รูปหน้าปก  เดอะ ทรี อินเตอร์เชนจ์ (The tree Interchange) โดดเด่นด้วยวิวแม่น้ำและวิวเมือง ครบครันด้วยความสะดวกสบายแห่งอนาคต

[Review] เดอะ ทรี อินเตอร์เชนจ์ (The tree Interchange) โดดเด่นด้วยวิวแม่น้ำและวิวเมือง ครบครันด้วยความสะดวกสบายแห่งอนาคต

ถนนประชาราษฎร์สาย 2 แขวงบางซื่อ เขตบางซื่อ กรุงเทพมหานคร

Review info

เดอะ ทรี อินเตอร์เชนจ์ (The tree Interchange)

โดดเด่นด้วยวิวแม่น้ำและวิวเมือง ครบครันด้วยความสะดวกสบายแห่งอนาคต

เดอะ ทรี อินเตอร์เชนจ์ (The tree Interchange) คอนโด High Rise ในเครือของ พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) อีกหนึ่งโครงการที่เหมาะสำหรับคนในพื้นที่ดั้งเดิม หรือใครที่กำลังหาคอนโดดีๆ มีศักยภาพในการต่อยอดทั้งทางด้านทำเลและการใช้ชีวิต เพราะโครงการตั้งอยู่ในทำเลที่เดินทางได้สะดวก แถมยังโดดเด่นด้วยวิวแม่น้ำ-วิวเมืองมุมสูงตามแบบคอนโด High Rise ในตัวเมือง และครบครันด้วยความสะดวกสบายแห่งอนาคต


ข้อมูลโครงการ เดอะ ทรี อินเตอร์เชนจ์ (The tree Interchange)

ราคาเมื่อวันที่ 21/4/2017

Studio พื้นที่ใช้สอย 30 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 2.49 ล้านบาท

1 Bedrooms พื้นที่ใช้สอย 35 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 3.11 ล้านบาท

2 Bedrooms พื้นที่ใช้สอย 58 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 5.21 ล้านบาท

เดอะ ทรี อินเตอร์เชนจ์ (The tree Interchange)

ชื่อโครงการ เดอะ ทรี อินเตอร์เชนจ์ (The tree Interchange)

ที่ตั้งโครงการ ถนนประชาราษฎร์สาย 2 แขวงบางซื่อ เขตบางซื่อ กรุงเทพมหานคร

ราคาเริ่มต้น 2.49 ล้านบาท 

Insight

เจาะลึกโครงการ เดอะ ทรี อินเตอร์เชนจ์ (The tree Interchange)

เดอะ ทรี อินเตอร์เชนจ์ (The tree Interchange)เดอะ ทรี อินเตอร์เชนจ์ (The tree Interchange) เป็นหนึ่งในโครงการคอนโด High rise ในเครือของ พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) ดีเวลลอปเปอร์เจ้าใหญ่ที่เรารู้จักกันดีในเรื่องของการสร้างบ้าน แต่ในวันนี้ได้หันมาจับธุรกิจด้านคอนโดเพิ่มขึ้น โดยเน้นแนวคิดรักษ์โลก สร้างพื้นที่สีเขียวรายล้อมโครงการและเน้นการประหยัดพลังงานภายในตัวห้องชุดเป็นหลัก



ทิศที่ตั้งของอาคาร

พื้นที่ของอาคารหันหน้าไปในแนวเหนือ-ใต้ ด้านหน้าติดกับถนนใหญ่ในทางทิศเหนือ ด้านหลังโครงการทางทิศใต้จะติดกับพื้นที่อาศัยแนวราบ ในทางทิศตะวันตกที่อยู่ติดกับพื้นที่ว่าง ซึ่งในอนาคตจะกลายเป็นพื้นที่ของห้างเกตเวย์ บางซื่อ ส่วนในทางทิศตะวันออกจะอยู่ติดกับคอนโด The Stage Taopoon Interchange สูงประมาณ 36 ชั้น ซึ่งถ้าเป็นห้องในชั้นล่างๆ จะโดนบล็อกวิวเเน่นอน แนะนำให้เลือกซื้อห้องชั้นสูงๆ ที่พ้นจากระยะการมองเห็นอาคารข้างเคียง

ส่วนทิศของอาคาร A ห้องจะวางตัวในทิศเหนือ-ใต้ ทำให้ไม่โดนแดดโดยตรง ส่วนอาคาร B จะหันในทิศตะวันออกเฉียงเหนือ-ตะวันตกเฉียงใต้ ซึ่งเป็นทิศเลี่ยงแดดอีกเช่นกัน


Master Plan ของคอนโด

แบ่งสัดส่วน เพื่อให้คุณอยู่สบาย

Master Plan ของคอนโด เดอะ ทรี อินเตอร์เชนจ์ (The tree Interchange) พื้นที่ทั้งหมดของโครงการกว้าง 11-3-86 ไร่ จะแยกพื้นที่ทั้งหมดออกเป็น 2 อาคาร คือ อาคาร A และอาคาร B จะเห็นว่าโครงการให้ความสำคัญกับพื้นที่สีเขียวเป็นพิเศษ โดยจัดพื้นที่สีเขียวไว้ให้สำหรับพักผ่อน หย่อนใจกว้างกว่า 5 ไร่ และจัดให้มีลานกิจกรรมอย่างศาลาสำหรับนั่งเล่น มีลานกีฬาให้ใช้ออกกำลังกาย รายล้อมด้วยต้นไม้ใหญ่ให้ความร่มรื่นดี

สำหรับทางเข้าโครงการจะอยู่ติดกับถนนประชาราษฎร์ 2 ร่นระยะเข้ามาด้านในพอสมควร แต่ก็มีข้อดีตรงที่ได้ความสงบ ไม่วุ่นวายจอแจ ดูเป็นส่วนตัวมากกว่าคอนโดที่อยู่ติดกับถนนไปเลย อาคารแรกที่เจอจะเป็นอาคาร B ตรงข้ามอาคารจะเป็นร้าน 7-11 สามารถฝากท้องได้ตลอด 24 ชั่วโมง ส่วนอาคาร A จะอยู่ลึกเข้าไปด้านใน ติดกับสวนของทางโครงการ

แผนผังอาคาร A

อาคาร A กว้าง 7-1-97 ไร่ รูปทรงอาคารเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า ชั้นล่างเป็นพื้นที่ลานจอดรถรอบอาคาร จากจุด Drop off เข้ามาจะเจอล็อบบี้ และโถงลิฟต์ซึ่งมีให้ 6 ตัว แยกลิฟต์ขนของให้อีก 1 ตัวด้วย

ชั้นต่อมาเป็นชั้นสิ่งอำนวยความสะดวกแบ่งเป็นสระว่ายน้ำ ฟิตเนส และลานจอดรถ โดยลานจอดรถอาคาร A คิดเป็น 548 คัน (50%) ไม่รวมจอดแบบซ้อนคัน

ต่อมาเป็นชั้นลานจอดรถแบบเต็มๆ ที่นี่ทำลานจอดรถแยกอาคารให้เสร็จสรรพ โดยแยกส่วน Fix คันให้สำหรับห้องแบบ 2 Bedrooms ด้วย

ห้องของ The tree Interchange วางตัวในทางทิศเหนือ-ใต้เป็นส่วนใหญ่ ห้องจะได้วิวของแม่น้ำเจ้าพระยาเป็นมุมเฉียง โดยทิศใต้จะโดดเด่นที่ได้ด้วยแม่น้ำ ผสมวิวเมือง รวมถึงมองเห็นรัฐสภาใหม่ด้วย ห้องทางทิศตะวันตกจะมีหลงมา 2 ห้อง เป็นห้องมุม โดดเด่นเรื่องวิวแม่น้ำที่เห็นแบบเต็มๆ แต่ก็ต้องแลกมากับความร้อนด้วยเช่นกัน ส่วนห้องในทิศตะวันออกจะมองเห็นสวนของโครงการแทนวิวแม่น้ำเจ้าพระยา

สำหรับชั้นดาดฟ้าจะเป็นบาร์ลอยฟ้า ฟรี Wi-fi มองเห็นวิวในมุมสูงของย่านบางโพ

อาคาร B

อาคาร B กว้าง 4-1-89 ไร่ อยู่ใกล้กับถนนใหญ่มากว่าอาคาร A เล็กน้อย อาคารนี้สะดวกด้วยการอยู่ติดกับ 7-11 พื้นที่ด้านล่างแบ่งเป็นลานจอดรถ ผ่านจุด Drop off เข้ามาจะเป็นล็อบบี้ ผ่านเข้าไปยังโถงลิฟต์ด้วยระบบ Key card ซึ่งอาคารนี้มีลิฟต์ให้ใช้บริการ 5 ตัว และแยกลิฟต์ขนของให้อีก 1 ตัว

ชั้น 2-7 เป็นลานจอดรถทั้งหมด ในชั้น 5-7 จะเป็นแบบ 2 ชั้นครึ่ง โดยอาคาร B คิดพื้นที่จอดรถเป็น 380 คัน (60%) ไม่รวมจอดแบบซ้อนคัน

ในชั้น 8 จะเป็นชั้นสิ่งอำนวยความสะดวกประกอบด้วยสระว่ายน้ำ และฟิตเนส ซึ่งมีให้ 2 ชั้น และแยกยูนิตออกจากพื้นที่ส่วนกลางด้วยการกั้นประตู เพื่อลดเสียงรบกวน แต่ถ้าใครชอบความสงบ แนะนำให้เลือกซื้อยูนิตชั้นบนๆ แทน ส่วนใครที่ชอบใช้ส่วนกลางเป็นประจำยูนิตในชั้นนี้ถือว่าตอบโจทย์ได้ดีทีเดียว

ผังยูนิตเริ่มต้นที่ชั้น 10 เฉลี่ยต่อชั้นจะมีทั้งหมด 21 ยูนิต/ชั้น โดยในแต่ละชั้นจะมีการจัดวางแบบห้องคล้ายกัน คือ มีห้องทั้ง 3 Type คละกัน


