus Sukhumvit 42) จะขายยูนิตห้องพักอาศัยทั้งหมดแบบ Fully Furnished ให้ครบทั้งเฟอร์นิเจอร์, สุขภัณฑ์ห้องน้ำ, เครื่องปรับอากาศ และชุดครัวตามดีไซน์มาตรฐานของโครงการ


1 BR 31 SQ.M.

เพิ่มพื้นที่ส่วนตัวให้มากขึ้นกับการเลือกอยู่อาศัยในคอนโดแบบ 1 Bedroom ขนาด 31 ตารางเมตรของโครงการ ควินทารา ทรีเฮาส์ สุขุมวิท 42 (Quintara Treehaus Sukhumvit 42) ที่จัดวางเลย์เอาท์มาให้เป็นสัดส่วนมากขึ้น ทั้งการกั้นห้องครัวและห้องนอนแบบปิด เหมาะกับทุกกิจกรรมของทุกคนในครอบครัว 

นอกจากนี้ทางโครงการยังทำฝ้าเพดานสูง 2.6 เมตรเพื่อเพิ่มความโปร่งให้แก่ห้อง ส่วนพื้นในห้องนั่งเล่นและห้องนอนจะปูพื้นด้วยลามิเนตลายไม้ต่อเนื่องกัน ฝั่งห้องครัวกับระเบียงจะปูด้วยกระเบื้องแกรนิตโต้ ส่วนห้องน้ำจะใช้เป็นกระเบื้องพอร์ซเลนที่ง่ายต่อการทำความสะอาด

เริ่มจากด้านหน้าประตูมองเข้ามายังตัวห้อง ส่วนแรกที่เห็นจะเป็นห้องนั่งเล่น มองเข้าไปเจอพื้นที่ครัวเชื่อมต่อกับระเบียงซักล้าง โดยขวามือของห้องนั่งเล่นจะเป็นห้องนอน ซึ่งจะมีห้องน้ำด้านในตัว
ทางโครงการจะตกแต่งผนังห้องจริงด้วยการฉาบเรียบทาสี พร้อมติดวอลล์เปเปอร์สีมาตรฐานให้ แต่ถ้าใครสนใจการตกแต่งอยู่แล้ว ก็อาจนำไอเดียจากห้องตัวอย่างไปปรับใช้กับห้องของตัวเองก็ได้ไม่ว่ากัน  

เนื่องจากเป็นโครงการที่เน้นความเป็นส่วนตัว ระบบความปลอดภัยจึงเป็นเรื่องสำคัญ ทางโครงการจึงติดตั้ง Digital Door Lock ของ Haffle มาให้ สามารถใช้ได้ทั้งรหัส, คีย์การ์ดและกุญแจ

เมื่อก้าวเข้าสู่ห้องนั่งเล่นจะรู้สึกได้ถึงความปลอดโปร่ง เพราะด้วยเลย์เอาท์ของห้องที่จัดมาให้เป็นห้องแบบหน้ากว้าง จึงมีพื้นที่ทำกิจกรรมค่อนข้างเยอะ โดยทางโครงการจะแถมเป็นโซฟาแบบ 2 ที่นั่งมาให้ด้วย แต่ขณะเดียวกันก็ยังเหลือพื้นที่ด้านข้างให้ตกแต่งเพิ่มเติมได้อีกเยอะ

ตรงข้ามโซฟาจะเป็นชั้นวางทีวีที่ทางโครงการ Built-in ติดผนังมาให้แล้ว โดยหน้าบานของชั้นจะปิดด้วยลามิเนตลายไม้โทนสีอ่อน มีลิ้นชักและชั้นไว้ให้เก็บของพร้อม หรือใครจะวางของตกแต่งตั้งโชว์ไว้ด้านบนชั้นเพื่อประดับห้องก็ได้

ด้านข้างเป็นตู้บิลท์อิน (Built-in) บานเปิดเดี่ยว หน้าบานกรุด้วยกระจกสีชาดูหรา เมื่อเปิดออกมาจะเจอกับชั้นวางของที่สามารถใช้วางรองเท้า, ร่ม หรือสัมภาระที่ใช้บ่อยๆ ได้

ระยะห่างจากโซฟาถึงชั้นวางทีวีกว้างประมาณ 1.5 เมตร สามารถติดตั้งทีวีขนาด 40 นิ้วได้สบายๆ ส่วนพื้นที่ตรงกลางก็กว้างพอให้วาง Coffee Table ดีไซน์สวยเพิ่มเติมได้อีกสักตัว

สำหรับไฟภายในห้องจะเป็นไฟดาวน์ไลท์ทรงสี่เหลี่ยมฝังฝ้า ดูแล้วโมเดิร์นดี

ทางโครงการแถมเครื่องปรับอากาศมาให้ จะติดตั้งบริเวณห้องนั่งเล่นและห้องนอนอย่างละหนึ่งจุด

โซนต่อมานับเป็นอีกหนึ่งโซนพิเศษที่ ควินทารา ทรีเฮาส์ สุขุมวิท 42 (Quintara Treehaus Sukhumvit 42) ออกแบบมาเพื่อลูกบ้านนั่นก็คือ “การทำครัวระบบปิด” กั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อนที่ช่วยป้องกันกลิ่นและควันจากการประกอบอาหารได้เป็นอย่างดี 

ขนาดของพื้นที่ครัวก็กว้างขวาง เหมาะสำหรับผู้ที่ชอบทำอาหารเป็นชีวิตจิตใจ และยังต้องการพื้นที่สำหรับสังสรรค์ที่เป็นสัดส่วนมากขึ้น ประกอบด้วยเคาน์เตอร์ครัวที่เว้นพื้นที่ด้านข้างเอาไว้สำหรับวางตู้เย็นขนาดใหญ่ถึง 11 คิวบิกฟุตได้สบายๆ ทั้งยังมีโต๊ะทานข้าวแยกมาให้อีกต่างหาก

สำหรับเคาน์เตอร์ครัว ทางโครงการจะ Built-in ให้มาทั้งชุด มีทั้งชั้นลอยด้านบนและเคาน์เตอร์ประกอบอาหารที่ปิดผิวหน้าบานด้วยไฮกลอส ทำให้ห้องครัวดูหรูหราขึ้น แถมยังเช็ดล้างทำความสะอาดได้ง่ายอีกด้วย