สำหรับยูนิตที่โดดเด่นที่สุดเห็นจะเป็นห้องทางฝั่งทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งเป็นห้องมุมในแต่ละชั้น โดยจะได้วิวแม่น้ำเจ้าพระยา และสะพานพระราม 7

ผังห้องในชั้น 28 อาคาร B โถงลิฟต์ตั้งในตำแหน่งเดียวกันทุกชัน อยู่ช่วงกลางอาคารเดินมาใช้งานได้สะดวก ส่วนตำแหน่งบันไดหนีไฟีให้ 3 จุดตั้งในตำแหน่งที่ใช้งานง่าย

ชั้นที่ 29-39 ของอาคาร B คล้ายกับชั้นที่ 28

ชั้นที่ 40-41 เป็นดาดฟ้าแบ่งเป็นลานอเนกประสงค์ และบาร์ลอยฟ้า ซึ่งจัดเป็นจุดชมวิว ขึ้นมานั่งเล่น หรือทำงานก็ได้เพราะมี Wi-fi ให้ใช้ฟรี


พื้นที่ส่วนกลางของ เดอะ ทรี อินเตอร์เชนจ์ (The tree Interchange)

เดอะ ทรี อินเตอร์เชนจ์ (The tree Interchange) จัดเต็มด้านพื้นที่ส่วนกลางมาให้เยอะพอสมควร ทดแทนสภาพแวดล้อมที่อาจจะยังไม่ได้แวดล้อมด้วยห้างสรรพสินค้า ร้านค้า สวนสาธารณะ หรือสถานที่พักผ่อนมากเท่าที่ควร โดยด้านล่างจะมีร้านสะดวกซื้อ และร้านซักรีดเปิดให้บริการอยู่ด้วย

สำหรับพื้นที่จอดรถจะจอดได้ตั้งแต่ชั้นล่างไปจนถึงชั้น 7 มีระบบรักษาความปลอดภัยทั้งรปภ. และกล้องวงจรปิด มีการแยกลานจอดสำหรับรถจักรยานยนต์โดยเฉพาะให้ด้วย ส่วนใครที่ไม่ได้ใช้รถ การเดินเท้าเข้า-ออกจากถนนใหญ่มายังอาคารอาจจะใช้เวลาสักหน่อยที่นี่ก็มีรถรัช-ส่งจากหน้าถนนใหญ่เข้าสู่ตัวโครงการให้ด้วย  

ลานจอดรถด้านบนอาคาร เมื่อจอดรถเรียบร้อยแล้วจะต้องแสกนคีย์การ์ดเพื่อเข้าสู่ตัวอาคาร

สร้างความรื่นรมย์ด้วยสวนขนาดใหญ่กว่า 5 ไร่

จุดเด่นที่เห็นได้ชัดของโครงการ เดอะ ทรี อินเตอร์เชนจ์ (The tree Interchange) ก็คือ การเน้นพื้นที่สีเขียวมากกว่า 5 ไร่ การออกแบบอาคารจึงออกแบบมาให้สูงเพรียวเพื่อสร้างสวน โดยสวนจะอยู่ล้อมรอบอาคารทั้ง 2 อาคารทำให้ดูร่มรื่นเป็นพิเศษ
พื้นที่สวนขนาดใหญ่จะอยู่ใกล้กับอาคาร A ดีไซน์ออกมาให้ร่มรื่นแบบไม่เหมือนใคร โดยคัดเลือกต้นไม้ให้ผลิดอกออกใบได้ตามฤดูกาล และยังจัดโซนลานกิจกรรม เพื่อใช้ออกกำลังกาย และมีโซนนั่งเล่นสามารภอ่านหนังสือ หรือทำงานได้ตลอดทั้งวัน
ล็อบบี้ของอาคารตกแต่งดูหรูหรา มีจุดเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ และเก้าอี้รับรองแขก

ล็อบบี้ดูโอ่โถงด้วยฝ้าสูง ตกแต่งด้วยโคมไฟระย้า เก้าอี้ที่จัดไว้ให้มีทั้งแบบเก้้าอี้ชุด และชุดเก้าอี้แบบประชุมยาวให้นั่งคุยงาน หรือพบปะสังสรรค์กัน

พักผ่อนออกกำลังกายกับสระว่ายน้ำและฟิตเนสคลับ

สระว่ายน้ำของทาง เดอะ ทรี อินเตอร์เชนจ์ (The tree Interchange) กว้าง 10x15 เมตร ลึก 1.2 เมตร เป็นสระแบบ infinity edge pool ระบบน้ำเกลือ ดูแล้วกลมกลืนไปกับธรรมชาติรอบด้านได้เป็นอย่างดี ส่วนด้านข้างสระจะเป็น Deck pool ให้นอนพักผ่อน หย่อนใจได้ด้วย

ใกล้กับสระว่ายน้ำจะมีจุดล้างตัวและห้องน้ำแยกชาย-หญิงมาให้เรียบร้อย

สำหรับฟิตเนสคลับของโครงการจะแบ่งเป็น 2 ชั้น จัดเครื่องเล่นไว้ให้ครบครันทั้งดัมเบล เครื่องเพาะกา ลู่วิ่งและจักรยานไฟฟ้า เครื่องเล่นมีจำนวนเยอะพอสมควร หากจัดสรรเวลาเข้ามาใช้งานดีๆ การใช้งานส่วนกลางจะไม่หนาแน่นจนเกินไป

ลิฟต์ของโครงการให้มาเยอะพอสมควรอยู่ช่วงกลางของอาคารเดินมาใช้งานได้ง่ายจากทั้งฝั่งซ้ายและฝั่งขวาของอาคาร

สำหรับด้านลนดาดฟ้าจะเป็นลานอเนกประสงค์ตรงนี้จะจัดเป็นชุดเก้าอี้ให้นั่งเล่น แต่ช่วงกลางวันจะร้อนเกินไป อาจจะะขึ้นมาใช้งานช่วงค่ำๆ แทน

นอกจากมีระบบป้องกันอัคคีภัยแล้วยังมีพื้นที่หนีไฟทางอากาศสำหรับอาคารสูงให้ด้วย

โดดเด่นเรื่องวิวสวย และการเดินทางที่ครบครันในอนาคต

บนดาดฟ้าจะมีบาร์ลอยฟ้าให้นั่งพักผ่อน เป็นห้องกระจกติดแอร์เย็นๆ ที่สำคัญฟรี Wi-fi จะขึ้นมานั่งเล่นหรือนั่งทำงาน ชมวิวรอบๆ โครงการก็ได้

วิวสวยๆ ที่ได้ชมจะมีหลากหลายมุมทั้งมุมแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งเป็นโค้งน้ำพระราม 7 ดูแล้วสวยงามสมกับเป็นโครงการวิวสวยใกล้กับริมแม่น้ำเจ้าพระยะจริงๆ

มุมทางฝั่งทิศตะวันตกจะเป็นทางรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินมุ่งหน้าไปยังฝั่ธนบุรี ส่วนอาคารไกลๆ ที่เห็นจะเป็น คอนโด 333 RiverSide ส่วนใกล้กันนี้จะเป็นคอนโด Chewathai Residence โครงการเพื่อนบ้านในละแวกเดียวกัน

ส่วนทิศตะวันตกเฉียงเหนือด้านข้างโครงการจะเป็นพื้นที่ก่อสร้างของห้างสรรพสินค้าแห่งใหม่ของเกตเวย์ บางซื่อ ด้านหน้าจะเป็นทางรถไฟฟ้า ซึ่งจะทำ Sky Walk เชื่อมต่อกับสถานีรถไฟฟ้าบางโพ ลงจากสถานีก็สามารถเดินมาถึงห้างได้เลย ส่วนอีกฝั่งจะเป็นรางรถไฟไปยังสถานีเตาปูน ซึ่งต่อไปอีกจะเชื่อมเข้ากับรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินสถานีบางซื่อที่มีอยู่ก่อนแล้วในอนาคต

ใส่ใจในเรื่องของการประหยัดพลังงานเป็นสำคัญ

ภายในอาคารและในห้องชุดจะเน้นการประหยัดพลังงานด้วยการติดหน้าต่างบานใหญ่เป็นช่องผ่านลมและเป็นช่องแสงธรรมชาติทำให้โถงทางเดินสว่าง ช่วยประหยัดไฟ ทำให้ค่าใช้จ่ายส่วนกลางไม่แพงอย่างที่คิด

สำหรับทางหนีไฟจะมีทั้งหมด 3 จุด ตั้งอยู่ในำแหน่งใช้งานได้ดี มีการติดตั้งสายดับเพลิงมาให้ รวมถึงติดตั้งระบบป้องกันอัคคีภัยทั้งสปริงเกอร์และเครื่องตรวจจับควันไฟมาให้เรียบร้อย

สำหรับห้องตัวอย่างที่ทางโครงการ เดอะ ทรี อินเตอร์เชนจ์ (The tree Interchange) เปิดให้เข้าชมจะมีให้ครบทั้งหมด 3 รูปแบบ ซึ่งทางโครงการขายห้องแบบ Fully Fitted เหมาะสำหรับคนที่อยากจะตกแต่งห้องด้วยตัวเอง ทางโครงการแถมเครื่องปรับอากาศ วอลเปเปอร์ ชุดเคาน์เตอร์ครัวและสุขภัณฑ์ครบครัน

Studio 30 SQ.M


Studio พื้นที่ใช้สอย 30 ตร.ม.

ห้องแบบ Studio พื้นที่ใช้สอย 30 ตร.ม. จัดวางเลย์เอาท์ออกมาค่อนข้างดี โดยการแยกส่วนงานระบบกับ ส่วนพักผ่อนออกจากกันชัดเจน

เมื่อเปิดประตูเข้ามาจะเป็นโซนห้องนั่งเล่นใช้พื้นที่ร่วมกับห้องนอน แต่ถ้าใครอยากจะกั้นเป็นประตูบานเลื่อนกระจกเพิ่มเติมก็ยังสามารถทำได้ เพื่อแยกให้ห้องเป็นสัดส่วนมากยิ่งขึ้น ส่วนครัวจะเป็นครัวแบบปิด เหมาะสำหรับการประกอบอาหาร แถมยังอยู่ติดกับระเบียงของห้อง ซึ่งจะช่วยในการระบายกลิ่นและควันจากการประกอบอาหารได้ดี หรืออาจจะติดตั้งเครื่องดูดควันเพิ่ม เพื่อช่วยลดปริมาณควันที่เกิดจากการทำอาหารให้ดีขึ้นก็ได้

เมื่อเปิดประตูเข้ามาในห้องสตูดิโอ ด้านหน้าห้องจะเป็นในส่วนของมุมนั่งเล่น ด้านในเป็นมุมห้องนอน อยู่ในบริเวณเดียวกันทั้งหมดไม่มีผนังหรือกระจกกั้น ห้องจริงจะเป็นห้องโล่งๆ เหมาะสำหรับคนชอบตกแต่งห้องด้วยตัวเอง ส่วนฝ้าเพดานในห้องจะสูง 2.55 เมตร ตามมาตรฐานคอมโดมิเนียมทั่วไป

มุมมองจากมุมห้องนอนหันหน้าไปทางประตูห้อง ด้านหน้าห้องมีพื้นที่มากพอที่จะวางตู้เก็บของและโต๊ะรับประทานอาหารขนาดนั่ง 2 คนได้ ส่วนการเลือกซื้อเฟอร์นิเจอร์แนะนำให้เลือกเป็นเฟอร์นิเจอร์แบบ Built-in จะช่วยประหยัดพื้นที่ในการจัดวางเฟอร์นิเจอร์ภายในห้องได้ดีมากยิ่งขึ้น

ส่วนระยะห่างจากชั้นวางทีวีจนถึงโซฟาจะอยู่ที่ 2 เมตร ขนาดทีวีที่เหมาะสมจะเป็นขนาด 55 นิ้วขึ้นไป จะพอดีกับระยะสายตา  

ประตูห้องจะเป็นแบบด้ามจับคันโยกเป็นระบบล็อกกุญแจปกติ แต่ถ้าใครจะเพิ่มความปลอดภัยอาจจะติด Digital Door Lock แทน

สวิตซ์ไฟเป็นแบบเปิด-ปิดตามมาตรฐานของ Bticino

The tree Interchange จะติดตั้งเครื่องดูดจับควันและสปริงเกอร์ดับไฟมาให้ ซึ่งเพียงพอต่อพื้นที่ในห้อง

พื้นที่บริเวณมุมนั่งเล่นด้านหน้าบริเวณประตูสามารถวางโต๊ะกินข้าวขนาด 2 คน ได้พอดี หรืออาจจะจัดโฟฟ้าชิดด้านนี้แทนแล้วย้ายโต๊ะไปไว้ตรงข้ามห้องครัว

บริเวณมุมนั่งเล่นสามารถติดตั้งชั้นลอยและชั้นสำหรับวางทีวีได้ ซึ่งความกว้างของพื้นที่นี้สามารถวางทีวีขนาด 55 นิ้วได้กำลังพอดี

เครื่องปรับอากาศในยูนิตสตูดิโอทางโครงการจะมีมาให้ให้เพียง 1 ตัวขนาด 9,000 บีทียู ซึ่งเพียงพอสำหรับห้องขนาดเท่านี้

มุมห้องนอนจะติดกับบริเวณมุมนั่งเล่น พื้นที่ในส่วนนี้มีพื้นที่เพียงพอสามารถติดตั้งผนังกระจกหรือม่านบังกั้นเพื่อความเป็นส่วนตัวได้ โดยไม่ทำให้รู้สึกว่าห้องแคบลง แถมยังเพิ่มความเป็นส่วนตัวให้เกิดขึ้นได้อีกด้วย

ในส่วนของมุมห้องนอนนั้นสามารถวางเตียงขนาด 5 ฟุต ได้พอดี สามารถวางโต๊ะเล็กๆ ตกแต่งแต่งไว้ข้างเตียงได้ และมีทางเดินสบายไม่แคบมาก โดยมุมที่วางเตียงจะติดกับหน้าต่างพอดีจะมีทางเดินเหลือเล็กน้อย

เครื่องปรับอากาศตัวเตียวที่ทางโครงการมีให้ติดไว้บริเวณเหนือประตูครัว หันทิศทางลมเข้ากับหน้าเตียงพอดี ทำให้เวลานอนได้ลมอย่างเต็มที่ ส่วนบริเวณตรงข้ามเตียงสามารถวางตู้เสื้อผ้าและโต๊ะเครื่องแป้งได้ โดยที่ไม่ทำให้บังเเรงลมของเครื่องปรับอากาศ แต่ถ้าจะกั้นกระจกบานเลื่อนเพิ่มอาจจะต้องติดตั้งแอร์เพิ่มขึ้นเองอีกสัก 1 ตัว แอร์จึงจะกระจายความเย็นทั่วห้อง

สำหรับหน้าต่างห้องเป็นแบบบานเลื่อนผสมบานฟิกซ์ เป็นช่องแสงขนาดใหญ่ที่ช่วยประหยัดพลังงานได้ดีไม่ต้องเปิดไฟในช่วงตอนกลางวันเลย

ประตูในส่วนนี้จะเป็นประตูของห้องครัว ยูนิตนี้มีการกั้นห้องครัวไว้อย่างมิดชิด หมดกังวลเรื่องของกลิ่นเวลาทำอาหารไปได้เลย

เข้ามาข้างในห้องครัวทางโครงการมีชุดครัวมาให้มีขนาดที่พอดีกับห้องครัว โดยมีพื้นที่เหลือสำหรับวางตู้เย็นเพิ่มได้ แต่วางมาให้ Fix ที่พอสมควร ขนาดตู้เย็นที่เหมาะกับช่องว่างจะเป็นตู้ขนาด 7.4 คิวบิกฟุต เวลาเลือกซื้อต้องคำนวณพื้นที่กันดีๆ สักหน่อย ด้านบนจะเป็นชั้นลอยสองชั้นเล็กๆ สามารถวางของประเภทแก้วน้ำ หรือขวดโหลได้ พร้อมกับมีล็อกเก็บของที่มีประตูปิดมาให้ด้วยซึ่งจะสามารถเก็บของเล็กๆ ได้ ตู้ปิดหน้าบานด้วยลามิเนตเป็นแบบ Soft-close ถนอมเฟอร์นิเจอร์เวลาเปิดปิดได้ดี

เคาน์เตอร์จะเป็นท็อปเป็นเมลามีน มีพื้นที่สำหรับประกอบอาหารเล็กน้อย พร้อมกับติดตั้งปลั๊กไฟไว้ให้หนึ่งจุด

อ่างล้างจานที่มีมาให้จะเป็นอ่างสเตนเลสแบบหลุมเดี่ยว ไม่มีที่พักจานมาให้ ขนาดพอดีใช้ พร้อมก๊อกน้ำแบบก้านโยก หันทิศทางของก๊อกได้เพื่อความสะดวกในการล้างจาน

ด้านล่างอ่างล้างจานเป็นช่องเก็บของ มีท่อระบายน้ำต่อลงไปด้านล่างพร้อมกับมีแผงอลูมิเนียมไว้สำหรับรองรับสิ่งสกปรกทำความสะอาดได้ง่าย และกันความชื้นได้ดี

ความพิเศษของช่องเก็บของด้านล่างตรงประตูช่องจะมีถังขยะในตัวสามารถทิ้งเศษเศษขยะเล็กๆได้ แนะนำว่าก่อนทิ้งให้รองด้วยถุงขยะก่อน

ด้านซ้ายมือของครัวจะเป็นระเบียงที่สามารถออกไปด้านนอกได้ ประตูที่ใช้เป็นกระจกแบบบานเลื่อนเต็มบาน ทำให้มีแสงสว่างเข้าในช่วงกลางวันเป็นการลดใช้พลังงานไฟฟ้าในห้องได้

บริเวณประตูมีการยกธรณีสูงขึ้นเพื่อกันน้ำและฝุ่นเข้ามายังบริเวณครัว

ระเบียงเป็นราวเหล็กมีความสูง 1.15 เมตร หมดกังวลในเรื่องของความปลอดภัยหายห่วง พื้นที่ด้านนอกระเบียงสามารถวางเครื่องซักผ้า ขนาดเล็กๆได้สบาย

คอมเพรสเซอร์แอร์มีการหันหน้าเข้าระเบียง เมื่อใช้เครื่องปรับอากาศบริเวณด้านนอกระเบียงจะมีความร้อนมากกว่าปกติ แต่เป็นข้อดีสำหรับการซักผ้าแล้วตากในเวลากลางคืนซึ่งช่วยให้ผ้าแห้งเร็วขึ้น

ในส่วนของห้องน้ำมีการพื้นธรณีประตูให้สูงขึ้นเพื่อกันน้ำไหลออกมาด้านนอกห้องครัว พื้นห้องน้ำจะปูด้วยกระเบื้องขนาด 20x20 ซม.