ส่วนท็อปครัวจะเป็นหินสังเคราะห์ที่เช็ดล้างทำความสะอาดง่าย ทนต่อความร้อนได้ดี นอกจากนี้ก็มีอ่างล้างจานแบบหลุมเดี่ยวพร้อมก๊อกน้ำแบบก้านโยกของ MEX ติดตั้งมาให้ด้วย

สำหรับเครื่องใช้ไฟฟ้าทางโครงการจะแถมเตาไฟฟ้าขนาด 2 หัว พร้อมเครื่องดูดควันแบบปล่อยออกนอกอาคารจาก MEX มาให้ครบชุด สามารถใช้ประกอบอาหารได้ดี

เปลี่ยนมื้ออาหารธรรมดาๆ ให้พิเศษมากขึ้น ด้วยชุดโต๊ะรับประทานอาหารแบบ 2 ที่นั่ง ท็อปวัสดุของโต๊ะจะทำมาจากหินแท้ลวดลายสวยงามเป็นเอกลักษณ์ สร้างความหรูหราและบรรยากาศบนโต๊ะอาหารให้พิเศษกว่าเดิม

ติดกับพื้นที่ครัวจะเป็นระเบียงพักผ่อน กั้นด้วยประตูบานเลื่อนที่สามารถเปิดออกไปรับลมได้ สำหรับราวระเบียงจะเป็นกระจกทำให้เรามองเห็นวิวได้ชัดเจน

พื้นด้านนอกจะปูกระเบื้องเหมาะสำหรับการซักล้าง ส่วนด้านบนมีโคมไฟแบบดาวน์ไลท์ให้ ติดตั้งที่ระบายอากาศ พร้อมมุมสำหรับวางคอมเพรสเซอร์แอร์แบบหันออกนอกอาคาร นอกจากนี้ยังมีระแนงของอิฐแดงช่วยบดบังสายตาจากด้านนอกที่มองเข้ามาให้ด้วย

ถ้าหากการพักผ่อนคือ การชาร์จพลังสำหรับคุณ ฉะนั้นการเลือกซื้อคอนโดที่เป็นห้องนอนแยกสัดส่วนชัดเจนก็จะตอบโจทย์ได้ตรงใจมากกว่า อย่างที่โครงการ ควินทารา ทรีเฮาส์ สุขุมวิท 42 (Quintara Treehaus Sukhumvit 42) ออกแบบผังห้องนอนให้แยกส่วนออกไปอย่างชัดเจนในทุกๆ ยูนิต

โดยภายในห้องนอนจะประกอบไปด้วยฐานเตียงที่ทางโครงการแถมมาให้ มีขนาดใหญ่คิงไซส์ 6 ฟุต พร้อมติดตั้งเครื่องปรับอากาศมาให้เรียบร้อย

แต่ถึงแม้จะวางเตียงคิงไซส์แล้ว ตัวห้องนอนก็ยังเหลือพื้นที่ด้านข้างที่ยื่นออกไปเป็นส่วนอเนกประสงค์ จะจัดเป็นโต๊ะอ่านหนังสือ, โต๊ะทำงานหรือมุม Day bed ไว้นอนชมวิวจากกระจกที่สูงจรดเพดานแบบบานฟิกซ์ผสมบานกระทุ้งที่ทางโครงการออกแบบไว้ให้ก็ได้

อีกมุมหนึ่งของเตียงจะเหลือพื้นที่ไว้สำหรับจัดวางโต๊ะหัวเตียงเล็กๆ โดยเราสามารถออกแบบให้เป็นโต๊ะวางของหรือโต๊ะเครื่องแป้งเล็กๆ น่ารักก็ล้วนแต่ตอบโจทย์การใช้งานทั้งนั้น

สำหรับสาวกแฟชั่นก็ไม่ต้องกังวลเรื่องพื้นที่เก็บของ เพราะทางคอนโดแถมตู้เสื้อผ้าบานสไลด์ กรุหน้าบานด้วยกระจกสีชาดีไซน์เท่มาให้แล้ว โดยด้านในจะแบ่งเป็นช่องวางของ, ราวแขวน และลิ้นชักสำหรับใส่ของกระจุกกระจิกอื่นๆ 

อำนวยความสะดวกให้การอยู่อาศัยด้วยการจัดห้องน้ำไว้ในห้องนอน โดยทางเข้าจะอยู่ติดกับประตูห้องนอนพอดี

สำหรับธรณีประตูห้องน้ำจะทำการยกสูง พร้อมเก็บขอบคิ้วพื้นมาให้เรียบร้อย เพื่อป้องกันน้ำไหลย้อนออกมาเปื้อนพื้นลามิเนตด้านนอกเสียหาย ส่วนด้านในห้องน้ำจะปูพื้นด้วยกระเบื้องพอร์ซเลนส์แผ่นใหญ่ เพื่อให้ง่ายต่อการทำความสะอาด

ทางโครงการจัดการแยกส่วนเปียกและส่วนแห้งไว้ให้เรียบร้อย โดยส่วนแห้งจะติดตั้งอ่างล้างหน้ากับกระจกส่องหน้าไว้ ซึ่งห้องจริงจะได้เป็นกระจกครึ่งบานของในห้องตัวอย่าง และมีโถสุขภัณฑ์แบบครบชุด

อ่างล้างหน้าเป็นแบบฝังลงบนเคาน์เตอร์ลายหินอ่อนของแบรนด์ kasch มีขนาดกว้างพอสมควร ส่วนด้านข้างจะมีพื้นที่ให้เราวางของ รวมถึงบริเวณเหนืออ่างเองก็ทำ Low Wall ไว้สำหรับให้วางของเพิ่มเติมได้อีกด้วย

ด้านล่างอ่างล้างหน้าจัดเป็นชั้นเก็บของแยกให้วางผ้าเช็ดหน้า รวมถึงผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดอื่นๆ เพิ่มเติมได้ด้วย

ด้านข้างอ่างล้างหน้าจะเป็นโถสุขภัณฑ์แบบ One piece ระบบ Dual Flush จาก kasch เช่นเดียวกัน ส่วนด้านข้างจะมีสายฉีดชำระและที่ใส่กระดาษทิชชู่ติดตั้งมาให้ครบ ใช้งานสะดวกอยู่ใกล้มือ