ลูกบิดประตูเป็นลูกบิดตามมาตรฐาน

อ่างล้างหน้าเป็นแบบแขวนกับผนังของ American Standard มีก๊อกน้ำแบบก้าานโยก ไม่มีพื้นที่สำหรับวางของ แต่สามารถวางได้ที่ Low wall ทางด้านหลัง ชักโครกเป็นแบบมาตรฐานของ American Standard ปล่อยน้ำแบบ 2 ระบบ เลือกกดทั้งปล่อยน้ำแบบเบาและแบบแรง มาพร้อมกับสายฉีดชำระ และที่ใส่กระดาษทิชชู่ที่เป็นมาตรฐานเหมือนกัน

วาล์วน้ำของชักโครกและสายฉีดชำระใช้ตัวเดียวกัน จะลำบากเวลลาซ่อมแซมอุปกรณ์อย่างใดอย่างหนึ่ง เพราะต้องปิดน้ำแล้วใช้งานสุขภัณฑ์ไม่ได้

บริเวณห้องอาบน้ำจะถูกแยกออกมา ห้องจริงจะไม่ได้กั้นประตูกระจกมาให้ แต่สามารถติดตั้งเองได้ พื้นบริเวณห้องอาบน้ำต่ำกว่าบริเวณชักโครกเพื่อป้องกันน้ำไหลออกมายังบริเวณที่ไม่มีการเปียกน้ำ

ฝักบัวเป็นแบบ Hand Shower แบบมาตรฐาน สามารถปรับระดับความสูงขึ้น-ลงตามต้องการได้

1 BR 35 SQ.M

1 Bedroom พื้นที่ใช้สอย 35 ตร.ม.

ห้องแบบ 1 Bedroom พื้นที่ใช้สอย 35 ตร.ม. การจัดวางฟังก์ชันภายในห้องคล้ายกับห้องสตูดิโอ เพียงแค่กั้นประตูกระจกแยกส่วนของห้องนอนออกมา ทำให้ส่วนต่างๆ ของห้องดูเป็นสัดส่วนมากขึ้น และที่โดดเด่นอีกอย่างคือ การจัดทำระเบียงแยกระหว่างระเบียงซักล้าง และระเบียงชมวิวออกจากกันทำให้ใช้พื้นที่ระเบียงในการชมวิวได้เต็มที่มากขึ้น แต่ตัวระเบียงก็ไม่ได้กว้างมากพอให้วางชุดเก้าอี้ได้สะดวก

ส่วนงานระบบวางตัวไว้ด้วยกันเริ่มจากครัวได้ครัวแบบปิด พร้อมเคาน์เตอร์ครัว Built-in มาให้เรียบร้อย ใช้ทำอาหารได้ดี ไม่ต้องกังวลเรื่องกลิ่นแะควัน ครัวจะขนาบข้างด้วยห้องน้ำและระเบียงซักล้าง ซึ่งเป็นจุดที่ช่วยระบายกลิ่นได้อีกทางหนึ่งด้วย

ประตูห้องของ The tree Interchange เป็นประตู HDF สำเร็จรูป แบบกลอนก้านโยกตามมาตรฐาน ถ้าอยากเพิ่มความปลอดภัยให้มากขึ้น อาจจะติด Digital Door Lock เพิ่มเข้าไปก็ได้

พื้นห้องมีการยกระดับให้สูงขึ้นมาประมาณ 2 ซม. เพื่อป้องกันฝุ่นละอองเข้ามาในห้อง

พื้นห้องเป็นไม้ลามิเนต เพื่อลดการตัดไม้ ทำลายป่า ลามิเนตเป็นพื้นที่มีความคงทนและทำความสะอาดง่าย แต่ไม่ทนต่อน้ำและความชื้น แนะนำรีบเช็ดทำความสะอาดให้แห้งหากทำน้ำหกใส่พื้น ไม่เช่นนั้นอาจจะทำให้พื้นเกิดการบวมน้ำได้

มือจับเป็นแบบด้ามก้านโยกปกติทั่วไป สามารถใช้กุญแจล็อกได้

มี Door Stopper สำหรับใช้รับแรงกระแทกของประตูสู่ฝาผนัง ป้องกันเสียงและป้องกันการกระแทกได้ดี

สวิตซ์ไฟเป็นแบบกดเปิด-ปิดตามมาตรฐานของ Bticino

ภายในห้องมีเครื่องจับควันมาให้หนึ่พร้อมกับสปริงเกอร์สำหรับปล่อยน้ำเวลาเกิดเหตุฉุกเฉิน พร้อมกับไฟ Down Light ทรงกลม ติดให้ทุกส่วนของห้อง

ด้านบนตรงมุมประตูทางเข้าห้อง มีแผงควบคุมไฟฟ้า ติดไว้ค่อนข้างสูง หากเกิดเหตุการคัตเอาท์เด้งจะเอาขึ้น เอาลงทำได้ค่อนข้างลำบาก

บรรยากาศเมื่อเปิดเข้ามาในห้องจะคล้ายกับห้องสตูดิโอ มีมุมนั่งเล่นอยู่ตรงด้านหน้า ด้านหลังเป็นมุมห้องนอน จุดที่แตกต่างกันคือ มีประตูกระจกบานเลื่อนกั้นห้องแบบสามบานมาให้ ทำให้ห้องเป็นสัดส่วนมากขึ้น แต่ก็ยังดูมีพื้นที่เชื่อมถึงกันได้ ทำให้ห้องดูไม่แคบและอึดอัดจนเกินไป

มุมห้องนั่งเล่นส่วนของบริเวณทีวีและประตูค่อนข้างจะอยู่ใกล้กันเวลาเปิดประตูเข้ามา ประตูจะบังทีวี นิดหน่อย อาจจะกะระยะการวางชั้นใหม่ให้พอดีกับช่วงการเปิดประตู

ด้านซ้ายมืองถ้ามองเข้ามาจากหน้าห้อง สามารถวางโต๊ะทานข้าวขนาด 4 คนได้ พร้อมกับโซฟาสำหรับนั่งได้สองคน สำหรับใครที่ไม่ได้เน้นการทำอาหารทานเอง ทานข้างนอกบ่อยๆ อาจจะซื้อเป็นโซฟา Day Bed มาแทน ใช้นอนเล่น นอนดูหนังได้สบายๆ

มองเยื้องจากบริเวณมุมชมทีวีจะเจอกับห้องนอนและห้องครัวเป็นสัดส่วน กระจกบานเลื่อนที่กั้นห้องนอนและห้องนั่งเล่นไว้ สามารถเปิดออกได้ เมื่อเปิดออกจะทำให้ห้องรู้สึกกว้างขึ้น แต่สำหรับใครที่ต้องการความเป็นส่วนตัวมากขึ้นก็อาจจะหาม่นมากั้นเพิ่ม เพื่อบังสายตา หรือติดเป็นสติกเกอร์กระจกขุ่นที่กระจกแทนก็ได้

ห้องนอนสามารถวางเตียงนอนขนาด 5 ฟุตได้สบาย สามารถหาโต๊ะเล็กๆ มาวางข้างเตียงได้

บริเวณด้านข้างเตียงจะมีทางเดินเหลืออยู่ประมาณ 60 ซม. สามารถสามารถเดินได้อย่างสบาย ไม่ต้องกลัวชน ส่วนฝ้าเพดานภายในห้องก็ตามมาตรฐาน สูง 2.55 เมตร ทำให้ห้องดูโปร่งพอสมควร

เครื่องปรับอากาศในยูนิตนี้มามาให้ 2 ตัว คือ ในส่วนของมุมนั่งเล่นและห้องนอน เครื่องปรับอากาศในห้องนอน หันทิศทางรับกับปลายเตียงพอดี ทำให้ผู้นอนสามารถรับลมได้อย่างเต็มที่ พื้นที่ปลายเตียงสามารถหาตู้เสื้อผ้าและโต๊ะเครื่องแป้งมาวางได้ แต่อาจจะต้องวัดพื้นที่ของห้องไปสักหน่อย และเเนะนำให้เลือกซื้อเฟอร์นิเจอร์ Built-in จะช่วยประหยัดพื้นที่ได้ดี

หากวางตู้เสื้อผ้าจะเหลือทางเดินบริเวณปลายเตียงอยู่ ไม่แคบมากสามารถเดินได้สะดวก ภายในห้องจะมีประตูกระจกแบบเลื่อนออกจากกันได้เพื่อออกไปยังระเบียง ในช่วงเวลากลางวันห้องจะสว่างมาก แทบไม่ต้องเปิดไฟ ช่วยประหยัดพลังงานได้ดี

ระเบียงชมวิวด้านนอก เป็นระเบียงแนวยาว ราวกันตกมีความสูง 1.15 เมตร มีความสูงอยู่พอสมควรปลอดภัย พื้นที่บริเวณระเบียงห้องนอนมีพื้นที่จำกัดสามารถชมวิวได้เท่านั้น จะหาเก้าอี้มาวางอาจจะมีความกว้างไม่พอ

วิวบริเวณห้องตัวอย่างเป็นพื้นที่อยู่อาศัยในแนวราบ สามารถมองเห็นห้างสรรพสินที่กำลังจะตั้งขึ้นได้ในอนาคตด้วย ซึ่งถ้าเลือกห้องในชั้นล่างๆ อาจจะโดนบล็อกวิวได้ แนะนำให้เลือกห้องชั้นสูงๆ ไว้จะดีกว่า

มองอีกด้านจะเจอกับอาคาร A ที่อยู่ด้านหลัง ทำให้มองไม่เห็นวิวแม่น้ำ แต่ก็ยังมองเห็นวิวเมืองแทน

ห้องครัวทางโครงการ เดอะ ทรี อินเตอร์เชนจ์ (The tree Interchange) จะมีชุดเคาน์เตอร์ครัวมาให้แบบเดียวกันกับห้องสตูดิโอแต่จะขนาดใหญ่กว่า ครัวจะเป็นแบบปิด เหมาะสำหรับการทำอาหารหนักๆ ด้านข้างชุดครัวจะเป็นที่วางตู้เย็น Fix ที่มาให้ ขนาดตู้เย็นที่เหมาะสมคือ 7.4 คิวบิกฟุต

พื้นในครัวจะเป็นพื้นกระเบื้อง SCG ECO VALUE มีความทนทานและทำความสะอาดง่าย เหมาะสำหรับการทำเป็นพื้นห้องครัวที่ต้องใช้งานน้ำบ่อยๆ

ด้านบนเคาน์เตอร์ครัวจะมีชั้นลอยสำหรับเก็บของทั่วไป เช่นแก้วและด้วยชามเล็กๆ พร้อมตู้เก็บของซึ่งเป็นประตูเปิด-ปิดมาให้ เลือกใช้แบบ Soft-close เพื่อลดการกระแทกและช่วยรักษาหน้าบานเฟอร์นิเจอร์ให้ใช้งานได้นานขึ้น

ชั้นล่างจะเป็นเคาน์เตอร์และอ่างล้างจาน ชั้นล่างจะมีตู้เก็บของที่มีประตูเปิด-ปิด ด้านล่างเป็นชั้นวางไมโครเวฟ

อ่างล้างจานจะมีมาให้แบบหลุมเดี่ยว ไม่มีที่พักจาน พร้อมก๊อกน้ำที่สามารถปรับเปลี่ยนทิศทางหัวก๊อกได้

เคาน์เตอร์ยูนิตนี้มีช่องสำหนับใส่เครื่องซักผ้า สามารถวางเครื่องซักผ้ามาไว้ที่ตรงนี้ได้ ขนาดที่พอดีกับช่องจะเป็นเครื่องซักผ้าขนาด 7 kg. ถัดไปเป็นพื้นที่ระเบียงกั้นด้วยประตูกระจกแบบบานเลื่อน ยกธรณีประตูขึ้นมาเพื่อป้องกันน้ำจากด้านนอกไหลย้อนเข้ามาภายในห้อง

ราวกันตกห้องสูง 1.15 เมตร แต่ขนาดจะเล็กกว่าสามารถตากได้แค่ผ้าเท่านั้น ส่วนคอมเพรสเซอร์แอร์จะเป็นแบบหันหน้าเข้าระเบียง เหมาะสำหรับการตากผ้า ซึ่งทำให้ผ้าแห้งเร็วมาก

ห้องน้ำจะใช้สุขภัณฑ์แบบเดียวกันกับห้องสตูดิโอ กระจกเป็นแบบเต็มบานและมีขนาดใหญ่กว่าห้องสตูดิโอ

อ่างล้างหน้าเป็นแบบแขวนกับผนังของ American Standard ไม่มีชั้นวางของ

Low wall ใช้เป็นชั้นวางของจะอยู่ติดกับกระจก

ชักโครกเป็นแบบมาตรฐานของ American Standard ปล่อยน้ำแบบ 2 ระบบ เลือกกดทั้งปล่อยน้ำแบบเบาและแบบแรง มาพร้อมกับสายฉีดชำระ และที่ใส่กระดาษทิชชู่ที่เป็นมาตรฐานเหมือนกัน

บริเวณห้องอาบน้ำจะถูกแยกออกมา ห้องจริงจะไม่ได้กั้นประตูกระจกมาให้ แต่สามารถติดตั้งเองได้ พื้นบริเวณห้องอาบน้ำต่ำกว่าบริเวณชักโครกเพื่อป้องกันน้ำไหลออกมายังบริเวณที่ไม่มีการเปียกน้ำ

ฝักบัวเป็นแบบ Hand Shower แบบมาตรฐาน สามารถปรับระดับความสูงขึ้น-ลงตามต้องการได้

2 BR 58 SQ.M

2 Bedrooms พื้นที่ใช้สอย 58 ตร.ม.

ห้องแบบ 2 Bedrooms พื้นที่ใช้สอย 58 ตร.ม. The tree Interchange จัดเลย์เอาท์ห้องได้เป็นสัดส่วนมากยิ่งขึ้น ได้ 2 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ จัดวางฝั่งงานระบบไว้ทางซ้ายมือ ได้ครัวแบบปิดเหมาะกับคนชอบทำอาหารเป็นประจำ และได้ระเบียงซักล้างแยกออกจากระเบียงชมวิวเหมือนกับห้องแบบ 1 Bedroom ด้วย

จุดเด่นของห้องนี้จะได้เห็นวิวสองทิศทั้งจากฝั่งห้องนั่งเล่นและห้องนอน เน้นการดีไซน์เพื่อการประหยัดพลังงานด้วยหน้าต่างบานใหญ่ ทำให้กลายเป็นช่องแสงธรรมชาติ ช่วยประหยัดไฟได้ดี

จากหน้าประตูเข้ามาสู่ตัวห้องจะเป็นพื้นที่โล่งค่อนข้างกว้าง สามารถจัดวางเป็นโซนรับประทานอาหาร และหาชั้น Built-in มาติดตั้งเพิ่ม ใช้สำหรับเก็บของ หรือจัดทำเป็นตู้โชว์แทนก็ได้ ส่วนวัสดุพื้นจะเป็นลามิเนตลายไม้ ผนังติดวอลเปเปอร์มาให้เรียบร้อย ความสูงของฝ้าสูง 2.55 เมตรตามมาตรฐานของคอนโดทั่วไป

มองตรงเข้าไปจะเป็นโซนห้องนั่งเล่น ในห้องจริงจะเป็นพื้นที่โล่งๆ สามารถตกแต่งเองได้ตามใจชอบ โดยระยะของชั้นวางทีวีไปจนถึงโซฟาจะอยู่ที่ 2.5 เมตร สามารถวางทีวีขนาดใหญ่ได้โดยไม่ทำให้เสียสายตา

ห้องนั่งเล่นจะอยู่ติดกับระเบียงชมวิว ซึ่งทำเป็นช่องแสงธรรมชาติขนาดใหญ่ทำให้ห้องสว่างแม้จะไม่ได้เปิดไฟ

ประตูระเบียงจะเป็นประตูบานเลื่อนสองตอน ยกธรณีประตูขึ้นสูงเพื่อป้องกันน้ำไหลย้อนกลับเข้ามาภายในตัวห้อง ส่วนพื้นระเบียงด้านนอกจะปูด้วยกระเบื้อง SCG ECO VALUE ซึ่งมีกระบวนการผลิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

ราวกันตกสูง 1.15 เมตร สูงในระดับที่ปลอดภัย ส่วนวิวที่เห็นจะเป็นวิวเมืองและทางรถไฟฟ้า

ห้องนั่งเล่นจะได้แอร์ 1 ตัวติดอยู่เหนือประตูทางเข้าห้องครัว ซึ่งครัวจะแยกออกไปเป็นระบบปิด ดีต่อคนที่ชอบประกอบอาหารบ่อยๆ ไม่ต้องกังวลว่าควันและกลิ่นอาหารจะลอยมาติดกับเฟอร์นิเจอร์ภายในห้องนั่งเล่น

พื้นห้องครัวจะเป็นกระเบื้อง SCG ECO VALUE เช่นเดียวกัน

ห้องครัวในยูนิตนี้เคาน์เตอร์จะเป็นแบบเดียวกันกับยูนิต 1 ห้องนอน มีอ่างล้างจานหลุมเดี่ยว ช่องสำหรับรองรับเครื่องไมโครเวฟและช่องวางเครื่องซักผ้า รวมถึงตู้เก็บของต่างๆ ซึ่งเป็นแบบ Soft-close ทั้งหมด ส่วนผนังด้านหลังเคาน์เตอร์จะเป็นแบบฉาบเรียบทาีมาให้ แนะนำให้กรุกระเบื้องหรือกระจกเพิ่ม เวลาเกิดคราบเปื้อนหรือคราบมันจะได้ทำความสะอาดได้ง่าย

ชั้นลอยด้านบนเป็นชั้นเก็บไม่มีหน้าบานแบ่งออกเป็นสองชั้น สามารถเก็บของได้เล็กๆได้ และมีตู้เก็บของแบบเปิด-ปิด ใช้จัดเก็บภาชนะ หรือวัตถุดิบในการประกอบอาหารได้

ด้านล่างเคาน์เตอร์ครัวบริเวณช่องเก็บของใหญ่มีท่อระบายจากอ่างล้างจานพร้อมถังขยะในตัว และสองช่องที่เหลือสำหรับใส่ของทั่วไปได้ ส่วนเตาไฟฟ้้าและเครื่องดูดควันทาง The tree Interchange ไม่มีให้ต้องซื้อมาติดตั้งเพิ่มเอง

ประตูระเบียงห้องครัวเป็นประตูกระจกบานเลื่อนสองตอน แสงสว่างจะเข้าในเวลากลางวันลดการใช้ไฟฟ้าในห้องได้

ประตูมีการยกธรณีประตูสูงขึ้นเพื่อป้องกันน้ำและฝุ่นละออกเข้ามายังในครัว

ระเบียงห้องสูง 1.15 เมตรเป็นระความสูงที่มีความปลอดภัย แอร์คอมเพรสเซอร์ 2 ตัวหันไปเข้าระเบียงของห้องทำให้พื้นที่ระเบียงมีความร้อนกว่าปกติเมื่อใช้เครื่องปรับอากาศ แต่เป็นข้อดีช่วยทำให้ผ้าแห้งเร็ว

วิวบริเวณห้องตัวอย่างจะบ้านเรือนและพื้นที่ก่อสร้างของห้างสรรพสินค้าแห่งใหม่

ส่วนห้องน้ำมีการยกธรณีประตูสูงขึ้นเพื้อป้องกันน้ำไหลออกมายังบริเวณครัว พื้นปูด้วยกระเบื้องขนาด 20x20 ซม. สีขาว

อ่างล้างหน้าเป็นของ American Standard แบบมาตรฐานเป็นแบบแขวนกับผนัง ส่วนด้านหลังกำแพงทำเป็น Low wall ใช้เป็นพื้นที่วางของเพิ่มเติมได้

ชักโครกก็เป็นของ American Standard เหมือนกันมีระบบปล่อยน้ำ 2 แบบ แบบเบาและแบบแรง ช่วยประหยัดน้ำได้ในตัว ส่วนพื้นที่โซนเปียกกว้างพอประมาณ ยืนอาบน้ำได้สบายๆ ไม่อึดอัด ห้องจริงจะไม่ได้กั้นกระจกแยกส่วนมาให้ แต่สามารถติดตั้งเพิ่มเองได้

ฝักบัวเป็นแบบ Hand Shower ปรับระดับขึ้น -ลงได้

มุมนั่งเล่นเป็นทางเดินระหว่างไปห้องน้ำ ห้องนอนใหญ่และห้องนอนเล็ก เราจะเริ่มสำรวจจากห้องน้ำทางขวามือกันก่อน

ห้องน้ำสำหรับซึ่งใช้วัสดุอุปกรณ์เหมือนกับห้องน้ำในครัว แยกโซนเปียกและโซนแห้งออกจากกันชัดเจน