สำหรับพื้นที่ส่วนเปียกนั้น ทางโครงการจะติดตั้งเป็น Shower box มาให้ กั้นด้วยประตูกระจกบานเปิด-ปิด มีการยกธรณีขึ้นสูงเพื่อป้องกันน้ำไหลย้อนออกมา ส่วนผนังก็จะปูกระเบื้องแกรนิตโต้ที่สามารถทำความสะอาดคราบสบู่และคราบไคลได้อย่างง่ายดาย

อุปกรณ์อาบน้ำที่ได้จะเป็นฝักบัวแบบ Hand Shower ของ kasch เช่นกัน ซึ่งเราสามารถปรับตำแหน่งฝักบัวให้สูงหรือต่ำลงมาได้ตามใจชอบ นอกจากนี้ทางโครงการยังเดินระบบทำน้ำอุ่นมาให้ เราสามารถติดตั้งเครื่องเพิ่มเองได้ ส่วนพื้นที่วางของในโซนเปียกจะเจาะกำแพงเป็นช่อง Drop wall เข้าไปตามภาพ


2 BR 55 SQ.M.

มาถึงอีกหนึ่ง Type น่าสนใจของโครงการ ควินทารา ทรีเฮาส์ สุขุมวิท 42 (Quintara Treehaus Sukhumvit 42) นั่นก็คือห้องแบบ 2 Bedrooms ขนาด 55 ตารางเมตร ซึ่งจะเป็นห้องขนาดใหญ่ที่สุดของทางคอนโด 

ด้านเลย์เอาท์จะจัดแบ่งเป็น 2 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ โดยมีพื้นที่ของห้องนั่งเล่น, ระเบียง และครัวแบบระบบเปิด และความพิเศษของห้องนี้จะอยู่ตรงที่พื้นที่ห้องนอนที่ใหญ่ ดูโปร่งโล่งด้วยความสูงของฝ้าเพดานที่ออกแบบมาให้สูงถึง 2.6 เมตร และนับว่าโครงการได้ทำการแบ่งพื้นที่ทำกิจกรรมต่างๆ ไว้ค่อนข้างชัดเจนเลยทีเดียว

เริ่มจากเปิดประตูเข้าห้องมา...ส่วนแรกที่เราได้เจอนั้นจะเป็นโซนของห้องครัว ฝั่งขวามือเป็นโต๊ะรับประทานอาหารแบบ 4 ที่นั่ง ส่วนฝั่งซ้ายมือจะเป็นพื้นที่ประกอบอาหาร หากมองตรงไปจะเห็นห้องนั่งเล่นที่เชื่อมกับระเบียง โดยทางฝั่งซ้ายมือของห้องนั่งเล่นจะเป็นห้องนอนเล็กที่มีประตูเชื่อมต่อกับห้องน้ำรับแขก ส่วนขวามือจะเป็นพื้นที่ของห้องนอนใหญ่ที่มีห้องน้ำอยู่ในตัว 

สนุกกับการทำอาหารมากขึ้นด้วยพื้นที่ครัวเปิดที่แยกตัวออกมาเป็นสัดส่วน เหมาะจะใช้เตรียมอาหารเบาๆ กลิ่นไม่แรงนัก โดยทางโครงการจะเพิ่มพื้นที่เคาน์เตอร์ครัวให้เป็นรูปตัว L พร้อมแบ่งสัดส่วนเป็นโซนเตรียมอาหารอย่างอ่างล้างจานหลุมเดี่ยว และส่วนประกอบอาหารที่แถมเตาไฟฟ้า 2 หัวและเครื่องดูดควันจาก MEX มาให้เช่นกัน 

ถัดจากมุมรับประทานอาหารไปจะเข้าสู่โซนสงบ เหมาะกับการพักผ่อนอย่าง “ห้องนั่งเล่น”

สำหรับห้องนั่งเล่นนั้น ทางโครงการจะจัดให้อยู่ติดกับพื้นที่ระเบียง ให้เราสามารถเปิดประตูออกไปรับวิวและแสงธรรมชาติจากภายนอกได้ ทำให้ห้องดูโปร่งและสว่างแม้จะไม่ได้เปิดไฟก็ตาม

ซึ่งทางโครงการจะแถมเซ็ตโซฟาและชั้นวางทีวีมาให้ โดยระยะห่างจากโซฟาถึงทีวีจะอยู่ที่ประมาณ 1.5 เมตร นับว่ากว้างพอสมควรทีเดียว

ใครที่มีแขกมาเยี่ยมเยือนอยู่บ่อยๆ น่าจะชอบแปลนของห้องน้ำรับแขกนี้ ที่สามารถเข้า-ออกได้ทั้งจากด้านนอกและด้านในห้องนอนเล็กที่อยู่ติดกัน

พื้นที่ห้องน้ำถูกแบ่งเป็นโซนแห้งและเปียก โดยทางโครงการก็ได้ให้สุขภัณฑ์มาครบชุดเช่นเดียวกัน ประกอบด้วย อ่างล้างหน้า, โถสุขภัณฑ์, ที่ใส่กระดาษทิชชู่, สายฉีดชำระ, ราวแขวนผ้าและฝักบัวแบบ Hand Shower จาก kasch 

เข้ามายังห้องนอนเล็กที่ไม่ได้เล็กอย่างชื่อ เพราะตัวห้องมีขนาดกว้างพอให้วางเตียงขนาดควีนไซส์ได้แบบสบายๆ โดยทางโครงการจะแถมฐานเตียง, ตู้เสื้อผ้า และเครื่องปรับอากาศมาให้ครบ

บริเวณหัวเตียงและปลายเตียงเหลือพื้นที่ให้จัดวางของตกแต่ง หรือติดตั้งทีวีแบบแขวนผนังเพิ่มเติมได้ ซึ่งทางโครงการจะทำปลั๊กไฟและระบบสายเคเบิลมาให้เรียบร้อยพร้อมใช้งาน

มาถึงส่วนสำคัญส่วนสุดท้ายนั่ก็คือ “ห้องนอนใหญ่” ที่ออกแบบมาให้กว้างขวางพอจะวางเตียงขนาดคิงไซส์ได้อย่างเหลือเฟือ แบบที่มีพื้นที่เหลือให้เราตกแต่งและบิลท์อินชั้นวางของเพิ่มเติมได้อีกเยอะ