ห้องนอนเล็กเป็นห้องขนาดที่สามารถรองรับเตียงขนาด 3.5 ฟุต ได้พอดี ห้องนอนไม่มีระเบียงเป็นหน้าต่างแบบบานเลื่อนผสมบานฟิกซ์ มีมุมเล็กๆ สามารถติดชั้นตกแต่งเพิ่มได้

หากวางเตียง 3.5 ฟุตจะเหลือพื้นที่ไว้สำหรับตกแต่งข้างเตียง สามารถนำโต๊ะเล็กๆ มาวางข้างเตียงได้

ห้องนอนเล็กทางโครงการมีเครื่องปรับอากาศมาให้บริเวณนี้สามารถวางตู้เสื้อผ้าและโต๊ะเครื่องแป้งเพิ่มเติมได้ แต่แนะนำให้เลือกเฟอร์นิเจอร์แบบ Built-in จะช่วยประหยัดพื้นที่ในการวางเฟอร์นิเจอร์ได้อีกทาง ทำให้มีพื้นที่ทางเดินเหหลือไว้ให้เดินผ่านบ้าง

ห้องนอนใหญ่พื้นที่บริเวณห้องนอนใหญ่กว้างพอสมควร ไม่มีระเบียงมาให้ มีหน้าต่างเหมือนกับห้องนอนเล็ก แต่จะเพิ่มมาเป็นบานเลื่อนสองบาน สามารถวางเตียงขนาด 5 ฟุตได้ โดยมีพื้นที่รอบๆ เพียงพอต่อการตกแต่งห้องเพิ่มเติม

ตรงข้ามมุมเตียงนอนมีปลั๊กไฟและช่องเสียบสายเคเบิลสำหรับรองรับการติดตั้งทีวี ระยะห่างจากเตียงไปยังทีวีมีระยะห่างประมาณ 1.5 เมตร สามารถเเขวนทีวีขนาด 42 นิ้วได้สบาย

มุมด้านข้างเตียงสามารถวางตู้เสื้อผ้าขนาดใหญ่ได้ พื้นที่เหลือเพียงพอที่จะวางโต๊ะเครื่องแป้งไว้ในมุมเดียวกันได้

Location


การเดินทางไปยัง เดอะ ทรี อินเตอร์เชนจ์ (The tree Interchange)

หลากหลายรูปแบบการเดินทาง

การเดินทางไปยังคอนโด เดอะ ทรี อินเตอร์เชนจ์ (The tree Interchange) สามารถเดินทางได้หลากหลายวิธีและหลากหลายเส้นทาง ดังนี้

การเดินทางด้วยรถไฟ

- รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ช่วงบางใหญ่-เตาปูน ซึ่งจะเปิดให้ใช้บริการประมาณปลายปี 2560

- รถไฟชานเมืองสายสีแดง ช่วงบางซื่อ – รังสิต ซึ่งจะเปิดให้ใช้บริการประมาณปี 2563

- รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ช่วงบางซื่อ – ท่าพระ ซึ่งจะเปิดให้ใช้บริการประมาณปี 2562

ในระหว่างรอรถไฟฟ้าทั้ง 3 สายสร้างเสร็จ ในปัจจุบันคนในย่านบางโพจะเดินทางด้วย รถไฟฟ้า MRT บางซื่อ-หัวลำโพง โดยสามารถนั่งรถไฟเชื่อมต่อบางซ่อน-บางซื่อ-บางซ่อน โดยจะเปิดให้บริการจันทร์ถึงศุกร์ แบ่งเป็น 2 ช่วงเวลาคือ 6.30-9.30 น. และ 16.30-20.30 น. รถไฟจะออกทุกๆ 15 นาทีและใช้เวลาในการเดินทางสถานีละ 3 นาทีเท่านั้น นอกจากรถไฟฟ้าแล้วยังมีรถ Shuttle Bus ที่สถานีเตาปูน สามารถนั่งไปเชื่อมต่อถึง MRT บางซื่อได้เช่นเดียวกัน

การเดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะ

หากเดินทางในละะแวกใกล้เคียงส่วนใหญ่จะเดินทางด้วยรถโดยสารประจำทาง โดยสายรถโดยสารประจำทางที่วิ่งผ่านด้านหน้าโครงการคือ 30 66 65 97 505 นอกจากนี้ก็นิยมใช้บริการวินมอเตอร์ไซค์ รถตุ๊กตุ๊กและรถแท็กซี่เป็นหลัก

การเดินทางด้วยเรือเจ้าพระยา


คอนโด เดอะ ทรี อินเตอร์เชนจ์ (The tree Interchange) อยู่ห่างจากท่าเรือเกียกกายไปประมาณ 1.9 กม. สามารถเดินทางเข้าเมืองทางสาทร หรือออกเมืองไปยังจังหวัดนนทบุรีได้ แต่ต้องสังเกตธงเรือกันสักหน่อย เพราะเรือแต่ละลำจะรับ-ส่งผู้โดยสารในเส้นทางที่แตกต่างกัน

- เรือไม่มีธง
  เส้นทาง : นนทบุรี - วัดราชสิงขร
  เปิดให้บริการ : จันทร์ - ศุกร์ 06.45 - 07.30 น. (เช้า) 16.00 - 16.30 น. (เย็น)
  อัตราค่าโดยสาร : 8 / 10 / 12 บาท (ตามระยะทาง)
- เรือด่วนพิเศษธงส้ม
  เส้นทาง : นนทบุรี - วัดราชสิงขร
  เปิดให้บริการ : ทุกวัน 06.00 -19.00 น.
  อัตราค่าโดยสาร : 14 บาท  
- เรือด่วนพิเศษธงเขียว
  เส้นทาง : ปากเกร็ด - นนทบุรี - สาทร
  เปิดให้บริการ : จันทร์ - ศุกร์ 06.10 - 08.10 น. (เช้า) 16.05 - 18.05 น. (เย็น)
  อัตราค่าโดยสาร : 10 / 12 / 19 / 31 บาท (ตามระยะทาง)
- เรือด่วนพิเศษธงเหลือง
  เส้นทาง : นนทบุรี - สาทร
  เปิดให้บริการ : จันทร์ - ศุกร์ 06.15 - 08.20 น. (เช้า) .00 - 20.00 น. (เย็น)
  อัตราค่าโดยสาร : 19 / 29 บาท (ตามระยะทาง)

การเดินทางโดยรถยนต์ส่วนตัว


คอนโด เดอะ ทรี อินเตอร์เชนจ์ (The tree Interchange) ใช้ถนนหลักคือ ถนนประชาราษฎร์สาย 2 ซึ่งเชื่อมต่อได้ทั้งจากฝั่งขาเข้าเมือง และฝั่งออกนอกเมือง

-ฝั่งขาเข้าเมือง เชื่อมต่อถึงถนนประชาราษฎร์ 1 เข้าสู่สามเสนต่อไปถึงราชเทวี สามารถเข้าถึงอนุสาวรีย์ลากยาวไปถึงสยามได้ หรือจะวิ่งเข้าถนนประชาชื่นเชื่อมไปยังถนนรัชดาภิเษก เพื่อเข้าสู่ย่านลาดพร้าว ตรงยาวไปพระราม 9 เชื่อมต่อเข้าสู่ย่านเศรษฐกิจอย่างอโศก-ทองหล่อก็ได้

-ฝั่งขาออกเมือง เชื่อมต่อถึงถนนประชาราษฎร์ 1 เข้าสู่ถนนวงศ์สว่าง หรือจะข้ามสะพานพระราม 7 เพื่อเข้าสู่ถนนจรัญสนิทวงศ์ ต่อถึงฝั่งธนบุรีได้ แต่ถ้าต้องการเดินทางไปยังฝั่งธนบุรีแบบรวดเร็วสามารถใช้ทางด่วนโครงการทางพิเศษสายศรีรัช-วงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานคร ขับไปลงทางฝั่งธนบุรีได้เช่นเดียวกัน แต่สำหรับใครที่ต้องการเดินทางไปยังจังหวัดนนทบุรีแนะนำให้ใช้ถนนกรุงเทพ-นนทบุรี เพื่อตรงเข้าสู่จังหวัดนนทบุรีเลยก็ได้

Environment

สำรวจสภาพแวดล้อมรอบโครงการ เดอะ ทรี อินเตอร์เชนจ์ (The tree Interchange)

เดอะ ทรี อินเตอร์เชนจ์ (The tree Interchange) โดดเด่นในเรื่องของวิวแม่น้ำและวิวเมือง รองรับการอยู่อาศัยด้วยพื้นที่ติดห้างเกตเวย์ บางซื่อ รอบโครงการมีทั้งที่อยู่อาศัยแนวราบตามแบบฉบับของชุมชนดั้งเดิม และมีคอนโดมิเนียม High Rise ที่เริ่มเข้ามาจับจองพื้นที่ทำเลดีติดรถไฟฟ้า วิวสวย และจะเดินทางสะดวกด้วยในอนาคต

ส่วนสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ ในระยะเดินถึงจะมีโรงพยาบาลบางโพ ปั๊มน้ำมัน ไกลออกไปอีกหน่อยจะเป็น Big C วงศ์สว่าง เทสโกโลตัส ประชาชื่น เลยไปอีกหน่อยจะเป็นบริษัท SCG และสถานีรถไฟบางซื่อ

สำหรับสถานที่เที่ยวและแหล่งชอปปิง จะมีซอย ประชานฤมิตร ถนนสายไม้บางโพ, ท่าเรือเกียกกาย และวัดแก้วจุฬามณีที่อยู่ใกล้ๆ ส่วนไกลออกไปอีกนิดจะเป็นชุมทางสยามยิปซี และตลาดบางซ่อน แหล่งชอปปิงราคาไม่แพงของคนย่านบางโพ