นอกจากมุมเตียงแล้ว “พื้นที่อเนกประสงค์” ก็เป็นอีกหนึ่งจุดที่น่าจะเป็นมุมพิเศษสำหรับนั่งพักผ่อนเลยก็ว่าได้ โดยเราสามารถปรับเปลี่ยนเป็นชั้นวางของ, โต๊ะทำงานหรือจะบิลท์อิน (Built-in) โซฟาแบบเข้ามุมไว้เหมือนกับในห้องตัวอย่างก็ได้เช่นกัน

บริเวณปลายเตียงสามารถติดตั้งทีวีเพิ่มเติมได้ ส่วนตำแหน่งเครื่องปรับอากาศจะอยู่ฝั่งตรงข้ามหน้าต่าง ซึ่งการติดห่างจากหน้าต่างแบบนี้จะช่วยทำให้เครื่องทำงานได้ดีขึ้น เนื่องจากไม่ค่อยโดนความร้อนจึงกินไฟน้อยลง

เดินเลยเข้ามาอีกหน่อยจะเจอ Walk-in Closet ตกแต่งด้วยตู้เสื้อผ้าบานเปิด-ปิด กรุกระจกสีชาสไตล์โมเดิร์น พร้อมโต๊ะเครื่องแป้งน่ารักๆ เหมาะสำหรับสาวๆ ที่อยากจะเช็กความพร้อมของตัวเองให้เรียบร้อยก่อนออกจากห้องไปทำงาน

ติดกับ Walk-in closet จะเป็น “ห้องน้ำ” เรียกว่าอาบน้ำเสร็จก็สามารถออกไปแต่งตัวได้เลยทันที ด้านเลย์เอาท์และวัสดุต่างๆ จะเหมือนกับห้องน้ำที่อยู่ทางด้านนอกนั่นก็คือ แยกโซนเปียก-แห้งให้เรียบร้อย โดยโซนแห้งจะมีอ่างล้างหน้าแบบฝังลงบนเคาน์เตอร์, โถสุขภัณฑ์, สายฉีดชำระและที่ใส่กระดาษทิชชู่ ส่วนด้านบนจะทำ Low wall ไว้สำหรับวางของและกรุกระจกเงาขนาดครึ่งบานมาให้

บริเวณด้านบนของห้องน้ำทุกห้องจะติดตั้งระบบระบายอากาศมาให้พร้อม จึงเบาใจเรื่องกลิ่นรบกวนไปได้เลย

ชำระล้างความเหนื่อยล้าด้วยการอาบน้ำใน Shower Box โดยห้องน้ำของห้องแบบ 2 ห้องนอนนี้จะพิเศษตรงที่มี Rain shower แถมมาให้ นอกจากนี้ยังมีการทำระบบน้ำร้อนเสริมพิเศษให้สำหรับห้อง Type ใหญ่อีกด้วย


Location & Lifestyle

ถ้าหากพูดถึง ‘ถนนสุขุมวิท’ หลายคนคงมีภาพของความเจริญที่อุดมไปด้วยอาคารสำนักงาน, ห้างสรรพสินค้า, ร้านกาแฟดีๆ และที่อยู่อาศัยระดับ Luxury อยู่ในหัว ซึ่งแน่นอนว่า...เมื่อเป็นทำเลศักยภาพเช่นนี้ไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตของคนเมืองอย่างเราๆ ก็คงหนีไม่พ้นความจอแจและพลุกพล่าน อย่างย่านอโศก-ทองหล่อ ก็ถือเป็นทำเล Top ที่เรียกได้ว่าเป็น Prime Area เหมาะสำหรับคนชอบแสงสี มีไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตแบบเต็มที่ไปกับกิจกรรมดีๆ แบบไม่ต้องการหยุดพัก

แต่ถ้าการอยู่ท่ามกลางความศิวิไลซ์เหล่านี้ไม่ใช่คำตอบที่คุณใฝ่หา เราขอแนะนำให้คุณขยับจากย่านทองหล่อออกมานิดหน่อย คุณก็จะได้เจอกับสถานที่น่าพักผ่อนที่ใกล้เมืองแบบสุดๆ อย่าง ‘ย่านเอกมัย’ ทำเลดีๆ ที่หลายคนมองว่า “ย่อมเต็มไปด้วยสีสันเช่นเดียวกับทองหล่อที่อยู่ใกล้เคียง” ทั้งที่ความเป็นจริงแล้ว ทำเลเอกมัยแห่งนี้ยังให้ความรู้สึกสงบและมีความเป็นส่วนตัวอยู่ไม่น้อย


ถ้ายังไงมาลองเดินสำรวจย่านนี้ไปกับเราดีกว่า แล้วคุณจะรู้ว่า ‘เอกมัย’ นั้นเป็นย่านที่น่าอยู่ขนาดไหน ?


ปักหลักการเดินทางครั้งนี้กันที่ ถนนสุขุมวิท ถนนเส้นยาวที่เป็นถนนหลักของคนกรุงเทพมหานคร ซึ่งในแง่การเดินทางของย่านนี้ ระบบขนส่งสาธารณะที่สะดวกที่สุดเห็นทีจะเป็น “การเดินทางด้วยรถไฟฟ้า” โดยสถานีที่ใกล้ที่สุดจะเป็น BTS เอกมัย ซึ่งเปิดให้บริการมาตั้งแต่ปี 2542 และเป็นอีกหนึ่งปัจจัยหลักที่ทำให้เอกมัยกลายเป็นทำเลที่รองรับการเจริญเติบโตในด้านตลาดที่อยู่อาศัยมาจากย่านทองหล่อ

โดยในอนาคตทางกรุงเทพมหานครจะมีโครงการก่อสร้างเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีเทาเข้ามายังบริเวณเอกมัยโซนเหนือ โดยคาดว่าจะเริ่มก่อสร้างในปี 2561 ซึ่งจะเชื่อมกับรถไฟฟ้าสายสีเขียว (ปัจจุบัน) ที่ BTS ทองหล่อนี่เอง

สำหรับการเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวบนถนนสุขุมวิท โดยปกติแล้วจะมีการจราจรที่ค่อนข้างหนาแน่นเพราะเป็นถนนเส้นยาว แต่ไม่ต้องกังวลว่าจะต้องเผชิญหน้ากับรถติดมากนัก เพราะตลอดทั้งเส้นของถนนสุขุมวิทมักมีซอยเล็กซอยน้อยให้ลัดเลาะไปยังถนนเส้นสำคัญอื่นๆ ได้หลากหลายเส้นทาง


ยกตัวอย่างเช่น ซอยสุขุมวิท 42 ที่สามารถเดินทางลัดไปยังย่านพระราม 4 ได้โดยใช้ซอยลัดไปยังซอยสุขุมวิท 40 เพื่อลัดเข้าสู่สาทรก็ได้ แต่ถ้าใครอยากเดินทางไปยังย่านบางนาก็แนะนำให้เลือกใช้ถนนกล้วยน้ำไทออกถนนสรรพาวุธ เพื่อมุ่งสู่ย่านชานเมืองได้เลย ดังนั้นใครจะเดินทางไปทำงานหรือไปเที่ยวก็สามารถเดินทางทะลุซอยลัดเหล่านี้ได้ทั้งสิ้น

ส่วนใครที่ต้องการเดินทางไปต่างจังหวัดแต่ไม่อยากขับรถไปเอง ใกล้กับสถานีรถไฟฟ้า BTS เอกมัยจะมีสถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพฯ (เอกมัย) ซึ่งเป็นสถานีขนส่งที่ใช้รับส่งผู้โดยสารจากภาคตะวันออกเลียบชายฝั่ง ให้บริการเส้นทางที่นิยมอย่าง พัทยา, ตราด และระยอง เป็นต้น ซึ่งจะมีให้บริการทั้งรถบขส. และคิวรถตู้ที่ย้ายมาจากท่าอนุสาวรีย์ฯ เดิมอีกด้วย


มาถึงฝั่งไลฟ์สไตล์เลียบสถานี BTS เอกมัยกันบ้าง ถ้าเทียบกับย่านทองหล่อที่ขึ้นชื่อเรื่องแหล่งแฮงค์เอาท์แล้ว เอกมัยก็ดูจะมีความหลากหลายด้านไลฟ์สไตล์ที่เข้ากับทุกเพศทุกวัยได้มากกว่า

เริ่มกันที่วัยเด็กที่ต้องการเสริมความรู้อยู่ตลอดเวลา คุณพ่อคุณแม่จึงไม่ควรพลาดพาลูกๆ หลานๆ มาเยี่ยมชมความยิ่งใหญ่ของห้วงอวกาศกันที่ ท้องฟ้าจำลองกรุงเทพฯ ศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษา (Science Centre for Education) ที่จะพาทุกคนให้หลุดลอยไปกับจินตนาการ ผ่านการจัดแสดงนิทรรศการเกี่ยวกับท้องฟ้า ซึ่งให้ทั้งความรู้และความสนุกได้เป็นอย่างดี

ค่าบริการ : ผู้ใหญ่ 30 บาท และเด็ก 20 บาท

เวลา:

  • วันธรรมดาแบ่งเป็นรอบ 11.00 น., 13.00 น., 14.00 น. และ 15.00 น.
  • วันเสาร์-อาทิตย์จะมีรอบ 10.00 น., 11.00น., 13.00 น., 14.00 น., 15.00 น. และรอบสุดท้าย 16.00 น. 

แต่ถ้าพูดถึงสถานที่พักผ่อนสำหรับวัยรุ่นและวัยทำงานแล้วล่ะก็ ย่านเอกมัยก็มีห้างสรรพสินค้าใหญ่ๆ หลายแห่ง ไม่ว่าจะเป็น Major Cineplex เอกมัย ที่เป็นทั้งห้างสรรพสินค้าและโรงภาพยนตร์ในตัว ภายในมีร้านค้าให้เลือกนั่งค่อนข้างเยอะ โดยเราสามารถเดินเข้าตัวห้างได้จาก Sky walk ที่เชื่อมกับ BTS สถานีเอกมัยได้เลย

สำหรับแหล่งไลฟ์สไตล์ ดีไซน์โดดเด่นและอยู่ใกล้กับสถานี BTS เอกมัยมากที่สุด เห็นทีจะเป็น Gateway เอกมัย โดยเราสามารถเดินเชื่อมจากตัวสถานีมาออกทางออกที่ 4 เพื่อเข้าตัวห้างได้เลย

ซึ่งภายในก็เติมเต็มไลฟ์สไตล์ของเราได้ด้วยบรรดาร้านอาหารหลากรส หลากสไตล์ พร้อมตลาดช็อปปิ้งราคาย่อมเยาว์ รวมถึงส่วนของกิจกรรมอื่นๆ ที่สามารถพาทุกคนในครอบครัวมาร่วมสนุกได้ เช่น สวนสนุกมอลลี่ แฟนตาซี และ Snow Town Bangkok เป็นต้น


ซอยสุขุมวิท 63 ต้นตำรับของไลฟ์สไตล์ชิคๆ ในย่านเอกมัย


มาถึงเอกมัย ถ้าไม่พูดถึงซอยสุขุมวิท 63 เลยก็คงจะไม่ได้ เพราะเป็นซอยที่รวมแหล่งไลฟ์สไตล์ชิคๆ ของชาว Urban ดูแล้วให้กลิ่นอายคล้ายประเทศสิงคโปร์บริเวณย่าน Orchard Rd. ซึ่งซอยสุขุมวิท 63 จะมีทั้ง Community Mall, Co-working Space และร้านอาหารชั้นนำมากมาย ให้เลือกทั้งไทยและเทศหลากหลายสไตล์ เปิดให้บริการลากยาวกันตั้งแต่เช้าจรดค่ำเลยทีเดียว

และอย่างที่รู้ๆ กันว่า เอกมัยเป็นทำเลของชาวต่างชาติ โดยเฉพาะกับชาวญี่ปุ่นที่เข้ามาทำงานเป็นพนักงานบริษัทและโรงงานญี่ปุ่นในไทย ไลฟ์สไตล์ของร้านอาหารในย่านนี้จึงสอดแทรกกลิ่นอายของดินแดนอาทิตย์อุทัยเอาไว้ ซึ่งส่วนนี้เองที่ตอบสนองความต้องการและดึงดูดความสนใจจากผู้เช่าชาวญี่ปุ่นได้เป็นอย่างดี