ไลฟ์สไตล์ย่านบางโพ

บางโพ ทำเลแห่งอดีตบรรจบสู่ปัจจุบันได้อย่างลงตัว

เรียกว่าเป็นทำเลเก่าแก่อีกแห่งสำหรับ ‘บางโพ’ ทำเลที่โด่งดังในเรื่องของการค้าไม้ ทั้งเฟอร์นิเจอร์ไม้หรืองานไม้แปรรูป การใช้ชีวิตของคนในย่านนี้จึงยังคงเรียบง่ายตามแบบฉบับชุมชนเก่าแก่ สภาพบ้านเรือนจะเป็นอาคารพาณิชย์ เปิดร้านขายของที่ชั้นล่าง ผู้คนในย่านนี้ไม่ได้คึกคักมากมายนัก เพราะเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยมากกว่าแหล่งท่องเที่ยวขึ้นชื่อ จึงเหมาะสำหรับคนชอบอะไรที่สงบ เรียบง่าย ผสมผสานกลิ่นอายของย่านเก่าแก่ไว้ รวมกับความทันสมัยที่กำลังหลั่งไหลเข้ามาในอนาคต

สำหรับพื้นที่รอบๆ คอนโด เดอะ ทรี อินเตอร์เชนจ์ (The tree Interchange) ส่วนใหญ่จะเป็นอาคารพาณิชย์ ใต้อาคารเปิดร้านขายของเป็นร้านขายของชำ ร้านอาหาร ร้านตัดผม เป็นต้น ริมฟุตบาทเองก็มีเหล่าบรรดาพ่อค้า แม่ค้าเข้ามาจับจองพื้นที่ขายของกันบ้างประปราย


ตรงข้ามเยื้องกับโครงการเล็กน้อจะเป็นธนาคารไทยพาณิชย์ สะดวกสบายสำหรับการทำธุรกรรมทางการเงิน

รอบๆ คอนโด The tree Interchange ยังรายล้อมด้วยคอนโดเพื่อนบ้านอีกหลายเจ้า ไม่ต้องกลัวว่าจะเหงา เพราะในอนาคตทำเลนี้จะกลายเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยใหม่ที่น่าจับตามอง

ไม่ไกลจากตัวโครงการมากจะมีสถานพยาบาลคือ โรงพยาบาลบางโพ ที่นอกจากจะเป็นโรงพยาบาลแล้วคนในย่านนี้ยังเล่าให้ฟังว่า ทางโรงพยาบาลได้จัดทำ ตลาดนัดสีเขียว เพื่อให้เข้ากับเทรนด์การใช้ชีวิตของคนในปัจจุบันที่หันมารักสุขภาพกันมากขึ้น โดยจะจัดให้เป็นแหล่งชอปผลิตภัณฑ์ ข้าวของเครื่องใช้ อาหารที่มีกระบวนการผลิตตามวิถีธรรมชาติ ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม และปลอดสารพิษ

ติดกับพื้นที่โครงการทางทิศตะวันตก จะเป็นห้างสรรพสินค้าเกตเวย์ บางซื่อ ซึ่งกำลังก่อสร้างอยู่และคาดว่าจะแล้วเสร็จในช่วงปลายปี 2561 เป็นห้างใหม่ที่จะช่วยทำให้ย่านนี้คึกคักและเปลี่ยนไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตที่เรียบง่ายให้ดูคึกคัก มีสีสันมากขึ้น

ติดกับพื้นที่ห้างจะเป็นร้านอาหารที่สามารถเข้ามาฝากท้องกันได้กับ War Grill Yakiniku สงครามแห่งปิ้งย่าง ร้านนี้เป็นของหนุ่มโดม The star เป็นร้านปิ้งย่างเล็กๆ ที่ดูน่าสนใจไม่น้อยเลย

ภาพประกอบจาก WargrillYakiniku (https://www.facebook.com/WargrillYakiniku/) เป็นร้านบุฟเฟต์ปิ้งย่างจัดเต็มด้วยเนื้อและซีฟู้ดน่ารับประทาน เสิร์ฟให้ไม่อั้นตลอด 90 นาทีเต็ม

เฟซบุ๊ก

https://www.facebook.com/WargrillYakiniku/

โทร 089 967 2321

เวลาเปิด-ปิด 11:00 - 22:00

เดินไปอีกไม่ไกลจะเป็นที่ทำการไปรษณีย์บางโพ ใครจะส่งพัสดุหรือจดหมายก็ไปใช้บริการกันได้

ร้านค้าจะเป็นร้านเกี่ยวกับไม้เป็นส่วนใหญ่ ส่วนร้านอาหารทั่วๆ ไปในย่านนี้จะเป็นร้านอาหารจีน หรือร้านอาหารที่เปิดกิจการมานานกว่าสิบปี ทั้งก๋วยเตี๋ยว เย็นตาโฟ ผัดไท บ้านริมรั้ว ไก่ย่างวิเศษ ฯลฯ ทำให้ย่านนี้มีกลิ่นอายความเก่าแก่แบบดั้งเดิม ซึ่งหาไม่ค่อยได้ในตัวเมือง

ถนนในย่านบางโพดูจะเดินทางง่าย การจราจรไม่ได้ติดขัดมาก ยกเว้นชั่วโมงเร่งด่วนที่คนทำงานเริ่มกลับบ้าน ผู้คนที่อาศัยอยู่ฝั่งจังหวัดนนทบุรี หรือฝั่งธนบุรีก็จะใช้ถนนแถวนี้ในการสัญจรไปมา แต่เนื่องจากมีท่าเรือเกียกกายอยู่ไม่ไกลมาก ผู้คนบางส่วนจึงเลือกใช้เรือแทนรถยนต์ และถ้าในอนาคตมีการเปิดใช้บริการรถไฟฟ้าด้วยแล้ว เเชื่อว่าย่านนี้จะเดินทางได้สะดวกและรวดเร็วมากขึ้นเป็นเท่าตัว

แหล่งท่องเที่ยวและแหล่งชอปปิงสไตล์ Local Life

การท่องเที่ยวและแหล่งชอปปิงส่วนใหญ่ยังเป็นสไตล์ Local Life ที่เน้นไปที่ตลาด ไม่ว่าจะเป็นตลาดขายเฟอร์นิเจอร์หรือตลาดสด ซึ่งขายของราคาไม่แพง ดูแล้ววินเทจเข้ากับบรรยากาศภายในพื้นที่เป็นอย่างดี

ถนนสายไม้บางโพ ตลาดเฟอร์นิเจอร์ไม้ขึ้นชื่อ ราคาไม่แพง


สำหรับสถานที่เที่ยวและแหล่งชอปปิงใกล้ๆ ก็ขอเอาใจคนรักเฟอร์นิเจอร์ไม้ด้วยซอย ประชานฤมิตร ถนนสายไม้บางโพ ที่รวบรวมแหล่งซื้อไม้แปรรูปสำหรับตกแต่งห้อง ในราคาไม่แพง แถมยังเป็นซอยที่มีบอกเล่าเรื่องราวและสะท้อนแหล่งอาชีพสำคัญของย่านบางโพได้เป็นอย่างดี


บางโพขึ้นชื่อเรื่องค้าไม้มาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 1

ในอดีต บางโพ เป็นที่ราบลุ่มริมแม่น้ำเจ้าพระยาเหมาะแก่การเพาะปลูก บริเวณนี้ทำสวนผลไม้เป็นส่วนใหญ่ และมีชนต่างถิ่นหลายกลุ่ม ทั้งไทย จีน ญวน เข้ามาอาศัยตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 1

ชาวจีนส่วนหนึ่งย้ายจากย่านวัดสระเกศ สะพานขาว บางลำพู ได้นำอาชีพเกี่ยวกับการทำเฟอร์นิเจอร์ และงานฝีมือช่างไม้ติดตัวมาด้วย ประกอบกับพื้นที่ชุมชนอยู่ใกล้แม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งเป็นเส้นทางล่องแพซุง แพไม้ จากเหนือสู่เมืองกรุง อีกทั้งมีโรงเลื่อยตั้งบริเวณท่าน้ำเป็นจำนวนมาก ทำให้ชาวชุมชนบางโพหันมาจับอาชีพทำเฟอร์นิเจอร์ ทำให้กลายเป็นแหล่งซื้อ-ขายเฟอร์นิเจอร์ไม้ที่ขึ้นชื่อมาจนถึงยุคปัจจุบัน

ภายในซอยมีร้านเฟอร์นิเจอร์มากมายกว่า 200 ร้านเรียงรายตลอดทั้งสองฝั่งถนน ส่วนรูปแบบของเฟอร์นิเจอร์ ก็มีให้เห็นตั้งแต่เฟอร์นิเจอร์ชิ้นใหญ่อย่างประตู หน้าต่าง เก้าอี้ รวมไปถึงพื้นไม้ก็ยังมีขายในซอยนี้ด้วยเช่นกัน

นอกจากเฟอร์นิเจอร์ไม้ชิ้นใหญ่ ก็ยังมีของประดับตกแต่งชิ้นเล็กๆ มากมาย ราคาไม่แพงด้วย

คนรักการกินต้องห้ามพลาด กับตลาดบางซ่อน

ห่างจากโครงการ เดอะ ทรี อินเตอร์เชนจ์ (The tree Interchange) มาประมาณ 3.3 กม. ตัวตลาดจะอยู่ตรงข้ามกับสถานีรถไฟฟ้าบางซ่อน

เป็นตลาดสดช่วงเย็น อยู่ติดกับชุมทางสยามยิปซี ใครที่อยากแวะซื้ออาหารทานเล่นในราคาไม่แพง หรือเดินเที่ยวเล่นก็สามารถแวะเข้าไปได้

ตลาดชิคๆ ของวัยรุ่นกับชุมทางสยามยิปซี

หากคนที่มีไลฟ์สไตล์ชอบของเท่ๆ เก๋ๆ มีเอกลักษณ์ รักงานแฮนด์เมด รักของเก่าแนววินเทจ แล้วไม่มาชุมทางสยามยิปซี หรือที่เรียกกันว่าตลาดนัดยิปซีก็เหมือนจะพลาดสถานที่สำคัญไปเลย เพราะที่นี่เป็นที่รวบรวมสินค้าฮิปๆ ของเก่าคลาสสิคไว้มากมาย

ชุมทางสยามยิปซีเปิดอยู่ใต้สถานีรถไฟฟ้าสายสีม่วงบางซ่อน ห่างจากโครงการ เดอะ ทรี อินเตอร์เชนจ์ (The tree Interchange) มาประมาณ 3.3 กม. เป็นตลาดเท่ๆ มีดนตรี และร้านขายของแนวนิวเทจมากมายให้เลือกชอปกัน นอกจากนี้ยังมีร้านอาหารให้เข้าไปฝากท้องกันอีกหลายร้าน ใครว่างๆ ก็ลองแวะไปสำรวจกันดูได้ ตลาดนี้จะมีเวลาเปิด-ปิด คือ วันอังคาร-อาทิตย์ เวลา 17.00 น.– 0.00 น.