อย่างร้านที่เราจะแนะนำให้รู้จักในวันนี้ ก็เป็นหนึ่งในคาเฟ่สไตล์ญี่ปุ่นที่ให้ความรู้สึกอบอุ่น ภายใต้ชื่อร้านน่ารักๆ Nikko Cafe โดยร้านนี้จะแบ่งเป็นสองชั้น ทั้งโซน Outdoor และ Indoor ให้เราเลือกนั่งได้ตามใจ ถ้าหากใครอยากแวะเวียนมา ตัวร้านจะตั้งอยู่ที่ซอยเอกมัย 12 เปิดทุกวันตั้งแต่เวลา 10.00-00.00 น. 

นอกจากคาเฟ่สไตล์ญี่ปุ่นแล้ว ในย่านเอกมัยยังมีคาเฟ่ดีๆ ที่ใส่ใจเรื่องรสชาติอาหารและมีเครื่องดื่มถูกปากคนในทุกเพศและทุกวัย อย่างร้าน One ounce for onion พื้นที่ที่รวมเอาทั้งคาเฟ่, โรงคั่วเมล็ดกาแฟ และแฟชั่นสโตร์เข้าไว้ด้วยกันได้อย่างลงตัว ภายใต้บรรยากาศที่อบอวลไปด้วยกลิ่นหอมของเมล็ดกาแฟเพิ่งคั่วเสร็จใหม่ๆ ชวนให้รู้สึกตื่นตัว

โดยร้านจะเปิดให้บริการกันทุกวันตั้งแต่เวลา 09:00 - 20:00 น. ตั้งอยู่ในซอยเอกมัย 12 บอกเลยว่าคอกาแฟและแฟชั่นนิสต้าไม่ควรพลาดเป็นอย่างยิ่ง!

เติมพลังกับอาหารไปเป็นที่เรียบร้อย คราวนี้ก็มาถึงคิวของการทำงานอย่างเต็มที่กันบ้าง และอย่างที่รู้กันว่าในปัจจุบันเราไม่จำเป็นต้องนั่งทำงานอยู่ในออฟฟิศเพียงอย่างเดียวแล้ว เพราะเดี๋ยวนี้เรามีพื้นที่ Co-working Space ให้เหล่าฟรีแลนซ์และคนทำงานได้มานั่งปลดปล่อยความคิดสร้างสรรค์กันได้แบบอิสระ

อย่างในย่านเอกมัยก็มี Hubba บ้านสีขาวที่ตั้งอยู่ในซอยเอกมัย 4 ดูภายนอกอาจจะเหมือนบ้านธรรมดา แต่ด้านในกลับเป็นพื้นที่ห้องประชุม, คาเฟ่และห้องทำงานแบบเช่ารายวัน ให้คุณนั่งทำงานและใช้ชีวิตไปพร้อมๆ กันได้แบบบาลานซ์!

แต่ถ้าใครอยากจะได้ทำเลที่เป็นเหมือน ‘บ้าน’ ให้คุณได้หยุดพักผ่อนทั้งร่างกายและใจ เราขอให้คุณข้ามมายังฝั่งซอยสุขุมวิท 42 ซึ่งเป็นซอยย่อยฝั่งเดียวกับห้าง Gateway เอกมัย เพราะเมื่อคุณก้าวเท้าข้ามเข้ามาถึงช่วงปากซอยแล้ว จะรู้สึกได้ถึงความเงียบสงบแบบที่หาได้ยากในย่านใจกลางเมือง 

นอกจากนี้ตัวซอยยังเป็นแบบถนน One-way ให้เดินทางจากฝั่งท้ายซอยได้เพียงอย่างเดียว จึงทำให้การจราจรดูไม่วุ่นวาย แถมตัวซอยสุขุมวิท 42 ยังสามารถใช้เป็นเส้นทางลัดจากถนนสุขุมวิทไปยังถนนพระราม 4 ได้ โดยการใช้ซอยสุขใจหรือซอยสมานฉันท์ (หรือแสงจันทร์) ทะลุไปมาระหว่างซอย 42 และซอย 40 เพื่อกลับรถไปยังฝั่งถนนพระราม 4 หรือจะขับตรงไปออกถนนกล้วยน้ำไท, ไปถนนสรรพาวุธ หรือจะใช้เพื่อขึ้นทางด่วนก็ได้เช่นกัน

แต่ถ้ามองในแง่ของทำเลที่เป็นส่วนตัวแล้ว เราอาจจะลองเลือกซื้อคอนโดที่ตั้งอยู่ในซอยย่อยอีกที ซึ่งจากการสำรวจซอยย่อยที่ให้บรรยากาศเงียบสงบ แต่ขณะเดียวกันก็สามารถเดินทางได้สะดวกก็เห็นจะเป็นทางฝั่งซอยบาร์โบส 2 ที่เชื่อมต่อไปยังซอยรูเบียและซอยโรงพยาบาล 2 ซึ่งสามารถขับออกถนนพระราม 4 ได้โดยตรง

ตัวซอยบาร์โบส 2 จะเป็นซอยย่อยเล็กๆ จากด้านหน้าปากซอยจะมีวินมอเตอร์ไซค์ให้บริการอยู่ เดินเข้ามาข้างในอีกหน่อยจะพบกับความสงบ เพราะส่วนใหญ่รอบๆ ด้านจะเป็นอาคารหลังใหญ่ ทั้งยังไม่มีรถหรือผู้คนพลุกพล่านมากนัก

ส่วนใครที่อยากหากิจกรรมทำระหว่างวัน ใกล้ๆ กันก็มี 42 Tee Off สนามไดร์ฟกอล์ฟที่ชาวญี่ปุ่นชื่นชอบตั้งอยู่ในซอยเดียวกัน นับว่าเป็นซอยที่ตอบโจทย์ทั้งคนที่กำลังตามหาความสงบ และคนที่ต้องการลงทุนซื้อที่อยู่อาศัยไว้เพื่อปล่อยเช่าชาวต่างชาติโดยเฉพาะ

ถ้าหากเจ็บป่วยไม่สบายก็คลายกังวลไปได้ เพราะอยู่ใกล้มือหมอ โดยจากซอยบาร์โบส 2 เมื่อเลี้ยวรถมาตามทางเรื่อยๆ จะเจอกับโรงพยาบาลกล้วยน้ำไทพอดี

ซอยบาร์โบส 2 สามารถขับลัดออกมายังซอยรูเบีย เพื่อกลับสู่ซอยสุขุมวิท 43 ได้ ซึ่งไลฟ์สไตล์ของซอยย่อยเหล่านี้จะมีความเป็นชุมชนดูเป็นกันเอง เข้าถึงง่าย และเงียบสงบตามสไตล์ชุมชนดั้งเดิม

ถึงแม้จะเป็นซอยที่เน้นความเป็นส่วนตัวและเงียบสงบ แต่ภายในซอยรูเบียก็ยังมี Community Mall เล็กๆ อย่าง Qiss Mall (คิสส์ มอลล์) เปิดให้บริการอยู่ โดยด้านในจะประกอบด้วยคาเฟ่กับซูเปอร์มาร์เก็ตให้คนในละแวกนี้ได้มานั่งชิลล์ ช็อปปิ้งซื้อของกัน นอกจากนี้ก็ยังมีส่วนของสำนักงานให้เช่าและโรงแรมอีกด้วย 

นอกจากเอกลักษณ์ความเป็นชุมชนที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกดีๆ แฝงอยู่แล้ว ในซอยรูเบียเองก็ยังเป็นแหล่งอาคารสำนักงาน ยกตัวอย่างเช่น อาคาร BJC (Berli Jucker) และอาคาร 42 Tower เป็นต้น แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้นก็ไม่ได้หนาแน่นมากเหมือนกับซอยหลักที่อยู่ติดกับถนนใหญ่

จากถนนพระราม 4 ยังสามารถเชื่อมต่อไปยังเส้นทางด่วนได้ด้วยการใช้ถนนกล้วยน้ำไท

ถนนกล้วยน้ำไทเป็นอีกหนึ่งถนนเส้นหลักที่ใช้เชื่อมต่อย่านสุขุมวิท, ย่านพระราม 4, ย่านพระโขนง และย่านบางนาเข้าไว้ด้วยกัน ซึ่งในอนาคตก็ยังมีโครงการจะพัฒนาทำเลนี้ให้เป็นทำเลมิกซ์ยูส (Mixed-Use) เชื่อมโยงย่านนวัตกรรม (Innovation District) ได้แก่ ย่านนวัตกรรมสยาม บริเวณจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และย่านนวัตกรรมกล้วยน้ำไทที่บริเวณมหาวิทยาลัยกรุงเทพ

สำหรับเส้นทางด่วนที่ใกล้ที่สุดจะเป็นทางด่วนพิเศษเฉลิมมหานคร ที่สามารถเลี้ยวขวาจากถนนกล้วยน้ำไทขับขึ้นทางด่วนมุ่งหน้าไปยังฝั่งขาเข้าเมืองอย่าง พระราม9-แจ้งวัฒนะ-ดาวคะนอง ได้ ส่วนฝั่งขาออกเมืองนั้น ทางด่วนเส้นนี้จะใช้วิ่งไปยังบางนา, รามอินทรา หรือจะใช้วิ่งออกไปยังภาคตะวันออกของประเทศไทยอย่างจังหวัดชลบุรีก็ได้เช่นกัน


ค้นพบทุกสิ่งแบบใกล้แค่เอื้อมได้ที่ ควินทารา ทรีเฮาส์ สุขุมวิท 42 (Quintara Treehaus Sukhumvit 42) 

โครงการควินทารา ทรีเฮาส์ สุขุมวิท 42 (Quintara Treehaus Sukhumvit 42) เป็นโครงการใหม่ในย่านเอกมัย ที่ทำให้เราได้สัมผัสกับคำว่า ‘ใกล้แค่เอื้อม’ ทั้งด้านการเดินทางที่ใกล้ทั้งทางด่วน และรถไฟฟ้า BTS สถานีเอกมัย ในระยะ 550 เมตร, ใกล้กับแหล่งไลฟ์สไตล์ทั้งจากย่านทองหล่อ-เอกมัย ผสมผสานกับการพักผ่อนบนทำเลที่เงียบสงบของซอยบาร์โบส 2

สำหรับใครที่สนใจตัวโครงการสามารถเข้าไปเยี่ยมชม Sale Gallery ซึ่งตั้งอยู่บริเวณปากทางเข้าซอยสุขุมวิท 42 ตรงข้ามกับ Gateway เอกมัย โดยเดินจากสถานี BTS เอกมัย มาประมาณ 200 เมตร นอกจากนี้ยังสามารถลงทะเบียนรับข้อมูลข่าวสารและสิทธิพิเศษได้ก่อนใครที่

http://bit.ly/2JL6WwP


Analysis

วิเคราะห์โครงการ ควินทารา ทรีเฮาส์ สุขุมวิท 42 (Quintara Treehaus Sukhumvit 42)

จุดเด่นของโครงการ

  • ควินทารา ทรีเฮาส์ สุขุมวิท 42 (Quintara Treehaus Sukhumvit 42) คอนโด Low rise แห่งใหม่ ใจกลางเอกมัย มีราคาเริ่มต้น 3.49 ล้านบาท
  • เป็นอีกหนึ่งคอนโดใกล้รถไฟฟ้า BTS เอกมัย ในระยะเดินถึงประมาณ 550 เมตร
  • ด้วยคอนเซ็ปต์ Seamless Natural living ให้คุณสัมผัสความสงบเงียบของมุมพักผ่อนไปกับความเป็นธรรมชาติในแบบที่หาได้ยากในย่านใจกลางเมือง
  • เต็มอิ่มกับพื้นที่ส่วนกลางที่ให้มามากกว่า ในราคาที่เอื้อมถึง
  • ตอบโจทย์ทั้งคนตามหาคอนโดเพื่อการอยู่อาศัย และคนที่ต้องการลงทุนปล่อยเช่าให้ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ


ทำเลของคอนโด ควินทารา ทรีเฮาส์ สุขุมวิท 42 (Quintara Treehaus Sukhumvit 42)