แหล่งบริษัทเอกชนและศูนย์ราชการ

นอกจากจะเป็นแหล่งชุมชนเก่าแล้ว บางโพยังเป็นที่ตั้งของบริษัทเอกชนชั้นนำหลายแห่ง เช่น บริษัท SCG เป็นต้น ซึ่งผู้ซื้อคอนโด เดอะ ทรี อินเตอร์เชนจ์ (The tree Interchange) ก็มาจากพนักงานบริษัทใหญ่ๆ ที่ต้องการหาที่พักใกล้กับที่ทำงาน

เหล่าข้าราชการเองก็สนใจซื้อคอนโดด้วยเช่นเดียวกัน บริเวณนี้เต็มไปด้วยศูนย์ราชการมากมาย รวมทั้งในอนาคตจะมี รัฐสภาใหม่ ตั้งในบริเวณนี้เพิ่มขึ้นมาอีกด้วย รับรองว่า ซื้อไว้ลงทุนก็คุ้มค่า เพราะพื้นที่นี้จะเป็นพื้นที่อยู่อาศัยแห่งใหม่ในอนาคต

Analysis

วิเคราะห์โครงการ เดอะ ทรี อินเตอร์เชนจ์ (The tree Interchange)

จุดเด่นของโครงการ

- เดินทางได้หลากหลายรูปแบบทั้งรถไฟฟ้า เรือ รถโดยสารประจำทาง และรถยนต์ส่วนตัว

- ใกล้กับรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย 2 สถานี ได้แก่ สถานีเตาปูน 600 เมตร และสถานีบางโพ 350 เมตร

- คอนโดวิวสวย ได้ทั้งวิวแม่น้ำเจ้าพระยาและวิวเมือง

- เน้นพื้นที่สีเขียวภายนอก และการประหยัดพลังงานภายในอาคาร


การเดินทาง

เดินทางสะดวกทั้งฝั่งเข้าเมืองและออกนอกเมือง

ด้านการเดินทางสามารถเดินทางได้หลากหลายเส้นทาง ไม่ว่าจะเป็นฝั่งขาเข้าเมืองและออกเมือง แต่จะค่อนข้างสะดวกสำหรับฝั่งขาออกเมืองไปยังฝั่งธนบุรีเป็นพิเศษ เพราะเดินทางเชื่อมต่อจากรถไฟฟ้าสายอนาคตอย่าง รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ช่วงบางซื่อ – ท่าพระไปก็ได้ ส่วนรถยนต์จะใช้เส้นทางข้ามสะพานพระราม 7, ทางด่วนโครงการทางพิเศษสายศรีรัช-วงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานคร และในอนาคตจะมีการทำสะพานเกียกกายไว้สำหรับข้ามไปยังถนนจรัญสนิทวงศ์ได้ด้วย 

ส่วนการเข้าเมืองก็ไม่ได้ลำบากมากนัก สามารถใช้ถนนสามเสนต่อไปถึงราชเทวี สามารถเข้าถึงอนุสาวรีย์ลากยาวไปถึงสยามได้ หรือจะวิ่งเข้าถนนประชาชื่นเชื่อมไปยังถนนรัชดาภิเษก เพื่อเข้าสู่ย่านลาดพร้าว ตรงยาวไปพระราม 9 เชื่อมต่อเข้าสู่ย่านเศรษฐกิจอย่างอโศก-ทองหล่อก็ได้

สำหรับใครที่หวังพึ่งพารถไฟฟ้าอาจจะต้องรอให้รถไฟฟ้าเชื่อมต่อถึงกันก่อนจะสะดวกมากกว่านี้ แต่ในช่วงนี้สามารถใช้ รถไฟเชื่อมต่อบางซ่อน-บางซื่อ-บางซ่อน หรือ Shuttle Bus ในการเดินทางไปยัง MRT บางซื่อได้


สภาพแวดล้อม

เรียบง่ายตามแบบฉบับชุมชนดั้งเดิม

รอบคอนโด เดอะ ทรี อินเตอร์เชนจ์ (The tree Interchange) เป็นแหล่งที่อยู่อาศัยแบบชุมชนดั้งเดิม พื้นที่ส่วนใหญ่จะเป็นอาคารแนวราบ ยกเว้นตามแนวรถไฟฟ้าที่จะมีคอนโดมิเนียม High Rise เข้ามาจับจองพื้นที่ สภาพแวดล้อมจึงดูสงบ เรียบง่าย เหมาะสำหรับการอยู่อาศัยดูแล้วไม่วุ่นวายเหมือนในเมืองใหญ่ ด้านการท่องเที่ยวและแหล่งชอปปิงส่วนใหญ่ยังเป็นสไตล์ ที่เน้นไปที่ตลาด ซึ่งขายของราคาไม่แพง ดูแล้ววินเทจเข้ากับบรรยากาศภายในพื้นที่เป็นอย่างดี

แต่ในอนาคตอันใกล้จะมีห้างใหญ่อย่างเกตเวย์ บางซื่อเปิดตัวขึ้นมา พื้นที่นี้ก็อาจจะเปลี่ยนแปลงรูปแบบการใช้ชีวิตให้ทันสมัยมากขึ้น อาจจะมีห้างอื่นๆ หรือแห่งคอมมูนิตี้ มอลล์ใหม่ๆ ตามมาอีก ทำให้พื้นที่ย่านบางโพเจริญมากขึ้นจนกลายเป็นทำเลใหม่ที่คนเมืองรักความสงบอยากจับจองเป็นเจ้าของ


แบบห้อง

สำหรับแบบห้องของ เดอะ ทรี อินเตอร์เชนจ์ (The tree Interchange) ทางโครงการขายแบบ Fully Fitted ให้แอร์ ชุดครัว วอลเปเปอร์ และสุขภัณฑ์ตามมาตรฐานของคอนโดทั่วไป มีให้เลือกทั้งหมด 3 แบบด้วยกัน คือ 

- Studio พื้นที่ใช้สอย 30 ตร.ม.

- 1 Bedroom พื้นที่ใช้สอย 35 ตร.ม.

- 2 Bedrooms พื้นที่ใช้สอย 58 ตร.ม.

ด้านการออกแบบทำออกมาได้ค่อนข้างดี จุดเด่นของโครงการคือ มีการแยกระเบียงชมวิวกับระเบียงซักล้างออกจากกันในห้องแบบ 1 Bedroom และ 2 Bedrooms เนื่องจากเป็นคอนโดวิวสวย จึงอยากให้ผู้ซื้อได้ชมวิวสวยๆ จากระเบียงห้อง นอกจากนั้นยังเหมาะสำหรับคนชอบทำอาหารเพราะทุกยูนิตจะได้ครัวแบบปิด สามารถทำอาหารหนักๆ ได้สบายๆ


สิ่งอำนวยความสะดวก

สิ่งอำนวยความสะดวกของทาง เดอะ ทรี อินเตอร์เชนจ์ (The tree Interchange) ทำออกมาได้ค่อนข้างดี แยกสิ่งอำนวยความสะดวกออกเป็น 2 ตึก เพื่อลดความหนาแน่นและเพิ่มความเป็นส่วนตัว โดยส่วนกลางที่ได้จะมี

- สระว่ายน้ำ

- ฟิตเนส

- สวนหย่อม

- ห้องน้ำส่วนกลาง

- mail box

- Free WIFi

- บาร์ลอยฟ้า

- โถงรับรอง

- ร้านค้า

ส่วนระบบรักษาความปลอดภัย โครงการจะใช้ระบบ key card ในการเข้าออกอาคาร รวมถึงีรปภ. คอยตรวจตราคนเข้า-ออกให้อีกทางหนึ่ง มีระบบป้องกันอัคคีภัยติดตั้งให้ตามกฎหมายอาคารสูง และมี กล้อง CCTV คอยตรวจจับและรักษาความปลอดภัยให้ตลอด 24 ชั่วโมง


ราคา

เริ่มต้นที่ 2.49 ล้านบาท เฉลี่ยต่อตารางเมตรอยู่ที่ 83000 บาท ก็ถือว่าราคาสูงอยู่สำหรับคอนโดแถบชานเมือง แต่ถ้ามองในแง่ของการอยู่อาศัยที่ในอนาคตจะมีความสะดวกสบายเข้าถึงก็ถือว่า คุ้มค่าพอสมควร และยิ่งถ้าใครอยู่อาศัยหรือทำงานในย่านนี้อยู่แล้วยิ่งคุ้มค่า เพราะได้ห้องวิวสวย ห้องกว้าง มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน และในอนาคตจะรายล้อมไปด้วยรถไฟฟ้า ห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่


เดอะ ทรี อินเตอร์เชนจ์ (The tree Interchange) เป็นคอนโด High Rise เหมาะสำหรับคนที่ต้องการซื้อคอนโดเพื่ออยู่อาศัย หรือลงทุน ทำงานอยู่ในย่านนี้หรืออยู่อาศัยในย่านนี้อยู่แล้ว ต้องการคอนโดวิวสวยเห็นวิวเเม่น้ำเจ้าพระยาและต้องการทำเลที่สะดวกสบายในอนาคต

แบ่งปันบทความให้เพื่อนๆของคุณ