เอกมัย เป็นทำเลที่ใครหลายคนคิดว่า มีลักษณะคล้ายคลึงกับย่านทองหล่อที่อยู่ใกล้เคียงกัน แต่ความเป็นจริงแล้ว ทำเลเอกมัยโดยเฉพาะซอยในฝั่งเลขคู่ ยังมีพื้นที่เงียบสงบที่เหมาะกับการอยู่อาศัยซ่อนอยู่ ยกตัวอย่างเช่น ซอยสุขุมวิท 42 ซึ่งเป็นที่ตั้งโครงการ ควินทารา ทรีเฮาส์ สุขุมวิท 42 (Quintara Treehaus Sukhumvit 42)

ที่บอกว่าเป็นย่านน่าอยู่ นั่นก็เพราะความเงียบสงบของตัวซอยที่ยังคงความเป็นชุมชนดั้งเดิมเอาไว้ได้ดี และด้วยตัวถนนที่เป็นโครงข่ายโยงใยถึงซอยอื่นๆ รวมถึงถนนหลักอย่างถนนสุขุมวิท กับ ถนนพระราม 4 หรือจะขึ้นไปใช้ทางพิเศษเฉลิมมหานครก็ได้เช่นกัน ทำให้กลายเป็นซอยทางผ่านสำหรับคนใช้รถยนต์ แต่ก็ไม่ใช่กับคนใช้รถเพียงเท่านั้น แต่แค่เดินออกมายังปากซอยเล็กน้อยก็จะเจอกับ BTS เอกมัย ซึ่งอยู่ห่างจากโครงการมาประมาณ 550 เมตรเท่านั้น

ส่วนด้านสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ ก็เรียกได้ว่า ครบครันและอุดมสมบูรณ์ โดยในซอยจะมีทั้งอาคารสำนักงาน, ร้านสะดวกซื้อ, โรงพยาบาล, คาเฟ่และห้างสรรพสินค้า รับรองว่าอยู่แล้วไม่มีอดแน่นอน


แบบห้องของคอนโด ควินทารา ทรีเฮาส์ สุขุมวิท 42 (Quintara Treehaus Sukhumvit 42)

สำหรับแบบห้องของคอนโด ควินทารา ทรีเฮาส์ สุขุมวิท 42 (Quintara Treehaus Sukhumvit 42) หลักๆ จะมีทั้งหมด 2 แบบด้วยกัน โดยทางโครงการจะขายแบบ Fully Furnished ให้เฟอร์นิเจอร์และจัดวางฟังก์ชันห้องมาให้รองรับการใช้งานจริง เน้นการอยู่อาศัยที่เป็นส่วนตัว โดยจะแบ่งขนาดและ Type ยูนิตทั้งหมดออกเป็น...

  • -1 Bedroom พื้นที่ใช้สอย 29-40 ตารางเมตร
  • 2 Bedrooms พื้นที่ใช้สอย 46-55 ตารางเมตร

ซึ่งยูนิตส่วนใหญ่จะเป็นห้องแบบ 1 Bedroom มีจุดเด่นด้วยการกั้นแยกส่วนครัวและห้องนอน เพื่อให้ห้องเป็นสัดส่วนมากขึ้น ส่วนห้องแบบ 2 Bedrooms นั้น จะได้ห้องนอนที่เป็นห้องนอนขนาดใหญ่ถึง 2 ห้อง ซึ่งเราสามารถวางเตียงขนาดคิงไซส์และควีนไซส์ได้แบบสบายๆ


สิ่งอำนวยความสะดวกของคอนโด ควินทารา ทรีเฮาส์ สุขุมวิท 42 (Quintara Treehaus Sukhumvit 42)

ควินทารา ทรีเฮาส์ สุขุมวิท 42 (Quintara Treehaus Sukhumvit 42) ถือเป็นคอนโด Low Rise ที่ให้ส่วนกลางมาเยอะพอสมควร ประกอบไปด้วย

Lobby, E-Library, Sauna, Treehaus Lounge, VR Simulator, Fitness Room, Cabana, Oasis Pool, Ozone Space, Passive Zone, Functional Training Field, Family Pavilion, BBQ Corner, Kids Creation, Relaxing Space, Jogging Track, View Point To Secret Garden, EV Changer, Smart Locker, CCTV, Security Officer และ Car Park

นอกจากนี้ยังเน้นความเป็นธรรมชาติตามคอนเซ็ปต์ Seamless Natural Living ให้คุณได้ใกล้ชิดกับร่มเงาของพื้นที่สีเขียวเป็นพิเศษ


ราคาของคอนโด ควินทารา ทรีเฮาส์ สุขุมวิท 42 (Quintara Treehaus Sukhumvit 42)

สำหรับราคาของโครงการในปัจจุบันเปิดตัวเริ่มต้นอยู่ที่ 3.49 ล้านบาท เมื่อเทียบเฉลี่ยทั้งโครงการแล้วจะตกอยู่ตารางเมตรละประมาณ 145,000 บาท ซึ่งก็ถือว่าคุ้มค่าสำหรับนักลงทุนที่ต้องการลงทุนคอนโดแล้วได้กำไรจากค่า Yield ค่อนข้างสูง เพราะตกเฉลี่ยต่อตารางเมตรคาดว่าน่าจะปล่อยเช่าได้ประมาณ 700 บาท/ตร.ม. (หลังจากสร้างเสร็จ) ซึ่งเมื่อเทียบกับราคาการปล่อยเช่าในปัจจุบันจะอยู่ที่ประมาณ 650 บาท/ตร.ม.

ส่วนคนที่คิดจะลงทุนซื้อไว้อยู่เองก็เรียกได้ว่า ตอบโจทย์ครบครันในทุกๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นโลเคชั่นที่ใกล้ย่าน CBD, การเดินทางที่สะดวกสบาย, ใกล้แหล่งช็อป ชิม ชิลล์ แถมตัวโครงการยังอยู่ในบรรยากาศสงบ มีส่วนกลางเยอะ และได้ Space ห้องที่กว้าง พร้อมแบ่งฟังก์ชันการใช้งานไว้ค่อนข้างเป็นสัดส่วน

แบ่งปันบทความให้เพื่อนๆของคุณ